ดีเอสไอเพิ่งรู้ "ธัมมชโย" ไม่ป่วยจริง หลังค้นแล้วหาตัวไม่เจอ ยันหากได้เบาะแสไปอยู่ที่ไหน จะขอหมายค้นตามไปจับ แต่ถ้าหนีออกนอกประเทศ จะประสานขอให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดน จ่อเล่นงานวัดพระธรรมกาย ดัดแปลงเพลง MV เข้าข่ายปลุกระดมหรือไม่ ด้านศาลธัญบุรีออกหมายจับเพิ่มอีก 1 ข้อหา ฐานฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. "บิ๊กป้อม" ยังปลื้มผลงานดีเอสไอ ทั้งที่จับไม่ได้ รับมีการเมืองหนุนหลัง ปล่อยตำรวจสอบ "วิษณุ"เผยรอดู คสช. หารือ เลิกม. 44 หรือไม่
พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ รองโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยถึงการดำเนินการติดตามตัวพระไชยบูลย์ สุทธิผล หรือพระธัมมชโย มาดำเนินคดีตามหมายจับของศาล ว่า ขณะนี้เป็นที่ปรากฏชัดเจนแล้วว่าพระธัมมชโยไม่ได้อาพาธอย่างที่ลูกศิษย์ได้กล่าวอ้างก่อนหน้านี้ เพราะจากการเข้าไปตรวจค้นภายในวัดพระธรรมกาย พระธัมมชโยสามารถเคลื่อนย้ายได้ ไม่ได้พำนักอยู่ที่ตำแหน่งเดิม และหากในทางการข่าวพบว่าพระธัมมชโยอยู่ในพื้นที่อื่น นอกเขตควบคุมพิเศษ ก็สามารถขอหมายค้นจากศาลเพื่อเข้าตรวจค้นได้
ขณะเดียวกัน หากได้รับข้อมูลว่าพระธัมมชโยหนีออกนอกประเทศ ก็สามารถใช้กฎหมายฉบับใหม่ คือ พ.ร.บ.ว่าด้วยความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อขอให้ประเทศปลายทางส่งกลับมาที่ประเทศไทย แต่ขณะนี้ยังไม่พบข้อมูลว่าพระธัมมชโยออกนอกประเทศ ไม่ว่าจะเป็นในเส้นทางปกติหรือเส้นทางธรรมชาติ ดังนั้น การทำงานหลังจากนี้ ก็จะเป็นในเรื่องของปฏิบัติงานด้านการข่าวเป็นหลัก ซึ่งฝ่ายสืบสวนจะทำงานอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะสามารถติดตามตัวพระธัมมชโยมาดำเนินคดีตามหมายจับของศาล
“ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดในทางการข่าวขณะนี้ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฝ่ายปฏิบัติการสืบสวนได้ทำงาน เพราะหากเปิดเผยข้อมูลออกไป จะทำให้ฝ่ายสืบสวนทำงานลำบากขึ้น”
พ.ต.ต.วรณันกล่าวอีกว่า มีความจำเป็นต้องคงประกาศมาตรา 44 เอาไว้ เนื่องจากภายในวัดพระธรรมกายและบริเวณโดยรอบ ยังเป็นพื้นที่อ่อนไหว ที่อาจมีกลุ่มผู้ไม่หวังดีเข้ามาก่อเหตุสร้างสถานการณ์ และหากทางการข่าวรับทราบว่าพระธัมมชโยกลับเข้ามาภายในพื้นที่ควบคุม ก็สามารถเข้าไปค้นวัดได้อีก แต่ก็เป็นอำนาจของอธิบดีดีเอสไอ ที่จะผ่อนปรนให้ลูกศิษย์สามารถเข้าไปปฏิบัติศาสนกิจภายในวัดได้ตามปกติ
ส่วนการจะประกาศให้พื้นที่สาขาของวัดพระธรรมกายเป็นเขตควบคุมพิเศษ ตามมาตรา 44 หรือไม่นั้น ในคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 5/2560 ข้อ 2 ให้อำนาจหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ประกาศให้พื้นที่สาขาของวัดพระธรรมกายเป็นพื้นที่ควบคุมพิเศษได้ แต่ขณะนี้ยังไม่ได้มีการดำเนินการ
นอกจากนี้ ล่าสุดได้รับรายงานว่าศาลจังหวัดธัญญบุรี มีการออกหมายจับพระธัมมชัยโยเพิ่มอีก 1 หมายจับ ข้อหาขัดคำสั่ง คสช. ไม่มารายงานตัวตามหมายเรียก ขณะเดียวกัน ได้ให้ฝ่ายกฎหมายไปตรวจสอบดูว่ากรณีที่วัดพระธรรมกายนำเพลงจากศิลปินหลายค่ายมาดัดแปลงเนื้อหา เป็นการเข้าข่ายปลุกระดมหรือไม่ และหากเจ้าของลิขสิทธิ์ต้องการที่จะเอาผิด ก็สามารถแจ้งความดำเนินคดีได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ได้มีผู้เดินทางมารายงานตัวที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 ตามคำสั่ง คสช. มากว่า 200 คน
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงการดำเนินการต่อวัดพระธรรมกายและพระธัมมชโย ว่า ตอนนี้เจ้าหน้ายังไม่ได้ยุติการตรวจค้นวัดพระธรรมกาย ยังมีตำรวจจากกองบัญชาการบัญชาการตำรวจภูธรภาค (บช.ภ.1) ประจำอยู่ ทุกอย่างก็เดินไปตามขั้นตอนกระบวนการ ส่วนพื้นที่ไหนที่ดีเอสไอสงสัย ก็ออกหมายค้นอีก ไม่ใช่หยุดแค่นี้ จะต้องมีการตรวจค้นไปเรื่อยๆ เพื่อหาตัวพระธัมมชโย โดยสถานะของพระธัมมชโย คือ ผู้ต้องหาหลบหนีคดี หากเจ้าหน้าที่พบเจอเมื่อใด ก็จับกุมทันที และเข้าสู่กระบวนการพิจารณา ถ้าศาลไม่ให้ประกัน ก็จับสึก ส่วนการมอบตัวนั้น ก็มอบตัวได้ตลอดเวลา
“การใช้มาตรา 44 ไม่ได้ใช้ทั้งหมด ใช้เป็นบางส่วนเท่านั้น ที่เหลือก็ค่อยๆ ยกเลิกไป กำลังพิจารณาอยู่ ถ้ามั่นใจว่าข้างในวัดไม่มีอะไรเกิดขึ้น เกิดความปลอดภัยแก่ประชาชนได้ทั้งหมด และสถานการณ์เข้าสู่สภาวะปกติ ก็จะยกเลิกทั้งหมด แต่การคงมาตรา 44 ไว้ ไม่ได้เดือดร้อนใคร เพียงแต่ให้ตำรวจสามารถเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ ต้องเห็นใจเจ้าหน้าที่ด้วย ประชาชนยังสนใจประเด็นนี้ จนถึงขณะนี้ ก็ไม่ค่อยมีกลุ่มต่อต้านการทำงานของเจ้าหน้าที่แล้ว ส่วนมือที่ 3 คงมีอยู่แล้ว ทุกคนก็รู้ แต่ก็ต้องดูว่าอันไหนชัดเจน ข่าวไหนจริงและข่าวไหนไม่จริง ส่วนกรณีที่พบกลุ่มการเมืองเข้าเกี่ยวข้องนั้น ต่อไปก็เป็นเรื่องของตำรวจต้องเข้าไปดูแล เพื่อให้เกิดความสงบสุข จะมีจำนวนเท่าไร ผมไม่ทราบ” พล.อ.ประวิตรกล่าว
เมื่อถามว่า รัฐบาลพอใจการปฏิบัติงานของดีเอสไอในครั้งนี้หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ก็น่าจะพอใจ เพราะทำได้ตลอด ทำได้เรื่อยๆ แต่ต้องใช้เวลา ถ้าจะไปใช้กำลังให้เกิดความเสียหาย ภาพรวมจะเสียทั้งประเทศ เสียต่างประเทศด้วย
“เขาทำมาดีแล้ว คุณจะเอาอย่างไรอีกล่ะ คุณจะให้เขาไล่จับพระหรือ ผมไม่เข้าใจ ประเด็นไม่น่าถามเลย ส่วนจากการข่าวล่าสุด พระธัมมชโยยังอยู่ในประเทศหรือไม่นั้น อันนี้ผมไม่รู้ เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบและดำเนินการอยู่ ความลับพวกนี้บอกได้หรือ เดี๋ยวก็จะเอาไปเขียนตัวโต ไม่เข้าใจการตั้งคำถาม”พล.อ.ประวิตรกล่าว
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการดำเนินการกับวัดพระธรรมกาย โดยเฉพาะการคงมาตรา 44 กำหนดให้วัดพระธรรมกายเป็นพื้นที่ควบคุม ว่า ให้รอดูในการหารือของ คสช.
พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษก คสช. กล่าวว่า คสช. ยังคงกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร เพื่อดูแลประชาชนในพื้นที่โดยรอบวัดต่อ โดยเน้นเรื่องการสร้างความเข้าใจ และให้บริการของหน่วยแพทย์ รวมทั้งสนับสนุนหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม เพื่อเดินหน้าบังคับใช้กฎหมายต่อผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้ต่อไป
พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ รองโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยถึงการดำเนินการติดตามตัวพระไชยบูลย์ สุทธิผล หรือพระธัมมชโย มาดำเนินคดีตามหมายจับของศาล ว่า ขณะนี้เป็นที่ปรากฏชัดเจนแล้วว่าพระธัมมชโยไม่ได้อาพาธอย่างที่ลูกศิษย์ได้กล่าวอ้างก่อนหน้านี้ เพราะจากการเข้าไปตรวจค้นภายในวัดพระธรรมกาย พระธัมมชโยสามารถเคลื่อนย้ายได้ ไม่ได้พำนักอยู่ที่ตำแหน่งเดิม และหากในทางการข่าวพบว่าพระธัมมชโยอยู่ในพื้นที่อื่น นอกเขตควบคุมพิเศษ ก็สามารถขอหมายค้นจากศาลเพื่อเข้าตรวจค้นได้
ขณะเดียวกัน หากได้รับข้อมูลว่าพระธัมมชโยหนีออกนอกประเทศ ก็สามารถใช้กฎหมายฉบับใหม่ คือ พ.ร.บ.ว่าด้วยความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อขอให้ประเทศปลายทางส่งกลับมาที่ประเทศไทย แต่ขณะนี้ยังไม่พบข้อมูลว่าพระธัมมชโยออกนอกประเทศ ไม่ว่าจะเป็นในเส้นทางปกติหรือเส้นทางธรรมชาติ ดังนั้น การทำงานหลังจากนี้ ก็จะเป็นในเรื่องของปฏิบัติงานด้านการข่าวเป็นหลัก ซึ่งฝ่ายสืบสวนจะทำงานอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะสามารถติดตามตัวพระธัมมชโยมาดำเนินคดีตามหมายจับของศาล
“ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดในทางการข่าวขณะนี้ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฝ่ายปฏิบัติการสืบสวนได้ทำงาน เพราะหากเปิดเผยข้อมูลออกไป จะทำให้ฝ่ายสืบสวนทำงานลำบากขึ้น”
พ.ต.ต.วรณันกล่าวอีกว่า มีความจำเป็นต้องคงประกาศมาตรา 44 เอาไว้ เนื่องจากภายในวัดพระธรรมกายและบริเวณโดยรอบ ยังเป็นพื้นที่อ่อนไหว ที่อาจมีกลุ่มผู้ไม่หวังดีเข้ามาก่อเหตุสร้างสถานการณ์ และหากทางการข่าวรับทราบว่าพระธัมมชโยกลับเข้ามาภายในพื้นที่ควบคุม ก็สามารถเข้าไปค้นวัดได้อีก แต่ก็เป็นอำนาจของอธิบดีดีเอสไอ ที่จะผ่อนปรนให้ลูกศิษย์สามารถเข้าไปปฏิบัติศาสนกิจภายในวัดได้ตามปกติ
ส่วนการจะประกาศให้พื้นที่สาขาของวัดพระธรรมกายเป็นเขตควบคุมพิเศษ ตามมาตรา 44 หรือไม่นั้น ในคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 5/2560 ข้อ 2 ให้อำนาจหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ประกาศให้พื้นที่สาขาของวัดพระธรรมกายเป็นพื้นที่ควบคุมพิเศษได้ แต่ขณะนี้ยังไม่ได้มีการดำเนินการ
นอกจากนี้ ล่าสุดได้รับรายงานว่าศาลจังหวัดธัญญบุรี มีการออกหมายจับพระธัมมชัยโยเพิ่มอีก 1 หมายจับ ข้อหาขัดคำสั่ง คสช. ไม่มารายงานตัวตามหมายเรียก ขณะเดียวกัน ได้ให้ฝ่ายกฎหมายไปตรวจสอบดูว่ากรณีที่วัดพระธรรมกายนำเพลงจากศิลปินหลายค่ายมาดัดแปลงเนื้อหา เป็นการเข้าข่ายปลุกระดมหรือไม่ และหากเจ้าของลิขสิทธิ์ต้องการที่จะเอาผิด ก็สามารถแจ้งความดำเนินคดีได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ได้มีผู้เดินทางมารายงานตัวที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 ตามคำสั่ง คสช. มากว่า 200 คน
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงการดำเนินการต่อวัดพระธรรมกายและพระธัมมชโย ว่า ตอนนี้เจ้าหน้ายังไม่ได้ยุติการตรวจค้นวัดพระธรรมกาย ยังมีตำรวจจากกองบัญชาการบัญชาการตำรวจภูธรภาค (บช.ภ.1) ประจำอยู่ ทุกอย่างก็เดินไปตามขั้นตอนกระบวนการ ส่วนพื้นที่ไหนที่ดีเอสไอสงสัย ก็ออกหมายค้นอีก ไม่ใช่หยุดแค่นี้ จะต้องมีการตรวจค้นไปเรื่อยๆ เพื่อหาตัวพระธัมมชโย โดยสถานะของพระธัมมชโย คือ ผู้ต้องหาหลบหนีคดี หากเจ้าหน้าที่พบเจอเมื่อใด ก็จับกุมทันที และเข้าสู่กระบวนการพิจารณา ถ้าศาลไม่ให้ประกัน ก็จับสึก ส่วนการมอบตัวนั้น ก็มอบตัวได้ตลอดเวลา
“การใช้มาตรา 44 ไม่ได้ใช้ทั้งหมด ใช้เป็นบางส่วนเท่านั้น ที่เหลือก็ค่อยๆ ยกเลิกไป กำลังพิจารณาอยู่ ถ้ามั่นใจว่าข้างในวัดไม่มีอะไรเกิดขึ้น เกิดความปลอดภัยแก่ประชาชนได้ทั้งหมด และสถานการณ์เข้าสู่สภาวะปกติ ก็จะยกเลิกทั้งหมด แต่การคงมาตรา 44 ไว้ ไม่ได้เดือดร้อนใคร เพียงแต่ให้ตำรวจสามารถเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ ต้องเห็นใจเจ้าหน้าที่ด้วย ประชาชนยังสนใจประเด็นนี้ จนถึงขณะนี้ ก็ไม่ค่อยมีกลุ่มต่อต้านการทำงานของเจ้าหน้าที่แล้ว ส่วนมือที่ 3 คงมีอยู่แล้ว ทุกคนก็รู้ แต่ก็ต้องดูว่าอันไหนชัดเจน ข่าวไหนจริงและข่าวไหนไม่จริง ส่วนกรณีที่พบกลุ่มการเมืองเข้าเกี่ยวข้องนั้น ต่อไปก็เป็นเรื่องของตำรวจต้องเข้าไปดูแล เพื่อให้เกิดความสงบสุข จะมีจำนวนเท่าไร ผมไม่ทราบ” พล.อ.ประวิตรกล่าว
เมื่อถามว่า รัฐบาลพอใจการปฏิบัติงานของดีเอสไอในครั้งนี้หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ก็น่าจะพอใจ เพราะทำได้ตลอด ทำได้เรื่อยๆ แต่ต้องใช้เวลา ถ้าจะไปใช้กำลังให้เกิดความเสียหาย ภาพรวมจะเสียทั้งประเทศ เสียต่างประเทศด้วย
“เขาทำมาดีแล้ว คุณจะเอาอย่างไรอีกล่ะ คุณจะให้เขาไล่จับพระหรือ ผมไม่เข้าใจ ประเด็นไม่น่าถามเลย ส่วนจากการข่าวล่าสุด พระธัมมชโยยังอยู่ในประเทศหรือไม่นั้น อันนี้ผมไม่รู้ เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบและดำเนินการอยู่ ความลับพวกนี้บอกได้หรือ เดี๋ยวก็จะเอาไปเขียนตัวโต ไม่เข้าใจการตั้งคำถาม”พล.อ.ประวิตรกล่าว
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการดำเนินการกับวัดพระธรรมกาย โดยเฉพาะการคงมาตรา 44 กำหนดให้วัดพระธรรมกายเป็นพื้นที่ควบคุม ว่า ให้รอดูในการหารือของ คสช.
พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษก คสช. กล่าวว่า คสช. ยังคงกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร เพื่อดูแลประชาชนในพื้นที่โดยรอบวัดต่อ โดยเน้นเรื่องการสร้างความเข้าใจ และให้บริการของหน่วยแพทย์ รวมทั้งสนับสนุนหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม เพื่อเดินหน้าบังคับใช้กฎหมายต่อผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้ต่อไป