xs
xsm
sm
md
lg

รีดภาษีบาปบุหรี่มวนละ5บาท เหล้า1พันบาท/ลิตรแอลกอฮอล์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

พ.ร.บ.สรรพสามิตใหม่ ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี กำหนดเพดานอัตราภาษีบุหรี่ใหม่คิดตามมูลค่าที่ 90% และตามปริมาณ 5 บาทต่อมวน ส่วนสุราแช่-กลั่น คิดตามราคามูลค่าขายปลีกแนะนำที่ 30% หรือ 1,000 บาท/ลิตร แอลกอฮอล์บริสุทธิ์ และสุรากลั่น 3,000 บาท/ลิตร แอลกอฮอล์บริสุทธิ์ ด้านโชห่วยบุหรี่โวย สนช.ไม่ฟังเสียงรากหญ้า เคาะกม.คุมยาสูบใหม่จัดเต็ม ! ห้ามแบ่งขาย-ห้ามโชว์สินค้า-กำหนดอายุคนขาย-ซองเรียบ-โทษอาญา หวั่นรายได้กระทบ-ของเถื่อนทะลัก

นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวถึงประมวลกฎหมายภาษีสรรพสามิตฉบับใหม่ ว่าจะเพิ่มเพดานอัตราภาษีสรรพสามิตให้สูงขึ้น เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจในระยะเวลา 20 ปีข้างหน้า โดยพิกัดอัตราภาษีใหม่ที่จะประกาศใช้จริง หลังพ.ร.บ.มีผลบังคับใช้ จะไม่ทำให้ภาระภาษีที่มีอยู่แต่เดิมของผู้ประกอบการสูงกว่าที่เคยจ่ายอยู่ในปัจจุบันมากนัก

ส่วนเพดานภาษีใหม่ที่จะถูกยกให้สูงขึ้นนั้น ก็เพื่อที่จะทำให้รัฐบาลสามารถใช้ดุลพินิจในการปรับขึ้นอัตราภาษีตามภาวะเศรษฐที่เปลี่ยนไปในอนาคต โดยไม่จำเป็นต้องเสนอขอแก้ไขพ.ร.บ.ซึ่งจะมีความยุ่งยากจนเกินไป
นายสมชาย กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากจากการปรับเพิ่มเพดานภาษีแล้ว กรมสรรพสามิตยังได้ปรับการคำนวณภาษีใหม่ จากปัจจุบันที่ใช้ราคาหน้าโรงงาน หรือราคาสินค้าบวกประกันบวกค่าระวางทางเรือ (CIF)มาเป็นการใช้ฐานราคาค้าปลีกแนะนำ ซึ่งจะเป็นราคาเดียวกับที่ผู้ประกอบการได้ส่งให้กระทรวงพาณิชย์ และกรมสรรพากร ทั้งนี้ เพื่อทำให้สร้างความโปร่งใส และมีความเป็นสากลมากขึ้น

ส่วนวิธีคำนวณจากปัจจุบัน ใช้มูลค่าของราคาหน้าโรงงานหรือ CIFหรือปริมาณที่เป็นลิตร หรือเป็นมวนนั้น แล้วแต่ว่าผลการคำนวณใดที่จะได้เงินภาษีสูงกว่า ก็ใช้วิธีนั้น

อย่างไรก็ตาม พ.ร.บ.สรรพสามิตใหม่ ยังได้ปรับใหม่ให้ใช้วิธีการคำนวณทั้งมูลค่า และปริมาณ ซึ่งทำให้ฐานการคำนวณภาษีสูงขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มภาษีบาป ทั้งนี้ แม้ฐานคำนวณใหม่จะสูงขึ้นบ้างก็ตาม แต่กรมสรรพสามิต ยืนยันว่าจะถอยร่นอัตราภาษีให้ต่ำลง เพื่อให้ภาระภาษียังคงเท่าเดิม

ด้านแหล่งข่าวจากกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า กรณีเบียร์ในปัจจุบันนั้นสูงจนชนเพดานแล้ว ทั้งนี้ เนื่องจากกรมสรรพสามิตได้กำหนดเพดานภาษีตามมูลค่าที่ 60% และราคาตามปริมาณจะอยู่ที่ 100 บาท/ลิตร แห่งแอลกอฮอล์บริสุทธิ์

อย่างไรก็ตาม ในพ.ร.บ.ใหม่ กรมสรรพสามิตได้กำหนดให้ใช้อัตราใหม่โดยคิดตามมูลค่า 30% ของราคาขายปลีกแนะนำ และอัตราตามปริมาณอยู่ที่ 3,000 บาทต่อลิตร แห่งแอลกอฮอลบริสุทธิ์

สำหรับบุหรี่นั้น ในปัจจุบันจะอยู่ที่ 90% และตามปริมาณอยู่ที่ 3 บาทต่อกรัม อย่างไรก็ตาม อัตราภาษีที่ใช้จริงจะอยู่ที่ 10-87% และอัตราตามปริมาณ จะอยู่ที่ 0.01-1 บาท/กรัม อย่างไรก็ตาม เพดานภาษีบุหรี่ ตามพ.ร.บ.ใหม่นั้น กำหนดให้คิดตามมูลค่าที่ 90% และตามปริมาณ 5 บาท ต่อมวน

ขณะที่สุรากลั่นในปัจจุบันได้กำหนดอัตราภาษีไว้ที่ 50% ของมูลค่า และตามปริมาณ 400 บาทต่อลิตรแห่งแอลกอฮอลบริสุทธิ์ แต่อัตราใช้จริงจะอยู่ที่ 50% ของมูลค่า และ150-400 บาท/ลิตรแอลกอฮอลบริสุทธิ์

อย่างไรก็ตาม ในพ.ร.บ.ใหม่ จะกำหนดให้คิดราคาตามมูลค่าเป็น 30% และราคาตามปริมาณที่ 1,000 บาทต่อลิตร แห่งแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ สำหรับสุราแช่ และ 3,000 บาท/แอลกอฮอล์บริสุทธิ์ สำหรับสุรากลั่น
ทั้งนี้ ในปัจจุบันพ.ร.บ.สรรพสามิตฉบับใหม่ อยู่ระหว่างรอการลงพระปรมาภิไธย ก่อนที่จะประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา เพื่อให้มีผลบังคับใช้ภายใน 180 วันโดยระหว่างนี้ กรมสรรพสามิตจะร่างกฎหมายลูกอีกกว่า 80 ฉบับ โดยยังไม่รวมประกาศต่างของกรมสรรพสามิต ที่จะทยอยออกมาเพื่อให้สอดคล้องตามพ.ร.บ.สรรพสามิตฉบับใหม่ด้วย

** โชห่วยโวยกม.ยาสูบใหม่

นางวราภรณ์ นะมาตร์ ผู้อำนวยการบริหารสมาคมการค้ายาสูบไทย กล่าวถึงกรณี สนช. มีมติผ่าน ร่าง พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบฉบับใหม่ โดยไม่ได้มีการแก้ไขมาตราที่เป็นปัญหา ตามที่ร้านค้าโชห่วยได้ยื่นเรื่องไป โดยกม.ใหม่ฉบับนี้ จะมีผลบังคับใช้ภายใน 90 วัน และมีการกำหนดเพิ่มมาตรการใหม่ ให้กับร้านค้าต้องปฏิบัติตาม ดังนี้ ห้ามร้านค้าแบ่งขายบุหรี่แบบมวน กำหนดอายุขั้นต่ำคนขาย 18 ปีขึ้นไป ห้ามแสดงผลิตภัณฑ์บุหรี่ ณ สถานที่ขายปลีก ให้อำนาจรัฐมนตรีกำหนดรูปแบบซองบุหรี่ รวมถึงวิธีการแสดงเครื่องหมายการค้า เปิดช่องให้ใช้ “บุหรี่ซองเรียบ” ซึ่ง“สมาชิกร้านค้ารู้สึกผิดหวังที่ สนช. ไม่ได้แก้ไขมาตราที่เป็นปัญหา และกระทบต่อวิถีการทำมาหากินของร้านเล็กๆ ตามที่สมาคมฯ ได้พยายามสื่อสารและยื่นเรื่องข้อกังวลนี้มาโดยตลอด ร่างกม.ฉบับนี้ มีข้อห้ามมากมายที่มายุ่งเกี่ยวกับการทำมาหากินของร้านค้าที่ไม่เกี่ยวข้องใดๆกับเหตุผลในการควบคุมสุขภาพของประชาชน หรือป้องกันเยาวชนตามที่ฝ่ายรณรงค์กล่าวอ้าง รวมถึงการกำหนดโทษทางอาญา ที่มีความรุนแรงและให้อำนาจเจ้าหน้าที่สาธารณสุขออก‘ใบสั่ง’จับ/ปรับร้านได้ ซึ่งสร้างความวิตกกังวล ร้านค้ากังวลเรื่องห้ามแบ่งขาย เพราะเป็นจุดที่สร้างความแตกต่างจากร้านค้าใหญ่ๆ และสร้างรายได้ให้ร้านเล็ก แต่ไม่มีการปรับแก้ใดๆ ส่วนข้อกำหนดอายุคนขายที่เพิ่มมา ก็จะเป็นการบีบรัดร้านค้ามากเกินไป เพราะเป็นวิถีโชห่วยที่ลูกหลานในร้านก็ออกมาช่วยงานธุรกิจครอบครัวอยู่แล้ว อีกทั้งเรื่องการห้ามแสดงสินค้า ณ จุดขาย หรือมาตรการ “ซองเรียบ”ที่ให้อำนาจรัฐมนตรีมากำหนดรูปแบบของซองบุหรี่ โดยจะบังคับให้ใช้สี ตัวหนังสือเดียวกันหมด และห้ามไม่ให้โลโก้ ที่บอกความแตกต่างของแต่ละยี่ห้อ ทั้งๆที่เรื่องนี้กำลังเป็นปัญหาพิพาทเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาในระดับโลก สมาคมฯ มองว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ต้องจุด แต่จะเป็นการเพิ่มความยุ่งยากและกระตุ้นให้เกิดผลที่ไม่พึงประสงค์ตามมา ทั้งเรื่อง บุหรี่เถื่อน บุหรี่ปลอม ที่ทุกวันนี้ก็เป็นปัญหามากอยู่แล้ว "นางวราภรณ์ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น