xs
xsm
sm
md
lg

เมื่อกฎแห่งกรรมถูกบังคับใช้

เผยแพร่:   โดย: ทับทิม พญาไท

พานทองแท้ ชินวัตร
ยังไม่ทันหมดเรื่องผู้ซึ่งความสับสน ปั่นป่วนให้กับแวดวงพระพุทธศาสนาอย่าง “ธัมมชโย” และ “ทัตตชีโว” ซึ่งยังคงต้องตามไล่ล่ากันอยู่ในทุกวันนี้ จู่ๆ... “วิบากกรรม” ดันย้อนกลับมาหา “อันฑะโต” ผู้ซึ่งตั้งเป้า ตั้งปณิธานหวังจะกลับมาจรรโลงพระพุทธศาสนา (ถ้าหากมีโอกาสได้กลับประเทศไทย) กันอีกซะแร้นน์น์น์...

อย่างที่ทราบๆ กันไปแล้วนั่นแหละว่า...ด้วยเหตุเพราะกรมสรรพากรมิอาจ “อมสากกะเบือ” ไปได้โดยตลอด โดยเฉพาะเมื่อต้องถูกผู้ว่าการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) งัดปากให้ต้องพูด ต้องคายอะไรออกมามั่ง ก่อนคดีเก็บภาษีหุ้นชินฯ จะหมดอายุความ ทุกสิ่งทุกอย่างมันเลย “ร้อนฉ่า”ขึ้นมาอีกจนได้ “กรรมของพ่อ” ต้องกลายเป็น “เวรของลูก” หรือ “เวรของลูก” ต้องกลายเป็น “กรรมของพ่อ” ก็แล้วแต่ แต่งานนี้...ยังไงๆ “ผมย่อมอยู่ไม่เป็นสุข” อยู่แล้วแน่!!!

แต่เมื่อ “ผมอยู่ไม่เป็นสุข” โอกาสหวังจะให้ใครต่อใคร “ต้องอยู่ไม่เป็นสุข” เช่นเดียวกับผม...มาถึงขั้นนี้ คงปฏิเสธไม่ได้ว่า มันออกจะ “ยากซ์ซ์ซ์” กว่าแต่ก่อนเอามากๆ คือมันแทบไม่เหลือเครื่องมือ เครื่องไม้ ไม่เหลืออุปกรณ์ ในการแหย่โน่น แหย่นี่ อย่างที่เคยเป็นมาตลอดช่วงระยะ 5 ปี 10 ปี กรรมวิธีที่ดีที่สุด...จึงหนีไม่พ้นต้องอาศัยการ “ต่อเส้น-ต่อสาย” อาศัยคุณลักษณะความเป็นไทยๆ ตามแบบฉบับ “ระบบอุปถัมภ์” นั่นแหละ ที่ดูจะหลงเหลือ “ความเป็นไปได้” ค่อนข้างมากที่สุด อีกทั้งไม่ถึงกับต้องลงทุน ลงแรง อะไรมากมาย...

แต่ก็อย่างว่า...แต่ละกรณีๆ ที่ “ระบบอุปถัมภ์” อาจพอช่วยเหลือเยียวยา ได้บ้าง ไม่ว่ามากหรือน้อย มักมีอันต้องเจอกับภาวะ “หมากบังคับ” ซึ่งอาจส่งผลให้ผู้ที่คิดช่วยเหลือเยียวยา มีแต่ตาย...กับ...ตาย หรือเจ๊ง...กับ...เจ๊งไปด้วยกันทั้งนั้น คือโดย “ใจ” นั้น คงอยากช่วย อยากเยียวยานั่นแหละ แต่โดยทาง “ปฏิบัติ” มันออกจะ “ยากซ์ซ์ซ์ฉิบหาย” ด้วยเหตุเพราะ “กรรม” แต่ละกำ ที่ถูกสร้าง ถูกกระทำเอาไว้ มันออกจะหนักหนาสาหัสกว่าที่ “มนุษย์” ปกติธรรมดาโดยทั่วไป จะสามารถแก้กรรม สแกนกรรมได้ง่ายๆ คือมันออกไปทางโฉ่งฉ่าง อลึ่งฉึ่ง ระดับ “ When the elephant dies you can not cover them up with one small lotus leave.” ยูโน๋ว์...ยูโน๋ว์ ไปด้วยกันทั้งสิ้น นั่นแล...

ไม่ว่าเรื่องดาวเทียม เรื่องข้าว เรื่องโรลส์-รอยซ์ ไปจนเรื่องเสียภาษี-ไม่เสียภาษี ฯลฯ...ล้วนออกไปในแนวแทบไม่ต่างไปจากกันซักเท่าไหร่นัก คือ “ปิดยังไง...ก็ปิดไม่มิด” แม้จะเด็ดใบบัวมาทั้งบึง ก็มิอาจปิดบังความผิด ไม่อาจกลบเกลื่อนความไม่ชอบมาพากล ที่ขึ้นอืดพอๆ กับช้างตายยกฝูงได้เลยแม้แต่น้อย มีแต่ต้องไปยื่นกระทู้ เสนอร่างกฎหมายต่อ “พระผู้เป็นเจ้า” ให้แก้ไข “กฎแห่งกรรม” เอาเลยโน่นแหละ ถึงอาจพอช่วยๆ ได้มั่ง ไม่งั้น...ทุกสิ่งทุกอย่าง มันคงต้องดำเนินไปตามแบบฉบับ “ด้วยเหตุเพราะสิ่งนี้-สิ่งนี้...สิ่งนี้จึงเป็นไป” นั่นเอง...

ด้วย “ตาข่ายฟ้า” ที่ถูกขึงพืดไว้ในทุกทิศ-ทุกทาง เช่นนี้...มันเลยส่งผลให้ แม้จะใช้กรรมวิธีที่ดีที่สุด แยบยลที่สุด และเป็นไปได้มากที่สุด ในการ “ต่อเส้น-ต่อสาย” อย่างที่ว่าเอาไว้แล้ว แต่ยังแทบไม่หลงเหลือความเป็นไปได้ยิ่งขึ้นทุกที เหลือแต่หนทางเดียวเท่านั้น...นั่นคือต้องยอมรับสภาพ ต้องพยายาม “ทำใจ” ในการ “ชดใช้หนี้กรรม” อย่างมิอาจหลีกเลี่ยง ปฏิเสธ และเบี่ยงเบนไปเป็นอื่น เพราะถ้าหากจะหวนกลับไปใช้กรรมวิธี...“ถ้าผมอยู่ไม่เป็นสุข...อย่าหวังว่าคนอื่นจะอยู่เป็นสุขได้เลย” อันนี้...ไม่ใช่แค่ตายกับตายเท่านั้น เผลอๆ...อาจถูกประหาร 7 ชั่วโคตรเอาเลยก็ไม่แน่!!!
กำลังโหลดความคิดเห็น