**เรื่องกรณีวัดพระธรรมกายที่ทำให้คนติดตามเหตุการณ์ช็อกตาตั้งไปตามๆกัน กับการเลิกล้มแผนไล่ล่าพระธัมมชโยและปราบกบฎวัดพระธรรมกายอย่างกระทันหัน จบแบบลิเกเลิกเช่นนี้ทำให้คนดูส่วนใหญ่คิดกันว่า เหมือนเป็นมวยล้มต้มคนดู!!
เมื่อประชาชนมีแต่ทัศนะที่ไม่ดีต่อเจ้าหน้าที่ ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เพราะใครๆ ล้วนนึกว่ามหากาพย์ศึกปราบกบฎผ้าเหลืองที่ขึงขังเอาจริง ถึงขนาดหัวหน้าคสช. ยื่นดาบอาญาสิทธิ์ให้ด้วยการใช้มาตรา 44 จัดการควบคุมพื้นที่วัดครั้งนี้ สุดท้ายแล้วกลุ่มกบฎผีบุญขายสวรรค์ต้องถูกปราบอย่างราบคาบ
แต่แล้วเหตุการณ์กลับลงเอยด้วยการสร้างความผิดหวังให้กองเชียร์ทั้งบ้านทั้งเมือง ดีเอส ตำรวจ ทหาร ต้องถอนกำลังกลับกรมกองหลังคุมวัดเป็นเวลา23 วัน เมื่อดีเอสไอมีคำประกาศอย่างเป็นทางการเลิกตรวจค้นวัด ซึ่งเสมือนปล่อยให้พระและคนที่ละเมิดกฎหมายอยู่ในวัดต่อไปได้อย่างท้าทาย ส่วนคนผิดหัวหน้ากบฏและลิ่วล้อที่มีหมายจับ ก็ลอยนวลต่อไป
การเลิกแผนล่าธัมมชโยจากการบอกของอธิบดี ดีเอสไอ. ระบุว่า พระธัมมชโย ผู้ต้องหาหาคนสำคัญที่ทางการต้องการตัวเอาไปฟ้องศาลในข้อหารับของโจรและร่วมกับฟอกเงินไม่อยู่ในวัดแล้ว โดยหนีไประหว่างวันที่16-18 กุมภาพันธ์ และใช้ช่องทางหลบออกไปด้านประตูหลังของวัด
** หากมาวิเคราะห์ถึงเหตุผลความเป็นไปได้ตามที่ดีเอสไอชี้แจงก็เป็นปมที่น่าคิด น่าคิดก็เพราะว่า ธัมมชโยแหกด่านเจ้าหน้าที่ที่ตรึงกำลังล้อมวัดรอบทุกทิศทางไปได้อย่างไร? ทำไมธัมมชโย ถึงต้องเสี่ยงอย่างมากที่อยู่ในช่วงสถานการณ์คับขันเช่นนั้น?
ทำไมเมื่อธัมมชโยหนีอย่างลุลักลุเลปล่อยให้หลุดรอดตาข่ายดีเอสไอกับตำรวจไปได้อย่างไร? หรือในเจ้าหน้าที่มีเกลือเป็นหนอน ปล่อยให้ธัมมชโยหนีไป ? เหล่านี้ล้วนเป็นคำถามหลังได้ฟังคำแถลงจากอธิบดี ดีเอสไอ
เพราะมีข้อสงสัยที่ชวนหาคำตอบว่าจะเป็นไปได้จริงหรือที่ธัมมชโยหนีรอดเงื้อมมือเจ้าหน้าที่ไปอย่างหวุดหวิดเส้นยาแดงผ่าแปด หรือจะเป็นแค่คำปลุกปลอบใจให้เกิดความรู้สึกฟังดูดีเอาตัวรอดของดีเอสไอเท่านั้น ก็ต้องมาหาคำตอบกัน
ประเด็นนี้ หากดูจากข้อเท็จจริงจะพบว่า วันบุกวัดช่วงแรกมีกำลังหลายพันนายยกทัพมาประชิดวัดทั้งทางบกและทางอากาศ ซึ่งมีทั้งเฮลิคอปเตอร์และโดรนบินสังเกตการณ์กันตลอด ถ้ามีขบวนธัมมชโยหลบหนีออกนอกกำแพงวัดไปช่วงวันดังกล่าว ไม่ว่าจะใช้ด้านไหนย่อมมีสิ่งผิดสังเกตเกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ต้องเห็นต้องรู้แน่ เว้นเสียแต่รู้แล้วเฉย ธัมมชโย ถึงจะรอดไปได้อย่างที่พ. ต. อ. ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ ว่ามา
**อีกประเด็นหนึ่งที่น่าคิดเกี่ยวกับสถานะธัมมชโยอยู่ไหน อยู่ในวัดก่อนดึเอสไอจะเข้าตรวจค้นในเช้าตรู่วันที่16กุมภาพันธ์ หรือไม่ ประเด็นนี้ก็ต้องพิจารณาจากการปฏิบัติการบุกค้นวัดครั้งนี้ ซึ่งแน่นอนว่ามีการติดต่อประสานงานระหว่างเจ้าหน้าที่กับวัดทางระดับหนึ่งก่อนจะเจ้าหน้าที่จะเคลื่อนทัพไปวัด
จากการต่อรองกันเลยทำให้มีการมอบตัวของ นายองอาจ ธรรมนิทา ในช่วงกลางคืนวันที่15 กุมภาพันธ์ ก่อนการบุกวัดเพียงไม่กี่ชั่วโมง ซึ่งนายองอาจได้ประกันตัวไป ทางดีเอสไอกับตำรวจก็เข้าตรวจวัดตลอดทั้งวัน วันที่16 กุมภาพันธ์ได้
มีหรือถ้าไม่มีการต่อรองกันจะเกิดสองเหตุการณ์นั้น เพราะนายองอาจไม่น่าได้ประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวนเพราะถูกแจ้งข้อหาปลุกปั่นยุยงฯ เป็นอาญาร้ายแรง และนายองอาจ หลบหนีหมายจับ ขณะหนีนายองอาจไม่ได้หนีไปไหน หลบในวัดพระธรรมกายตลอด
แต่กรณีนายองอาจไม่มามอบตัว ดีเอสไอให้ข่าวผิดว่าหลบหนีคดีไปต่างประเทศแล้ว บอกว่าใช้ช่องทางที่ไม่ผ่านด่านปกติ ขณะเดียวกันข่าวของตำรวจระบุว่านายองอาจหนีไปซ่อนตัวอยู่ในวัด ข่าวตำรวจในกรณีธรรมกายแม่นยำกว่ามาก เช่นเดียวกับตำรวจมีการข่าวตลอดมาว่า ธัมมชโย หนีไปจากวัดนานแล้วตั้งแต่หลังเกิดเรื่องเมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว แต่ดีเอสไอแย้งว่าธัมมชโย อยู่ในวัดตลอดไม่หนีไปไหน
แผนการปิดล้อมวัดล่าธัมมชโยก็เหมือนกับการกลัดกระดุมเม็ดแรกผิด แผนขั้นต่อๆไปก็ผิดพลาดหมด เมื่อดีเอสไอเชื่อว่าข่าวเท็จว่าธัมมชโยอยู่ในวัด ก็จะบุกวัดตรวจค้นวัดให้ได้ พระตัวแสบในธรรมกายก็เลยวางแผนซ้อนแผนให้บุกให้รุกเข้ามาแล้วตั้งค่ายต้านไว้ กลายเป็นภาพเหตุการณ์ที่สนใจของคนทั้งโลก สร้างข่าวโจมตีทางการจนรัฐบาลเสียหาย
ผลสุดท้ายวัดก็กลายเป็นฝ่ายชนะศึก จนมีการเจรจายุติการบุกวัด หลังการปล่อยให้ค้นวัดในรอบสุดท้ายก่อนลิเกเลิกที่ตึกบุญรักษากับอาคาร100ปีแม่ชีจันทร์ ปรากฏว่าไม่พบอะไรเลย และเตรียมที่จะเลิกม. 44ให้วัดอีกในเวลาต่อไป เลิกก็ดีเพราะมีไว้ก็ไม่ได้อะไร มีแต่เสีย กฎหมายเข้มแต่คนอ่อนด้อยมีไว้ก็ถูกลบหลู่ท้าทายเปล่าๆ
**ดีเอสไอกำลังเดินต่อไปอีกทาง ตามที่ให้ข่าวออกมาว่ามีคนให้เบาะแสที่หลบซ่อนของธัมมชโย พบธัมมชโยหลบอยู่กับเครือข่ายของวัดแห่งหนึ่ง จะเท็จจริงอย่างไรก็ไม่รู้ ไม่มีคนพบตัวเป็นๆของธัมมชโย เช่นเดียวกับการข่าว ลือกันว่า ธัมมชโยยังหลบอยู่ในไทย แต่ไม่ได้อยู่ในวัด อยู่กับศิษย์แถวหน้าระดับอภิมหาเศรษฐีคนหนึ่งในกรุงเทพ ยังชิลล์ๆ อยู่
เมื่อประชาชนมีแต่ทัศนะที่ไม่ดีต่อเจ้าหน้าที่ ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เพราะใครๆ ล้วนนึกว่ามหากาพย์ศึกปราบกบฎผ้าเหลืองที่ขึงขังเอาจริง ถึงขนาดหัวหน้าคสช. ยื่นดาบอาญาสิทธิ์ให้ด้วยการใช้มาตรา 44 จัดการควบคุมพื้นที่วัดครั้งนี้ สุดท้ายแล้วกลุ่มกบฎผีบุญขายสวรรค์ต้องถูกปราบอย่างราบคาบ
แต่แล้วเหตุการณ์กลับลงเอยด้วยการสร้างความผิดหวังให้กองเชียร์ทั้งบ้านทั้งเมือง ดีเอส ตำรวจ ทหาร ต้องถอนกำลังกลับกรมกองหลังคุมวัดเป็นเวลา23 วัน เมื่อดีเอสไอมีคำประกาศอย่างเป็นทางการเลิกตรวจค้นวัด ซึ่งเสมือนปล่อยให้พระและคนที่ละเมิดกฎหมายอยู่ในวัดต่อไปได้อย่างท้าทาย ส่วนคนผิดหัวหน้ากบฏและลิ่วล้อที่มีหมายจับ ก็ลอยนวลต่อไป
การเลิกแผนล่าธัมมชโยจากการบอกของอธิบดี ดีเอสไอ. ระบุว่า พระธัมมชโย ผู้ต้องหาหาคนสำคัญที่ทางการต้องการตัวเอาไปฟ้องศาลในข้อหารับของโจรและร่วมกับฟอกเงินไม่อยู่ในวัดแล้ว โดยหนีไประหว่างวันที่16-18 กุมภาพันธ์ และใช้ช่องทางหลบออกไปด้านประตูหลังของวัด
** หากมาวิเคราะห์ถึงเหตุผลความเป็นไปได้ตามที่ดีเอสไอชี้แจงก็เป็นปมที่น่าคิด น่าคิดก็เพราะว่า ธัมมชโยแหกด่านเจ้าหน้าที่ที่ตรึงกำลังล้อมวัดรอบทุกทิศทางไปได้อย่างไร? ทำไมธัมมชโย ถึงต้องเสี่ยงอย่างมากที่อยู่ในช่วงสถานการณ์คับขันเช่นนั้น?
ทำไมเมื่อธัมมชโยหนีอย่างลุลักลุเลปล่อยให้หลุดรอดตาข่ายดีเอสไอกับตำรวจไปได้อย่างไร? หรือในเจ้าหน้าที่มีเกลือเป็นหนอน ปล่อยให้ธัมมชโยหนีไป ? เหล่านี้ล้วนเป็นคำถามหลังได้ฟังคำแถลงจากอธิบดี ดีเอสไอ
เพราะมีข้อสงสัยที่ชวนหาคำตอบว่าจะเป็นไปได้จริงหรือที่ธัมมชโยหนีรอดเงื้อมมือเจ้าหน้าที่ไปอย่างหวุดหวิดเส้นยาแดงผ่าแปด หรือจะเป็นแค่คำปลุกปลอบใจให้เกิดความรู้สึกฟังดูดีเอาตัวรอดของดีเอสไอเท่านั้น ก็ต้องมาหาคำตอบกัน
ประเด็นนี้ หากดูจากข้อเท็จจริงจะพบว่า วันบุกวัดช่วงแรกมีกำลังหลายพันนายยกทัพมาประชิดวัดทั้งทางบกและทางอากาศ ซึ่งมีทั้งเฮลิคอปเตอร์และโดรนบินสังเกตการณ์กันตลอด ถ้ามีขบวนธัมมชโยหลบหนีออกนอกกำแพงวัดไปช่วงวันดังกล่าว ไม่ว่าจะใช้ด้านไหนย่อมมีสิ่งผิดสังเกตเกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ต้องเห็นต้องรู้แน่ เว้นเสียแต่รู้แล้วเฉย ธัมมชโย ถึงจะรอดไปได้อย่างที่พ. ต. อ. ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ ว่ามา
**อีกประเด็นหนึ่งที่น่าคิดเกี่ยวกับสถานะธัมมชโยอยู่ไหน อยู่ในวัดก่อนดึเอสไอจะเข้าตรวจค้นในเช้าตรู่วันที่16กุมภาพันธ์ หรือไม่ ประเด็นนี้ก็ต้องพิจารณาจากการปฏิบัติการบุกค้นวัดครั้งนี้ ซึ่งแน่นอนว่ามีการติดต่อประสานงานระหว่างเจ้าหน้าที่กับวัดทางระดับหนึ่งก่อนจะเจ้าหน้าที่จะเคลื่อนทัพไปวัด
จากการต่อรองกันเลยทำให้มีการมอบตัวของ นายองอาจ ธรรมนิทา ในช่วงกลางคืนวันที่15 กุมภาพันธ์ ก่อนการบุกวัดเพียงไม่กี่ชั่วโมง ซึ่งนายองอาจได้ประกันตัวไป ทางดีเอสไอกับตำรวจก็เข้าตรวจวัดตลอดทั้งวัน วันที่16 กุมภาพันธ์ได้
มีหรือถ้าไม่มีการต่อรองกันจะเกิดสองเหตุการณ์นั้น เพราะนายองอาจไม่น่าได้ประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวนเพราะถูกแจ้งข้อหาปลุกปั่นยุยงฯ เป็นอาญาร้ายแรง และนายองอาจ หลบหนีหมายจับ ขณะหนีนายองอาจไม่ได้หนีไปไหน หลบในวัดพระธรรมกายตลอด
แต่กรณีนายองอาจไม่มามอบตัว ดีเอสไอให้ข่าวผิดว่าหลบหนีคดีไปต่างประเทศแล้ว บอกว่าใช้ช่องทางที่ไม่ผ่านด่านปกติ ขณะเดียวกันข่าวของตำรวจระบุว่านายองอาจหนีไปซ่อนตัวอยู่ในวัด ข่าวตำรวจในกรณีธรรมกายแม่นยำกว่ามาก เช่นเดียวกับตำรวจมีการข่าวตลอดมาว่า ธัมมชโย หนีไปจากวัดนานแล้วตั้งแต่หลังเกิดเรื่องเมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว แต่ดีเอสไอแย้งว่าธัมมชโย อยู่ในวัดตลอดไม่หนีไปไหน
แผนการปิดล้อมวัดล่าธัมมชโยก็เหมือนกับการกลัดกระดุมเม็ดแรกผิด แผนขั้นต่อๆไปก็ผิดพลาดหมด เมื่อดีเอสไอเชื่อว่าข่าวเท็จว่าธัมมชโยอยู่ในวัด ก็จะบุกวัดตรวจค้นวัดให้ได้ พระตัวแสบในธรรมกายก็เลยวางแผนซ้อนแผนให้บุกให้รุกเข้ามาแล้วตั้งค่ายต้านไว้ กลายเป็นภาพเหตุการณ์ที่สนใจของคนทั้งโลก สร้างข่าวโจมตีทางการจนรัฐบาลเสียหาย
ผลสุดท้ายวัดก็กลายเป็นฝ่ายชนะศึก จนมีการเจรจายุติการบุกวัด หลังการปล่อยให้ค้นวัดในรอบสุดท้ายก่อนลิเกเลิกที่ตึกบุญรักษากับอาคาร100ปีแม่ชีจันทร์ ปรากฏว่าไม่พบอะไรเลย และเตรียมที่จะเลิกม. 44ให้วัดอีกในเวลาต่อไป เลิกก็ดีเพราะมีไว้ก็ไม่ได้อะไร มีแต่เสีย กฎหมายเข้มแต่คนอ่อนด้อยมีไว้ก็ถูกลบหลู่ท้าทายเปล่าๆ
**ดีเอสไอกำลังเดินต่อไปอีกทาง ตามที่ให้ข่าวออกมาว่ามีคนให้เบาะแสที่หลบซ่อนของธัมมชโย พบธัมมชโยหลบอยู่กับเครือข่ายของวัดแห่งหนึ่ง จะเท็จจริงอย่างไรก็ไม่รู้ ไม่มีคนพบตัวเป็นๆของธัมมชโย เช่นเดียวกับการข่าว ลือกันว่า ธัมมชโยยังหลบอยู่ในไทย แต่ไม่ได้อยู่ในวัด อยู่กับศิษย์แถวหน้าระดับอภิมหาเศรษฐีคนหนึ่งในกรุงเทพ ยังชิลล์ๆ อยู่