ผู้จัดการรายวัน360 - “บิ๊กตู่” ย้ำทุกคนร่วมมือเดินหน้าประเทศสู่ยุคดิจิทัล เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของโลก ปลุกขรก. นำการเปลี่ยนแปลง สู่รัฐบาลดิจิทัล ดันตั้งพนักงาน-ราชการ เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ทดแทนขรก.ที่เกษียณ จูงใจด้วยเงินเดือน-ค่าตอบสูง
วานนี้ (8มี.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการพัฒนาทักษะด้านดิจิทัล สำหรับข้าราชการ และบุคคลากรภาครัฐ พร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษ "รัฐบาลดิจิทัล กุญแจสู่ประเทศไทย 4.0" และ แถลงวิสัยทัศน์รัฐบาลดิจิทัลประเทศไทย ว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีดิจิทัล ถือเป็นกลไกในการขับเคลื่อนสังคม จึงได้มอบนโยบายให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจ และสังคมดำเนินการ และหน่วยงานภาครัฐต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพื่อทำงานให้เกิดความสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ เพื่อยกระดับการทำงานของภาครัฐในการให้บริการกับประชาชน การบริหารงานได้สะดวกรวดเร็ว
รัฐบาลได้ประกาศว่าอีก 5 ปี จะเป็นรัฐบาลดิจิทัล ซึ่งต้องใช้เวลาในการดำเนินการ เพื่อแก้ปัญหาให้เกิดความยั่งยืน ในช่วงปี2557-2559ที่ผ่านมารัฐบาลได้เก็บข้อมูลและจัดกลุ่มปัญหา และวิธีการแก้ไขปัญหา เพื่อกำหนดกลุ่มเป้าหมาย วางโรดแมปในการทำงานทุกด้าน โดยยืนยันว่า การพัฒนาต่างๆ เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เพื่อป้องกันการกล่าวหาเรื่องทุจริต
"เรื่องนี้ยังแก้ไม่ได้ คนไทยยังคิดแบบนี้อยู่ ผมก็กังวลกับเรื่องเหล่านี้ ไม่ว่ารัฐบาลจะทำอะไร ก็ยังมีปัญหาเรื่องของความเข้าใจ และประชาชนต้องเห็นประโยชน์ถึงการดำเนินการของรัฐบาล ถ้ามองไม่เห็นประโยชน์ ก็จะขัดแย้งเรื่อยไป ปัญหาวันนี้ต้องถามว่าคนไทยยังแบ่งออกเป็นกี่กลุ่ม กี่ฝ่าย ซึ่งถือเป็นประเด็นสำคัญ เรายังไม่สามารถทำให้มีพื้นฐานทางความคิด และความรู้ ที่เท่าเทียมกันได้ การบูรณาการจึงเป็นสิ่งสำคัญ การที่จะดำเนินการให้เกิดผลสำเร็จภายใน 5 ปีนั้น หากวันนี้ยังมีความขัดแย้งสูง ประชาชนก็ไม่สนใจสิ่งที่รัฐบาลทำ ทุกอย่างก็ไปไม่ได้ "พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ความมีเสถียรภาพของประเทศจะทำให้สามารถทำงานรวดเร็วขึ้น สิ่งสำคัญคือ การบูรณาการ ไม่ใช่การประสานงาน ไม่ใช่การประชุม ดังนั้นในปี2560 ถือเป็นการปฏิรูปการทำงาน การดำเนินการทุกอย่างต้องจบตั้งแต่ขั้นต้นมาแล้ว เมื่อขึ้นมาถึงรัฐบาลจะต้องสามารถตอบคำถาม ครม.ได้ ทั้งนี้ การขับเคลื่อนรัฐบาลไปสู่รัฐบาลดิจิทัล ต้องทำในรูปแบบการบูรณาการ เพราะปัจจุบันรัฐบาลมียุทธศาสตร์ชาติอยู่แล้ว ดังนั้นกระทรวงต่างๆ ก็ต้องมียุทธศาสตร์กระทรวง โดยยุทธศาสตร์ใหญ่ คือความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน การจะคิดอะไรก็ตาม ต้องเริ่มจากวิสัยทัศน์ มองความต้องการของประเทศใน 5 ปี 10 ปีข้างหน้า อาจขับเคลื่อนไปสู่จุดนั้นได้ ทั้งคน แผนการ งบประมาณ เพื่อไปสู่ผลสัมฤทธิ์ของรัฐบาลดิจิทัลภายใน 5 ปี ทั้งนี้การทำงานต้องลดความขัดแย้งด้วย ไม่เช่นนั้นคิดอะไรออกมาก็เดินไม่ได้ รัฐบาลต้องมาตามแก้ปัญหา ซึ่งจะให้การพัฒนาประเทศติดขัด
ดังนั้น บุคลากรภาครัฐต้องเป็นผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่เฉพาะนายกฯ หรือรัฐมนตรี แต่ทั้งหมดต้องช่วยกันทำงานควบคู่กับการลดความขัดแย้ง สิ่งที่เห็นตรงกันก็ดำเนินการไป หากทำพร้อมๆกันแล้วเน้นทุกอย่างก็ยากจะสำเร็จ เพราะติดขัดด้วยเวลา งบประมาณ จึงอยากให้ทุกคนมีจิตใจร่วมกับตน ซึ่งตนพยายามสร้างแรงกระตุ้นในทุกเรื่อง
"ปี 60 คือปีแห่งการปฏิรูปทั้งระบบ ถือว่าอยู่ในระยะที่ 1 ของการปฏิรูปประเทศ ส่วนระยะที่ 2 คือการส่งต่อไปยังรัฐบาลหน้า ดังนั้นเราต้องวางแผน จะเดินหน้าประเทศอย่างไรตั้งแต่ปี 60-64 ใครจะเดินยังไม่รู้ แต่ช่วงนี้เราจะวางพื้นฐานเอาไว้โดยพวกเราต้องช่วยกัน อย่าให้ประเทศถอยกลับมาที่เดิมอีก จะได้เข้าสู่ไทยแลนด์ 4.0 ตามที่วางไว้ ในขณะที่ 1.0 ,2.0 , 3.0 ยังมีอยู่ ซึ่งแต่ละแท่งต้องพัฒนาการเรียนรู้ ปรับตัวเองให้เท่าทันต่อการพัฒนาประเทศ" นายกฯ กล่าว
***ดันตั้งพนักงานราชการเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
อย่างไรก็ตามปัญหาการบริหารจัดการกำลังพลให้มีประสิทธิภาพ ยังเป็นเรื่องสำคัญ หากมีการตั้งหรือรับข้าราชการมากเกินไป จะเกิดปัญหาการบรรจุทดแทนการเกษียณอายุราชการต้องมีการปรับจำนวน ซึ่งข้าราชการใหม่เข้ามาต้องมีรูปแบบ ต้องเป็นแบบเฉพาะกิจ หรือ ตั้งเป็นพนักงานราชการที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง ต้องจ้างคนพิเศษมาทำ ระบบงานตรงนี้จึงจะได้เร็วขึ้น เพราะไม่ต้องเสียเวลาในการอบรมคนที่มีอยู่เดิมนานกว่าจะเก่ง แต่เราไม่สามารถบรรจุคนทั้งหมดได้ จึงต้องดูเรื่องการพัฒนาระบบราชการ โดยมีพนักงานราชการมีรายได้สูงขึ้น มีค่าตอบแทนพิเศษ เพื่อทดแทนการเกษียณอายุ ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีใครอยากมา
วานนี้ (8มี.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการพัฒนาทักษะด้านดิจิทัล สำหรับข้าราชการ และบุคคลากรภาครัฐ พร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษ "รัฐบาลดิจิทัล กุญแจสู่ประเทศไทย 4.0" และ แถลงวิสัยทัศน์รัฐบาลดิจิทัลประเทศไทย ว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีดิจิทัล ถือเป็นกลไกในการขับเคลื่อนสังคม จึงได้มอบนโยบายให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจ และสังคมดำเนินการ และหน่วยงานภาครัฐต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพื่อทำงานให้เกิดความสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ เพื่อยกระดับการทำงานของภาครัฐในการให้บริการกับประชาชน การบริหารงานได้สะดวกรวดเร็ว
รัฐบาลได้ประกาศว่าอีก 5 ปี จะเป็นรัฐบาลดิจิทัล ซึ่งต้องใช้เวลาในการดำเนินการ เพื่อแก้ปัญหาให้เกิดความยั่งยืน ในช่วงปี2557-2559ที่ผ่านมารัฐบาลได้เก็บข้อมูลและจัดกลุ่มปัญหา และวิธีการแก้ไขปัญหา เพื่อกำหนดกลุ่มเป้าหมาย วางโรดแมปในการทำงานทุกด้าน โดยยืนยันว่า การพัฒนาต่างๆ เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เพื่อป้องกันการกล่าวหาเรื่องทุจริต
"เรื่องนี้ยังแก้ไม่ได้ คนไทยยังคิดแบบนี้อยู่ ผมก็กังวลกับเรื่องเหล่านี้ ไม่ว่ารัฐบาลจะทำอะไร ก็ยังมีปัญหาเรื่องของความเข้าใจ และประชาชนต้องเห็นประโยชน์ถึงการดำเนินการของรัฐบาล ถ้ามองไม่เห็นประโยชน์ ก็จะขัดแย้งเรื่อยไป ปัญหาวันนี้ต้องถามว่าคนไทยยังแบ่งออกเป็นกี่กลุ่ม กี่ฝ่าย ซึ่งถือเป็นประเด็นสำคัญ เรายังไม่สามารถทำให้มีพื้นฐานทางความคิด และความรู้ ที่เท่าเทียมกันได้ การบูรณาการจึงเป็นสิ่งสำคัญ การที่จะดำเนินการให้เกิดผลสำเร็จภายใน 5 ปีนั้น หากวันนี้ยังมีความขัดแย้งสูง ประชาชนก็ไม่สนใจสิ่งที่รัฐบาลทำ ทุกอย่างก็ไปไม่ได้ "พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ความมีเสถียรภาพของประเทศจะทำให้สามารถทำงานรวดเร็วขึ้น สิ่งสำคัญคือ การบูรณาการ ไม่ใช่การประสานงาน ไม่ใช่การประชุม ดังนั้นในปี2560 ถือเป็นการปฏิรูปการทำงาน การดำเนินการทุกอย่างต้องจบตั้งแต่ขั้นต้นมาแล้ว เมื่อขึ้นมาถึงรัฐบาลจะต้องสามารถตอบคำถาม ครม.ได้ ทั้งนี้ การขับเคลื่อนรัฐบาลไปสู่รัฐบาลดิจิทัล ต้องทำในรูปแบบการบูรณาการ เพราะปัจจุบันรัฐบาลมียุทธศาสตร์ชาติอยู่แล้ว ดังนั้นกระทรวงต่างๆ ก็ต้องมียุทธศาสตร์กระทรวง โดยยุทธศาสตร์ใหญ่ คือความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน การจะคิดอะไรก็ตาม ต้องเริ่มจากวิสัยทัศน์ มองความต้องการของประเทศใน 5 ปี 10 ปีข้างหน้า อาจขับเคลื่อนไปสู่จุดนั้นได้ ทั้งคน แผนการ งบประมาณ เพื่อไปสู่ผลสัมฤทธิ์ของรัฐบาลดิจิทัลภายใน 5 ปี ทั้งนี้การทำงานต้องลดความขัดแย้งด้วย ไม่เช่นนั้นคิดอะไรออกมาก็เดินไม่ได้ รัฐบาลต้องมาตามแก้ปัญหา ซึ่งจะให้การพัฒนาประเทศติดขัด
ดังนั้น บุคลากรภาครัฐต้องเป็นผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่เฉพาะนายกฯ หรือรัฐมนตรี แต่ทั้งหมดต้องช่วยกันทำงานควบคู่กับการลดความขัดแย้ง สิ่งที่เห็นตรงกันก็ดำเนินการไป หากทำพร้อมๆกันแล้วเน้นทุกอย่างก็ยากจะสำเร็จ เพราะติดขัดด้วยเวลา งบประมาณ จึงอยากให้ทุกคนมีจิตใจร่วมกับตน ซึ่งตนพยายามสร้างแรงกระตุ้นในทุกเรื่อง
"ปี 60 คือปีแห่งการปฏิรูปทั้งระบบ ถือว่าอยู่ในระยะที่ 1 ของการปฏิรูปประเทศ ส่วนระยะที่ 2 คือการส่งต่อไปยังรัฐบาลหน้า ดังนั้นเราต้องวางแผน จะเดินหน้าประเทศอย่างไรตั้งแต่ปี 60-64 ใครจะเดินยังไม่รู้ แต่ช่วงนี้เราจะวางพื้นฐานเอาไว้โดยพวกเราต้องช่วยกัน อย่าให้ประเทศถอยกลับมาที่เดิมอีก จะได้เข้าสู่ไทยแลนด์ 4.0 ตามที่วางไว้ ในขณะที่ 1.0 ,2.0 , 3.0 ยังมีอยู่ ซึ่งแต่ละแท่งต้องพัฒนาการเรียนรู้ ปรับตัวเองให้เท่าทันต่อการพัฒนาประเทศ" นายกฯ กล่าว
***ดันตั้งพนักงานราชการเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
อย่างไรก็ตามปัญหาการบริหารจัดการกำลังพลให้มีประสิทธิภาพ ยังเป็นเรื่องสำคัญ หากมีการตั้งหรือรับข้าราชการมากเกินไป จะเกิดปัญหาการบรรจุทดแทนการเกษียณอายุราชการต้องมีการปรับจำนวน ซึ่งข้าราชการใหม่เข้ามาต้องมีรูปแบบ ต้องเป็นแบบเฉพาะกิจ หรือ ตั้งเป็นพนักงานราชการที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง ต้องจ้างคนพิเศษมาทำ ระบบงานตรงนี้จึงจะได้เร็วขึ้น เพราะไม่ต้องเสียเวลาในการอบรมคนที่มีอยู่เดิมนานกว่าจะเก่ง แต่เราไม่สามารถบรรจุคนทั้งหมดได้ จึงต้องดูเรื่องการพัฒนาระบบราชการ โดยมีพนักงานราชการมีรายได้สูงขึ้น มีค่าตอบแทนพิเศษ เพื่อทดแทนการเกษียณอายุ ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีใครอยากมา