รัฐบาลเดินหน้าลงลึกขยายผลปราบปรามผู้มีอิทธิพลรายใหญ่ เผยประชาชนที่ตื่นตัวร่วมแจ้งเบาะแสมากขึ้น ย้ำต้องคุ้มครองสิทธิ และเสรีภาพ ให้แก่สุจริตชนมีที่ยืน ประกอบอาชีพ และใช้ชีวิตอย่างเป็นธรรม
พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้กล่าวกับหน่วยงานความมั่นคง ทั้งทหาร ตำรวจและฝ่ายปกครอง ให้เดินหน้าลงลึกขยายผลปราบปรามผู้มีอิทธิพลอย่างต่อเนื่อง ตามคำสั่งคสช.และนโยบายของรัฐบาล โดยย้ำว่า ขณะที่ รัฐบาลกำลังสร้างการมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำของสังคม ทั้งเชิงโครงสร้างอำนาจ และทางกายภาพที่ผ่านมานั้น มีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพให้แก่สุจริตชนให้มีที่ยืนในสังคม สามารถประกอบอาชีพ และใช้ชีวิตอย่างเท่าเทียมกันในสังคมให้ได้ ภายใต้การบังคับใช้กฎหมายที่ทั่วถึง และเป็นธรรม
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาการปราบปรามผู้มีอิทธิพล มีความคืบหน้าไปมาก โดยได้รับความร่วมมือจากภาคประชาชนร่วมแจ้งข้อมูล เบาะแสให้กับจนท.รัฐ มากขึ้น เป็นผลให้ จนท.ฝ่ายความมั่นคงสามารถเชื่อมโยงข้อมูล และรวบรวมหลักฐาน ทยอยจับกุมผู้มีอิทธิพลรายใหญ่ๆ และเครือข่ายใน 16 ฐานความผิดได้อย่างต่อเนื่อง อาทิ
กลุ่มนายไซซะนะ ซึ่งมีเครือข่ายยาเสพติดมากกว่า 100 เครือข่าย ส่งขายไปยังไทยและภูมิภาคอาเซียน โดยมีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งผู้มีอิทธิพลข้ามชาติที่เข้ามาในไทย ในเบื้องต้นมีทรัพย์สินที่อายัดได้มูลค่าไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท
การจับกุมนายทุนปล่อยเงินกู้นอกระบบรายใหญ่ โดยมีประชาชนร้องเรียน และให้ข้อมูลมา สามารถเชื่อมโยงเครือข่ายการใช้กลุ่มชายชุดดำทวงหนี้แบบวิธีนักเลง จนได้มีการจับกุมผู้ปล่อยกู้นอกระบบหลายราย และล่าสุดนำมาซึ่งจับกุม กลุ่มนายวิชัย ปั้นงาม เจ้าพ่อเงินกู้รายใหญ่ที่สุดของประเทศ ที่มีเครือข่ายปล่อยกู้ ร่วม 100 สาขา ครอบคลุมหลายจังหวัด พบเครือข่ายผู้กระทำผิดมากกว่า 200 ราย ลูกหนี้กว่า 170,000 ราย มีเงินหมุนเวียนในระบบกว่า 4,000 ล้านบาท
สำหรับฐานความผิดอื่นๆในรายสำคัญๆ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงกำลังรวบรวมข้อมูลที่ได้จากงานข่าวและเบาะแสที่ได้รับแจ้งจากประชาชนทั่วประเทศ. ซึ่งภาพรวมของสังคม. ชุมชนท้องถิ่นมีความตื่นตัวในการร่วมปกป้องสิทธิและเสรีภาพของตนเองมากขึ้น จากความร่วมมือเบาะแสข่าวที่ร่วมแจ้งเข้ามามากขึ้นอย่างต่อเนื่องตามลำดับ โดยเฉพาะปัญหายาเสพติด การปล่อยกู้นอกระบบ การค้ามนุษย์ การข่มขู่จากกลุ่มที่มีและใช้อาวุธ รวมทั้งกลุ่มชาวต่างประเทศที่แสดงตนเป็นผู้มีอิทธิพล ซึ่งฝ่ายความมั่นคงจะดำเนินการอย่างเฉียบขาดต่อไป โดยไม่เว้นหากมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง
พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้กล่าวกับหน่วยงานความมั่นคง ทั้งทหาร ตำรวจและฝ่ายปกครอง ให้เดินหน้าลงลึกขยายผลปราบปรามผู้มีอิทธิพลอย่างต่อเนื่อง ตามคำสั่งคสช.และนโยบายของรัฐบาล โดยย้ำว่า ขณะที่ รัฐบาลกำลังสร้างการมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำของสังคม ทั้งเชิงโครงสร้างอำนาจ และทางกายภาพที่ผ่านมานั้น มีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพให้แก่สุจริตชนให้มีที่ยืนในสังคม สามารถประกอบอาชีพ และใช้ชีวิตอย่างเท่าเทียมกันในสังคมให้ได้ ภายใต้การบังคับใช้กฎหมายที่ทั่วถึง และเป็นธรรม
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาการปราบปรามผู้มีอิทธิพล มีความคืบหน้าไปมาก โดยได้รับความร่วมมือจากภาคประชาชนร่วมแจ้งข้อมูล เบาะแสให้กับจนท.รัฐ มากขึ้น เป็นผลให้ จนท.ฝ่ายความมั่นคงสามารถเชื่อมโยงข้อมูล และรวบรวมหลักฐาน ทยอยจับกุมผู้มีอิทธิพลรายใหญ่ๆ และเครือข่ายใน 16 ฐานความผิดได้อย่างต่อเนื่อง อาทิ
กลุ่มนายไซซะนะ ซึ่งมีเครือข่ายยาเสพติดมากกว่า 100 เครือข่าย ส่งขายไปยังไทยและภูมิภาคอาเซียน โดยมีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งผู้มีอิทธิพลข้ามชาติที่เข้ามาในไทย ในเบื้องต้นมีทรัพย์สินที่อายัดได้มูลค่าไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท
การจับกุมนายทุนปล่อยเงินกู้นอกระบบรายใหญ่ โดยมีประชาชนร้องเรียน และให้ข้อมูลมา สามารถเชื่อมโยงเครือข่ายการใช้กลุ่มชายชุดดำทวงหนี้แบบวิธีนักเลง จนได้มีการจับกุมผู้ปล่อยกู้นอกระบบหลายราย และล่าสุดนำมาซึ่งจับกุม กลุ่มนายวิชัย ปั้นงาม เจ้าพ่อเงินกู้รายใหญ่ที่สุดของประเทศ ที่มีเครือข่ายปล่อยกู้ ร่วม 100 สาขา ครอบคลุมหลายจังหวัด พบเครือข่ายผู้กระทำผิดมากกว่า 200 ราย ลูกหนี้กว่า 170,000 ราย มีเงินหมุนเวียนในระบบกว่า 4,000 ล้านบาท
สำหรับฐานความผิดอื่นๆในรายสำคัญๆ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงกำลังรวบรวมข้อมูลที่ได้จากงานข่าวและเบาะแสที่ได้รับแจ้งจากประชาชนทั่วประเทศ. ซึ่งภาพรวมของสังคม. ชุมชนท้องถิ่นมีความตื่นตัวในการร่วมปกป้องสิทธิและเสรีภาพของตนเองมากขึ้น จากความร่วมมือเบาะแสข่าวที่ร่วมแจ้งเข้ามามากขึ้นอย่างต่อเนื่องตามลำดับ โดยเฉพาะปัญหายาเสพติด การปล่อยกู้นอกระบบ การค้ามนุษย์ การข่มขู่จากกลุ่มที่มีและใช้อาวุธ รวมทั้งกลุ่มชาวต่างประเทศที่แสดงตนเป็นผู้มีอิทธิพล ซึ่งฝ่ายความมั่นคงจะดำเนินการอย่างเฉียบขาดต่อไป โดยไม่เว้นหากมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง