xs
xsm
sm
md
lg

ผลของ ‘ปากทรัมป์’ พาจน

เผยแพร่:   โดย: โสภณ องค์การณ์

เป็นผู้นำชาติมหาอำนาจอันดับ 1 ของโลกมาเกือบ 2 เดือนประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงอยู่ในสภาพทุลักทุเล ไม่สามารถคุมเกมได้เต็มที่ แม้พรรครีพับลิกันมีเสียงข้างมากในสภาคองเกรสและวุฒิสภา ฝ่ายค้านทำอะไรไม่ได้ก็ตาม ทุกจังหวะของการขับเคลื่อนนโยบายติดขัดเกือบทั้งหมด

แม้แต่การแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี และผู้นำองค์กรสำคัญต่างๆ ไม่ราบรื่น มีทั้งขอถอนตัวโดนขัดง้าง หรือลาออกหลังจากการรับรองโดยกรรมาธิการวุฒิสมาชิก แต่ละคนกว่าจะผ่านไปได้แทบหืดจับ เจอสภาพเช่นนี้พวกที่ตั้งใจทำงานเต็มที่คงนึกในใจว่าทรัมป์จะไปตลอดรอดฝั่งหรือไม่

ดูแล้วน่าหนักใจ ทรัมป์ไม่มีประสบการณ์ในเกมการเมืองเขี้ยวยาวตามแบบฉบับของกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งเครือข่ายขุมอำนาจเก่ายังกระจายทุกส่วน พวกนี้คือกลุ่มผลประโยชน์เกาะติดกันเหนียวแน่น ถ้าใครบังอาจมาป่วนหวังสร้างความเปลี่ยนแปลง ต้องโดนตอบโต้ทุกรูปแบบ

นักการเมืองอเมริกันถือว่าการเมืองเป็นผลประโยชน์เชิงธุรกิจ มีสายสัมพันธ์แนบแน่นกับบริษัทยักษ์ใหญ่หากินข้ามชาติ มีเงินทุนมหาศาล บริษัทขนาดใหญ่มีกำลังการเงินมากกว่าบางประเทศ แต่ละปีบริษัทยักษ์ใหญ่ให้เงินอุดหนุนพรรคการเมืองไม่น้อย ดังนั้น ผลประโยชน์ต้องจัดให้ลงตัว

ทรัมป์มากับความยโส ไม่เห็นใครอยู่ในสายตา ช่วงแรกหาเสียงไม่พึ่งเงินใคร ประกาศนโยบายปาวๆ โชว์ความมั่งคั่งตามแบบมหาเศรษฐี ย่อมสร้างความหมั่นไส้ให้หลายกลุ่มแม้แต่คนในพรรครีพับลิกันซึ่งแกนนำมองทรัมป์ว่าไม่ใช่เนื้อแท้ เป็นเพียงกาฝากอยากได้ฐานเสียง

ไม่มียุคไหนที่การเมืองสหรัฐฯ ถูกเปิดหน้าให้คนชาติอื่นๆ เห็นเนื้อในของเกมกล เกมสกปรกการใส่ร้ายป้ายสี เกมสร้างความน่าสงสัยในพฤติกรรมของคู่แข่ง เมื่อเจอจุดอ่อนฝ่ายตรงข้าม ก็พร้อมที่จะกัดติด ใช้สื่อเป็นเครื่องมือโจมตีไม่เลิกจนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสิ้นความน่าเชื่อถือ สิ้นสภาพ

ทรัมป์ทะเลาะมีปัญหากับทุกฝ่าย เป็นปรากฏการณ์ใหม่ของการเมืองสหรัฐฯ ทั้งเพื่อนบ้าน ศัตรูแดนไกล ที่น่าสนใจคือทรัมป์มีเรื่องต่อเนื่องกับผู้นำคนก่อนคือบารัค โอบามา เป็นศึกยืดเยื้อเรื้อรังมาตั้งแต่การหาเสียงชิงตำแหน่งผู้นำทำเนียบขาว ทุกวันนี้ยังมีแววที่ทั้งคู่จะฟัดกันต่ออีกนาน

ล่าสุด ทรัมป์กล่าวหาว่าโอบามาปล่อยข่าวปูดข่าวโจมตีตนเอง เมื่อแลกน้ำลายกันได้ที่แล้ว ศึกการเมืองก็ลามไปศาล ฟ้องร้องกันอุตลุด แต่ละฝ่ายหาทนายฝีปากดี ใช้เงินสู้แบบใครดีใครอยู่

แน่นอน! เมื่อฝ่ายหนึ่งฟ้อง อีกฝ่ายก็ฟ้องแย้ง ทรัมป์ไม่ได้เปรียบเพราะองค์กรสำคัญเช่นซีไอเอ และเอฟบีไอล้วนมีปัญหากับทรัมป์ โดยเฉพาะเอฟบีไอซึ่งกำลังสอบสวนเรื่องทรัมป์อย่างจริงจัง ยิ่งในสังคมสหรัฐฯ ตำรวจไม่กลัวอำนาจการเมือง ยิ่งใหญ่ยิ่งล้มดัง ทำให้เจ้าหน้าที่ทุ่มทำงานสุดตัว

แม้แต่การยื่นคำร้องแย้งต่อศาล เอฟบีไอก็ยังทำ ไม่หวั่นอำนาจของประธานาธิบดี!

การเมืองสหรัฐฯ ทำให้สังคมแตกแยกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน การที่คนไม่ชอบหน้าทรัมป์ส่วนใหญ่เป็นพวกเดโมแครต กระแสไม่เอาทรัมป์จึงแรงในกลุ่มต่อต้านทุนนิยมสามานย์เอ็นจีโอ พวกหัวเอียงซ้าย พวกรักผิดเพศทั้งหลาย ดังนั้น การเดินขบวนขับไล่ทรัมป์จึงมีหลายกลุ่มของพวกนี้

ดูแล้วขำๆ การเมืองสหรัฐฯ เอาอย่างน้ำเน่าแบบไทย เป็นเพราะสหรัฐฯ เคยจ้องจิกกัดประเทศไทย ทำให้กรรมตามสนองย้อนได้ทันในชาตินี้ เริ่มต้นด้วยการไม่ขอยอมรับผลการเลือกตั้งที่ทรัมป์ชนะ

พวกดารานักแสดงจอมดราม่าเคยประกาศว่าจะขอย้ายประเทศ ไม่อยู่ร่วมชาติกับทรัมป์จะอพยพไปแคนาดา ทุกวันนี้ยังไม่มีใครย้ายหนีสักคน มีการเดินขบวนในหลายรัฐแทบไม่เว้นวัน การปิดถนน ปิดสะพาน รุมยำฝ่ายตรงข้ามในพื้นที่สนามบิน บนถนน ศูนย์การค้าตำรวจทำงานหนัก

ยังไม่ถึงขั้นเผาบ้านเผาเมือง มีแต่บุกเข้าร้านขายของ ขโมยสินค้า เป็นพวกสวมรอยฉกของ

ล่าสุด กลุ่มสนับสนุนทรัมป์เริ่มทนไม่ได้ จัดกลุ่มสวมชุดดำปิดหน้าออกมาปะทะพวกต่อต้านทรัมป์ ปะทะกันหัวร้างข้างแตก ตำรวจจับทั้ง 2 ฝ่ายไปดำเนินคดี สหรัฐฯ ไม่มีตำรวจแตงโม มะเขือเทศ จับดะ ไม่เห็นแก่หน้าใครไม่ต้องประกาศว่าพร้อมให้ความยุติธรรมแก่ทุกฝ่ายเหมือนบ้านเรา

ปะทะกันหลายเมือง คนไม่มาก เสร็จก็เลิกรากันไป ไม่ปักหลักพักค้าง มีโอกาสหาพวกได้พอก็มาใหม่ ไม่ต้องตั้งชื่อกลุ่ม ไม่มีพ่อยกแม่ยก ไม่มีท่อน้ำเลี้ยง แจกข้าวห่อ ทุกคนหากินเอง

ถ้าเป็นอย่างนี้ทั้งปี ทรัมป์ไม่มีปัญหา ตราบใดที่ไม่บุกยึดทำเนียบขาว ที่น่ากังวลคือกระบวนการต่างๆ ขององค์กรรัฐ ถ้ามีหลักฐานของความไม่ชอบมาพากล จะทำให้จุดติดไม่มีซูเอี๋ย เกี้ยเซียะ อำนาจบริหารบ้านเมืองมีไว้ให้คู่แข่งมาแย่งชิงเพื่อความเป็นใหญ่ เดิมพันจึงสูงมาก

หลายประเทศเฝ้าจับตาความวุ่นวายที่ทรัมป์เผชิญ เพราะมีผลกระทบต่อการดำเนินนโยบายโดยตรง รัสเซียถูกกล่าวหาว่ามีส่วนช่วยเหลือทรัมป์ให้ชนะการเลือกตั้ง ลามไปสู่การตรวจสอบ ทำเอารัฐมนตรียุติธรรมสหรัฐฯ นั่งไม่ติด ขณะที่รัสเซียอ้างว่าไม่ได้ยุ่มย่ามกับการเมืองของสหรัฐฯ

โฆษกประจำตัวของประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน นายดมิทรี เพสคอฟ แถลงว่าความวุ่นวายในการเมืองสหรัฐฯ ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ สภาพคล้ายสติแตกในกลุ่มประชาชนและการเมืองในวอชิงตันตอนนี้ได้สร้างความเสียหายความสัมพันธ์ในอนาคตด้วย

โฆษกของปูตินยังแย้งต่อข้อกล่าวหาว่ารัสเซียได้เจาะข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์ของสหรัฐฯ ช่วงเลือกตั้ง เป็นการช่วยทรัมป์ “เมื่อพูดแบบนี้ซ้ำซาก ถึงเวลาที่สังคมอเมริกันต้องถามตัวเองแล้วว่าสหรัฐฯ อยู่ในสภาพอ่อนแอย่ำแย่จนกระทั่งถูกประเทศอื่นเจาะล้วงเอาข้อมูลไปได้ง่ายเช่นนั้นหรือ”

“ถึงเวลาที่คนอเมริกันบอกตัวเองว่าพวกเราต้องคุมสติให้อยู่” โฆษกปูตินบอก

สิ่งที่สังคมอเมริกันไม่เข้าใจก็คือ ทำไมคนใกล้ชิดทรัมป์จึงได้ไปสุงสิงกับพวกรัสเซีย ทั้งๆ ที่รู้ว่าเป็นความสุ่มเสี่ยงต่อข้อกล่าวหาหรือว่าต้องทำทุกอย่าง หาพวกให้ได้ เพื่อให้ชนะเลือกตั้ง

เมื่อทรัมป์ยังวุ่นกับเรื่องในบ้าน ทำให้เสียอำนาจต่อรองได้ ล่าสุดพยายามแก้กฎคนเข้าเมือง ยอมให้คนอิรักเข้าประเทศและปรับเปลี่ยนเนื้อหากฎหมายคนเข้าเมืองเพื่อไม่ให้มีปัญหากับศาล

แม้กระนั้นก็ยังมีเสียงโจมตีเรื่องการกีดกั้นคนต่างชาติ คนอเมริกันเองในใจจริงก็ไม่ต้องการเสี่ยงกับปัญหาการก่อการร้ายเหมือนที่ได้เคยเกิดขึ้นในยุโรป จนทำให้การท่องเที่ยวเสียหาย

มาถึงจุดนี้ ทรัมป์อาจถามตัวเอง “ทำไมผู้นำทำเนียบขาวคนก่อนๆ ไม่โดนแบบตูว่ะ”

น่าจะรู้ตัวนะ ว่าเป็นเจ้าของปากพาจน!
กำลังโหลดความคิดเห็น