นับจนถึงนาทีนี้หากนับเฉพาะกรณีของ"ธัมมชโย" และ"ธรรมกาย" ที่น่าเบื่อหน่ายรำคาญของชาวบ้านเชื่อว่าอีกไม่นานก็คงจะจบแล้ว จบในที่นี้หมายถึงการที่เจ้าหน้าที่ต้องเข้าไปตรวจค้นจับกุมผู้ต้องหา และของผิดกฎหมายในวัดพระธรรมกายในอีกไม่นานนี้ เพื่อหาคำตอบให้ได้ว่า "ทำไมมีการขัดขวางเจ้าหน้าที่ไม่ให้เข้าไปตรวจค้นภายในแบบสุดชีวิต" อยู่ตลอดเวลา
คำถามก็คือ ภายในวัดพระธรรมกาย มีของผิดกฎหมายใดซุกซ่อนปิดบังอยู่หรือไม่ ซึ่งเมื่อพิจารณาจากท่าทีความเคลื่อนไหวรวมทั้งอาการต่างๆ ที่ผ่านมา ก็น่ามีความเชื่อโน้มเอียงในแบบเดียวกันว่า "ธัมมชโย" ต้องกบดานอยู่ภายในวัดอย่างแน่นอน หรือไม่ก็ต้องมีบางสิ่งที่เปิดเผยให้ใครรู้ไม่ได้ ถึงไม่ยอมให้ตรวจค้น เพราะล่วงมาจนถึงวันนี้ ถือได้ว่า รักษาการเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ซึ่งตอนนี้จะเป็น "ธัตตชีโว" หรือใครก็แล้วแต่ ได้ฝ่าฝืนคำสั่งของ พระเทพรัตนสุธี เจ้าอาวาสวัดเขียนเขต ในฐานะเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ที่ได้สั่งการไป เมื่อวันที่ 1 มี.ค. โดยมีหนังสือจากเจ้าคณะจังหวัด ไปยังรักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย จำนวน 4 ประเด็น ประกอบด้วย
1. ให้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย นิมนต์เชิญพระวัดพระธรรมกายที่ออกไปปฏิบัติกิจอยู่นอกพื้นที่วัดพระธรรมกาย โดยเฉพาะบริเวณตลาดกลางคลองหลวง ให้กลับเข้าวัดพระธรรมกาย
2. มีหนังสือให้ รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย นิมนต์พระที่ไม่ได้อยู่ในสังกัดวัดพระธรรมกาย โดยอยู่ภายในวัดพระธรรมกายขณะนี้ ให้ออกจากพื้นที่วัดพระธรรมกาย และกลับไปยังวัดต้นสังกัด
3. จะทวงถามหนังสือที่ทางสำนักงานของเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี มีถึงรักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เลขที่ 35/2560 ลงวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2560 ซึ่งเป็นหนังสือที่ทางเจ้าคณะจังหวัด ขอทราบจำนวนพระที่สังกัดวัดพระธรรมกายทั้งหมด ปัจจุบันยังไม่มีผลตอบรับจากทางวัดพระธรรมกายกลับมา เนื่องจากเจ้าคณะจังหวัด จะได้จัดให้เจ้าหน้าที่ประสานเรื่องภัตตาหารเข้าไปให้เพียงพอกับพระ และสามเณรภายในวัดพระธรรมกาย ซึ่งปัจจุบันการแจ้งข้อมูลอย่างเป็นทางการจากวัดมายังผู้ปกครองสงฆ์ ยังไม่มีเลย
4. ทางเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีได้แจ้งไปยัง รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายว่า กรณีที่ต้องมีการเจรจากับเจ้าหน้าที่ ผู้ปฏิบัติหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือหน่วยงานปฏิบัติการต่างๆ ในครั้งนี้ ขอให้พระวินยาธิการ หรือ ตำรวจพระ เจ้าคณะอำเภอ ผู้แทนสำนักพระพุทธศาสนา เข้าร่วมในการดำเนินการด้วย เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างเรียบร้อย มีทั้งฝ่ายพระ และฝ่ายฆราวาส เพื่อเป็นที่ยอมรับทั้งสองฝ่าย
สำหรับพระที่ฝ่าฝืนไม่ดำเนินการตามคำสั่งเจ้าคณะปทุมฯ และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ที่ห้ามพระเข้าร่วมกิจกรรมของวัดพระธรรมกาย ซึ่งเป็นการขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานนั้น คงต้องไปดูว่า หลักพระธรรมวินัยกำหนดไว้อย่างไร ทั้งนี้ บริเวณประตู 7 ของวัดพระธรรมกาย เจ้าหน้าที่ได้นำหนังสือข้อสั่งการของ พศ. ไปติดแสดง เพื่อย้ำไม่ให้สงฆ์ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน
แน่นอนว่า จนถึงตอนนี้ทุกอย่างก็ยัง "เงียบ"ไม่มีเสียงตอบรับกลับออกมา ความหมายก็คือ "สั่งได้สั่งไป"ไม่มีความหมาย อย่างไรก็ดี สิ่งที่ทำอยู่ก็คือความพยายามในการดิ้นรน เบี่ยงเบนไปอีกทางนั่นคือ ความพยายามในการทำลายเครดิตฝ่ายรัฐอยู่ตลอดเวลา ล่าสุดก็ยกเอาเรื่องศิษย์ผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นโรคหอบหืดกำเริบเสียชีวิตภายในวัด มากล่าวหาเจ้าหน้าที่ว่าเป็นต้นเหตุ ถูกขัดขวางการช่วยชีวิตจนต้องตาย แต่ก็กลับมาที่คำถามเดิมคือ ทำไมวัดถึงไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจค้น ทุกอย่างจะได้จบและเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย เพราะที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. รวมไปถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหมก็ยืนยันแล้วว่า หากตรวจค้นเสร็จเรียบร้อยแล้วก็จะยกเลิก มาตรา 44 ในพื้นที่บริเวณนั้นทันที
อย่างไรก็ดี ล่าสุดวิธีการที่ถูกเรียกว่า "หากินกับศพ" ก็ยังปั่นไม่ขึ้น ตรงกันข้ามกลับทำให้สังคมเกิดความเบื่อหน่าย รำคาญกว่าเดิม และเกิดแรงกดดันจากภายนอกมากกว่าเดิม
ขณะเดียวกันจากกรณีของ ธัมมชโย และ ธรรมกาย รวมไปถึงเรื่องอื้อฉาวในวงการพระสงฆ์ที่เกิดขึ้นมากมายทั่วประเทศ กลายเป็นแรงกระตุ้นให้เกิดการปฏิรูปวงการสงฆ์ครั้งใหญ่ พิสูจน์ได้จากผลสำรวจของ "นิด้าโพล" สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง"การปฏิรูปพุทธศาสนา" พบว่า ประชาชนส่วนใหญระบุว่า พระสงฆ์ตัดไม่ขาดจากทางโลก หลงในวัตถุนิยม ลาภ ยศ สรรเสริญ ตำแหน่งทางสงฆ์ หรือบริโภคนิยม และยังระบุว่า องค์กรที่ดูแลพุทธศาสนาอ่อนแอ ขาดประสิทธิภาพในการทำงาน และตรวจสอบป้องกัน และที่สำคัญประชาชนส่วนใหญ่ยังมองว่าการทำหน้าที่ของมหาเถรสมาคม (มส.)ไม่มีประสิทธิภาพ ทำให้เห็นว่าต้องมีการปฏิรูปพระพุทธศาสนาอย่างเร่งด่วน
แน่นอนว่า ในคำถามอาจจะ "คลาดเคลื่อน" ในการตั้งคำถามโดยใช้คำว่า "ปฏิรูปพระพุทธศาสนา" เพราะพระพุทธศาสนาเป็นสิ่งที่ประเสริฐสุดอยู่แล้ว แต่ปัญหาก็คือมีผู้นำมาปฏิบัติไม่เคร่งครัดหรือบิดเบือนต่างหากนี่คือปัญหา แต่หากอนุมาณตามความเข้าใจก็คือชาวบ้านอยากให้ปฏิรูปอย่างเร่งด่วนก็คือต้องการให้"ปฏิรูปวงการสงฆ์"รวมไปถึงองค์กรปกครองทางสงฆ์มากกว่า
ดังนั้น หากสะท้อนปัญหาในภาพรวมๆ ก็ต้องสรุปว่าเวลานี้สังคมเริ่มลดความศรัทธาพฤติกรรมของพระสงฆ์บางรูป รวมไปถึงการวิพากษ์วิจารณ์องค์กรปกครองทางสงฆ์ที่ไม่ทันกับสถานการณ์การที่เปลี่ยนแปลงไป และจากกรณีของ "ธัมมชโย" และ"ธรรมกาย" ก็ยิ่งเป็นตัวกระตุ้นให้มีการปฏิรูปวงการพระสงฆ์รวมไปถึงการสังคายนาพระธรรมวินัย รวมไปถึงการจัดการทรัพย์สินของวัดต่างๆ ทั่วประเทศให้เร็วขึ้น แม้ว่าเป็นเรื่องใหญ่และละเอียดอ่อน แต่เชื่อว่าสถานการณ์และบรรยากาศแบบนี้แหละเป็นตัวเร่งที่ดี
**สำหรับ "ธรรมกาย" นั้นเส้นทางข้างหน้าหากมีการปฏิรูปหรือมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในวงการปกครองทางสงฆ์เกิดขึ้นจริง ก็น่าเชื่อว่าจะมีการ "อัปเปหิ" ธัมมชโย ให้พ้นจากความเป็นสงฆ์ และ "แยกลัทธิธรรมกาย" ออกไปเป็นเอกเทศ ในแบบที่ไม่ต้องมาอิงแอบอยู่กับองค์กรปกครองคณะสงฆ์อย่างเช่นในปัจจุบันนี้ !!
คำถามก็คือ ภายในวัดพระธรรมกาย มีของผิดกฎหมายใดซุกซ่อนปิดบังอยู่หรือไม่ ซึ่งเมื่อพิจารณาจากท่าทีความเคลื่อนไหวรวมทั้งอาการต่างๆ ที่ผ่านมา ก็น่ามีความเชื่อโน้มเอียงในแบบเดียวกันว่า "ธัมมชโย" ต้องกบดานอยู่ภายในวัดอย่างแน่นอน หรือไม่ก็ต้องมีบางสิ่งที่เปิดเผยให้ใครรู้ไม่ได้ ถึงไม่ยอมให้ตรวจค้น เพราะล่วงมาจนถึงวันนี้ ถือได้ว่า รักษาการเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ซึ่งตอนนี้จะเป็น "ธัตตชีโว" หรือใครก็แล้วแต่ ได้ฝ่าฝืนคำสั่งของ พระเทพรัตนสุธี เจ้าอาวาสวัดเขียนเขต ในฐานะเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ที่ได้สั่งการไป เมื่อวันที่ 1 มี.ค. โดยมีหนังสือจากเจ้าคณะจังหวัด ไปยังรักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย จำนวน 4 ประเด็น ประกอบด้วย
1. ให้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย นิมนต์เชิญพระวัดพระธรรมกายที่ออกไปปฏิบัติกิจอยู่นอกพื้นที่วัดพระธรรมกาย โดยเฉพาะบริเวณตลาดกลางคลองหลวง ให้กลับเข้าวัดพระธรรมกาย
2. มีหนังสือให้ รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย นิมนต์พระที่ไม่ได้อยู่ในสังกัดวัดพระธรรมกาย โดยอยู่ภายในวัดพระธรรมกายขณะนี้ ให้ออกจากพื้นที่วัดพระธรรมกาย และกลับไปยังวัดต้นสังกัด
3. จะทวงถามหนังสือที่ทางสำนักงานของเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี มีถึงรักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เลขที่ 35/2560 ลงวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2560 ซึ่งเป็นหนังสือที่ทางเจ้าคณะจังหวัด ขอทราบจำนวนพระที่สังกัดวัดพระธรรมกายทั้งหมด ปัจจุบันยังไม่มีผลตอบรับจากทางวัดพระธรรมกายกลับมา เนื่องจากเจ้าคณะจังหวัด จะได้จัดให้เจ้าหน้าที่ประสานเรื่องภัตตาหารเข้าไปให้เพียงพอกับพระ และสามเณรภายในวัดพระธรรมกาย ซึ่งปัจจุบันการแจ้งข้อมูลอย่างเป็นทางการจากวัดมายังผู้ปกครองสงฆ์ ยังไม่มีเลย
4. ทางเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีได้แจ้งไปยัง รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายว่า กรณีที่ต้องมีการเจรจากับเจ้าหน้าที่ ผู้ปฏิบัติหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือหน่วยงานปฏิบัติการต่างๆ ในครั้งนี้ ขอให้พระวินยาธิการ หรือ ตำรวจพระ เจ้าคณะอำเภอ ผู้แทนสำนักพระพุทธศาสนา เข้าร่วมในการดำเนินการด้วย เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างเรียบร้อย มีทั้งฝ่ายพระ และฝ่ายฆราวาส เพื่อเป็นที่ยอมรับทั้งสองฝ่าย
สำหรับพระที่ฝ่าฝืนไม่ดำเนินการตามคำสั่งเจ้าคณะปทุมฯ และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ที่ห้ามพระเข้าร่วมกิจกรรมของวัดพระธรรมกาย ซึ่งเป็นการขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานนั้น คงต้องไปดูว่า หลักพระธรรมวินัยกำหนดไว้อย่างไร ทั้งนี้ บริเวณประตู 7 ของวัดพระธรรมกาย เจ้าหน้าที่ได้นำหนังสือข้อสั่งการของ พศ. ไปติดแสดง เพื่อย้ำไม่ให้สงฆ์ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน
แน่นอนว่า จนถึงตอนนี้ทุกอย่างก็ยัง "เงียบ"ไม่มีเสียงตอบรับกลับออกมา ความหมายก็คือ "สั่งได้สั่งไป"ไม่มีความหมาย อย่างไรก็ดี สิ่งที่ทำอยู่ก็คือความพยายามในการดิ้นรน เบี่ยงเบนไปอีกทางนั่นคือ ความพยายามในการทำลายเครดิตฝ่ายรัฐอยู่ตลอดเวลา ล่าสุดก็ยกเอาเรื่องศิษย์ผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นโรคหอบหืดกำเริบเสียชีวิตภายในวัด มากล่าวหาเจ้าหน้าที่ว่าเป็นต้นเหตุ ถูกขัดขวางการช่วยชีวิตจนต้องตาย แต่ก็กลับมาที่คำถามเดิมคือ ทำไมวัดถึงไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจค้น ทุกอย่างจะได้จบและเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย เพราะที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. รวมไปถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหมก็ยืนยันแล้วว่า หากตรวจค้นเสร็จเรียบร้อยแล้วก็จะยกเลิก มาตรา 44 ในพื้นที่บริเวณนั้นทันที
อย่างไรก็ดี ล่าสุดวิธีการที่ถูกเรียกว่า "หากินกับศพ" ก็ยังปั่นไม่ขึ้น ตรงกันข้ามกลับทำให้สังคมเกิดความเบื่อหน่าย รำคาญกว่าเดิม และเกิดแรงกดดันจากภายนอกมากกว่าเดิม
ขณะเดียวกันจากกรณีของ ธัมมชโย และ ธรรมกาย รวมไปถึงเรื่องอื้อฉาวในวงการพระสงฆ์ที่เกิดขึ้นมากมายทั่วประเทศ กลายเป็นแรงกระตุ้นให้เกิดการปฏิรูปวงการสงฆ์ครั้งใหญ่ พิสูจน์ได้จากผลสำรวจของ "นิด้าโพล" สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง"การปฏิรูปพุทธศาสนา" พบว่า ประชาชนส่วนใหญระบุว่า พระสงฆ์ตัดไม่ขาดจากทางโลก หลงในวัตถุนิยม ลาภ ยศ สรรเสริญ ตำแหน่งทางสงฆ์ หรือบริโภคนิยม และยังระบุว่า องค์กรที่ดูแลพุทธศาสนาอ่อนแอ ขาดประสิทธิภาพในการทำงาน และตรวจสอบป้องกัน และที่สำคัญประชาชนส่วนใหญ่ยังมองว่าการทำหน้าที่ของมหาเถรสมาคม (มส.)ไม่มีประสิทธิภาพ ทำให้เห็นว่าต้องมีการปฏิรูปพระพุทธศาสนาอย่างเร่งด่วน
แน่นอนว่า ในคำถามอาจจะ "คลาดเคลื่อน" ในการตั้งคำถามโดยใช้คำว่า "ปฏิรูปพระพุทธศาสนา" เพราะพระพุทธศาสนาเป็นสิ่งที่ประเสริฐสุดอยู่แล้ว แต่ปัญหาก็คือมีผู้นำมาปฏิบัติไม่เคร่งครัดหรือบิดเบือนต่างหากนี่คือปัญหา แต่หากอนุมาณตามความเข้าใจก็คือชาวบ้านอยากให้ปฏิรูปอย่างเร่งด่วนก็คือต้องการให้"ปฏิรูปวงการสงฆ์"รวมไปถึงองค์กรปกครองทางสงฆ์มากกว่า
ดังนั้น หากสะท้อนปัญหาในภาพรวมๆ ก็ต้องสรุปว่าเวลานี้สังคมเริ่มลดความศรัทธาพฤติกรรมของพระสงฆ์บางรูป รวมไปถึงการวิพากษ์วิจารณ์องค์กรปกครองทางสงฆ์ที่ไม่ทันกับสถานการณ์การที่เปลี่ยนแปลงไป และจากกรณีของ "ธัมมชโย" และ"ธรรมกาย" ก็ยิ่งเป็นตัวกระตุ้นให้มีการปฏิรูปวงการพระสงฆ์รวมไปถึงการสังคายนาพระธรรมวินัย รวมไปถึงการจัดการทรัพย์สินของวัดต่างๆ ทั่วประเทศให้เร็วขึ้น แม้ว่าเป็นเรื่องใหญ่และละเอียดอ่อน แต่เชื่อว่าสถานการณ์และบรรยากาศแบบนี้แหละเป็นตัวเร่งที่ดี
**สำหรับ "ธรรมกาย" นั้นเส้นทางข้างหน้าหากมีการปฏิรูปหรือมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในวงการปกครองทางสงฆ์เกิดขึ้นจริง ก็น่าเชื่อว่าจะมีการ "อัปเปหิ" ธัมมชโย ให้พ้นจากความเป็นสงฆ์ และ "แยกลัทธิธรรมกาย" ออกไปเป็นเอกเทศ ในแบบที่ไม่ต้องมาอิงแอบอยู่กับองค์กรปกครองคณะสงฆ์อย่างเช่นในปัจจุบันนี้ !!