วานนี้( 9 มี.ค.) ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้พิจารณาเรื่องด่วน เพื่อดำเนินกระบวนการถอดถอน นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศ ออกจากตำแหน่ง (กรณีออกหนังสือเดินทาง ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร (ยศในขณะนั้น)โดยมิชอบ ) ตามมาตรา 6 วรรคสอง รัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) 2557 ประกอบ มาตรา 24 พ.ร.ป. ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ. 2557 ข้อ 149
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มีการพิจารณารายการขอเพิ่มเติมพยานหลักฐาน 5 รายการ ของนายสุรพงษ์ ได้แก่
1. หนังสือของ ป.ป.ช. ลงวันที่ 15 มิ.ย.59 เรื่อง ขอทราบผลการตรวจสอบการจ่ายเงินเดือน ค่าตอบแทนให้นายภักดี โพธิศิริ อดีตกรรมการป.ป.ช.
2. หนังสือ สตง. ลงวันที่ 22 กค.59 ซึ่งผู้ว่าฯสตง.ได้แจ้งป.ป.ช. เกี่ยวกับการเรียกเงินเดือน และค่าตอบแทนจากนายภักดี แต่ป.ป.ช.ปฏิเสธว่า นายภักดีไม่ได้ถูกถอดถอน
3. รายงานการประชุมของคณะกรรมการป.ป.ช. ลงวันที่ 10 เม.ย.55 เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของ นายภักดี ขณะทำหน้าที่กรรมการป.ป.ช. และได้เข้าร่วมประชุมด้วย และรายการที่ 4. และ 5. เป็นรายงานการประชุม ป.ป.ช. ที่มีคนนอกเข้าร่วมประชุม
โดยนายสุรพงษ์ ได้ชี้แจงขอเพิ่มพยานหลักฐานว่า นายภักดี โพธิศิริ ขาดคุณสมบัติในการเป็นกรรมการป.ป.ช. เนื่องจากไม่ได้ลาออกจาก กรรมการของบริษัท ตามกม.องค์การเภสัชกรรม เมอริเออร์ชีววัตถุ จำกัด จึงถือว่า ขาดคุณสมบัติ เป็นบุคคลภายนอกจะมาเข้าร่วมประชุมร่วมกับกรรมการป.ป.ช. เพื่อพิจารณาคดีของตนไม่ได้ ทั้งนี้เป็นคนละบริษัทที่ นายภักดี เคยถูกยื่นถอดถอดมาก่อน ซึ่งผู้ว่าฯ สตง.ก็ได้ชี้ว่า ขาดคุณสมบัติ ไม่ได้เป็นกรรมการป.ป.ช. เพราะไม่ได้ลาออกจากบริษัทภายใน 15 วัน และมีหนังสือไปยังกรรมการป.ป.ช. เพื่อเรียกเงินเดือน และค่าตอบแทนคืน แต่ทาง ป.ป.ช. ก็ระบุว่า นายภักดี ไม่ได้ถูกถอดถอน และเรื่องดังกล่าวจบไปแล้ว
นอกจากนี้ การขอเพิ่มเติมพยานหลักฐานรายการที่ 4 และ รายการที่ 5 เป็นเอกสารายงานการประชุมที่มีคนนอก คือ นายปรีชา เลิศกมลมาศ และ พล.ต.อ.สถาพร หลาวทอง เป็นกรรมการ ป.ป.ช. แต่ที่มาขัด รธน.50 มาตรา 309 และขัดต่อประกาศ คปค. ฉบับที่ 19 ซึ่งหากให้ตนได้เพิ่มพยานหลักฐานเหล่านี้
ด้านน.ส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการป.ป.ช. ได้คัดค้านการเพิ่มเติมพยานหลักฐานทั้ง 5 รายการ โดยชี้แจงว่า นายภักดี มีคุณสมบัติครบถ้วน ในการเป็นกรรมการ ป.ป.ช. เพราะได้ลาออกจากการเป็นกรรมการบริษัทตามกฎหมาย ทุกบริษัท ไม่ว่าจะด้วยวาจาหรือหนังสือ ถือเป็นการแสดงเจตนารมย์ ซึ่งวุฒิสภาก็ไม่ได้มีมติถอดถอน ก็ถือว่าจบไปแล้ว นอกจากนี้คุณสมบัติของนายภักดี ไม่เกี่ยวกับสำนวนคดี และการกระทำความผิดของนายสุรพงษ์
ส่วนการคัดค้านกรณี นายปรีชา และพล.ต.อ.สถาพร นั้นยืนยันว่า การได้มาของทั้งสองคน ถูกต้องตามประกาศ ปปค. และรัฐธรรมนูญ
จากนั้น ที่ประชุมได้มีมติเสียงข้างมาก ไม่อนุญาตให้นายสุรพงษ์ เพิ่มเติมพยานหลักฐานทั้ง 5 รายการ และ มีมติไม่ตั้งคณะกรรมิการสามัญเพื่อทำหน้าที่สรุปข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย และพยานหลักฐานอันจำเป็นของคู่กรณี พร้อมได้นัดประชุม สนช. เพื่อแถลงเปิดสำนวนคดีของคู่กรณี ในวันที่ 16 มี.ค.นี้
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มีการพิจารณารายการขอเพิ่มเติมพยานหลักฐาน 5 รายการ ของนายสุรพงษ์ ได้แก่
1. หนังสือของ ป.ป.ช. ลงวันที่ 15 มิ.ย.59 เรื่อง ขอทราบผลการตรวจสอบการจ่ายเงินเดือน ค่าตอบแทนให้นายภักดี โพธิศิริ อดีตกรรมการป.ป.ช.
2. หนังสือ สตง. ลงวันที่ 22 กค.59 ซึ่งผู้ว่าฯสตง.ได้แจ้งป.ป.ช. เกี่ยวกับการเรียกเงินเดือน และค่าตอบแทนจากนายภักดี แต่ป.ป.ช.ปฏิเสธว่า นายภักดีไม่ได้ถูกถอดถอน
3. รายงานการประชุมของคณะกรรมการป.ป.ช. ลงวันที่ 10 เม.ย.55 เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของ นายภักดี ขณะทำหน้าที่กรรมการป.ป.ช. และได้เข้าร่วมประชุมด้วย และรายการที่ 4. และ 5. เป็นรายงานการประชุม ป.ป.ช. ที่มีคนนอกเข้าร่วมประชุม
โดยนายสุรพงษ์ ได้ชี้แจงขอเพิ่มพยานหลักฐานว่า นายภักดี โพธิศิริ ขาดคุณสมบัติในการเป็นกรรมการป.ป.ช. เนื่องจากไม่ได้ลาออกจาก กรรมการของบริษัท ตามกม.องค์การเภสัชกรรม เมอริเออร์ชีววัตถุ จำกัด จึงถือว่า ขาดคุณสมบัติ เป็นบุคคลภายนอกจะมาเข้าร่วมประชุมร่วมกับกรรมการป.ป.ช. เพื่อพิจารณาคดีของตนไม่ได้ ทั้งนี้เป็นคนละบริษัทที่ นายภักดี เคยถูกยื่นถอดถอดมาก่อน ซึ่งผู้ว่าฯ สตง.ก็ได้ชี้ว่า ขาดคุณสมบัติ ไม่ได้เป็นกรรมการป.ป.ช. เพราะไม่ได้ลาออกจากบริษัทภายใน 15 วัน และมีหนังสือไปยังกรรมการป.ป.ช. เพื่อเรียกเงินเดือน และค่าตอบแทนคืน แต่ทาง ป.ป.ช. ก็ระบุว่า นายภักดี ไม่ได้ถูกถอดถอน และเรื่องดังกล่าวจบไปแล้ว
นอกจากนี้ การขอเพิ่มเติมพยานหลักฐานรายการที่ 4 และ รายการที่ 5 เป็นเอกสารายงานการประชุมที่มีคนนอก คือ นายปรีชา เลิศกมลมาศ และ พล.ต.อ.สถาพร หลาวทอง เป็นกรรมการ ป.ป.ช. แต่ที่มาขัด รธน.50 มาตรา 309 และขัดต่อประกาศ คปค. ฉบับที่ 19 ซึ่งหากให้ตนได้เพิ่มพยานหลักฐานเหล่านี้
ด้านน.ส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการป.ป.ช. ได้คัดค้านการเพิ่มเติมพยานหลักฐานทั้ง 5 รายการ โดยชี้แจงว่า นายภักดี มีคุณสมบัติครบถ้วน ในการเป็นกรรมการ ป.ป.ช. เพราะได้ลาออกจากการเป็นกรรมการบริษัทตามกฎหมาย ทุกบริษัท ไม่ว่าจะด้วยวาจาหรือหนังสือ ถือเป็นการแสดงเจตนารมย์ ซึ่งวุฒิสภาก็ไม่ได้มีมติถอดถอน ก็ถือว่าจบไปแล้ว นอกจากนี้คุณสมบัติของนายภักดี ไม่เกี่ยวกับสำนวนคดี และการกระทำความผิดของนายสุรพงษ์
ส่วนการคัดค้านกรณี นายปรีชา และพล.ต.อ.สถาพร นั้นยืนยันว่า การได้มาของทั้งสองคน ถูกต้องตามประกาศ ปปค. และรัฐธรรมนูญ
จากนั้น ที่ประชุมได้มีมติเสียงข้างมาก ไม่อนุญาตให้นายสุรพงษ์ เพิ่มเติมพยานหลักฐานทั้ง 5 รายการ และ มีมติไม่ตั้งคณะกรรมิการสามัญเพื่อทำหน้าที่สรุปข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย และพยานหลักฐานอันจำเป็นของคู่กรณี พร้อมได้นัดประชุม สนช. เพื่อแถลงเปิดสำนวนคดีของคู่กรณี ในวันที่ 16 มี.ค.นี้