หมดสภาพโครงการ “ปลูกป่าชายเลน” ของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งพื้นที่นำร่อง 20 ไร่จาก 225 ไร่ถูกปล่อยแห้งตายหมด แฉขบวนการขายต้นกล้า “ปลูกให้ตาย”เพื่อวนเวียนผลาญงบประมาณ
โครงการปลูกป่าทดแทนถือเป็นกิจกรรมอย่างหนึ่งที่คนไทยได้ทราบจากการเผยแพร่ของหน่วยงานต่างๆโดยเฉพาะในสังกัดที่ขึ้นตรงต่อกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม แต่เบื้องหลังของภาพพจน์ดีๆกิจกรรมดีๆกลับมีผู้สังเกตว่ามีกลิ่นคอรัปชัน หรือการทุจริตในรูปแบบใหม่ของขบวนการซื้อขายต้นกล้าซึ่ง “กินเงียบ”สร้างความเสียหายซ้ำซ้อนกับสังคมไทยมาเป็นเวลานาน
อีกโครงการหนึ่งซึ่งกำลังเป็นกระแสฮือฮาอยู่ในโลกโซเชียลมีเดียคือการคืนผืนป่าชายเลน (A03) หมู่ 3 ต.ปากทะเล อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี รวมเนื้อที่ทั้งหมด 225 ไร่
ซึ่งก่อนหน้ามาจากผลงานของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายภายใต้การกำกับของคณะรัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่แผนปฏิบัติการคืนผืนป่าชายเลนประชารัฐซึ่งเบื้องต้นได้ใช้งบประมาณจำนวนหนึ่งปลูกต้นกล้าไปแล้วประมาณ 20 ไร่กลับมีภาพชวนเป็นห่วงว่ามีเบื้องหน้า-เบื้องหลังความไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นหรือไม่ดังภาพที่ปรากฏ รวมทั้งประเด็นที่ประชาชนในระแวกนั้นมองเห็น
1.ต้นกล้าที่ปลูกจะมีชีวิตรอดหรือไม่เพราะตามที่เห็นเกือบ 100% เหี่ยวเฉา พื้นที่ 1 ไร่จะใช้ต้นกล้าประมาณ 920 ต้นรวมทั้งสิ้นที่ปลุกไปแล้วเนื้อที่จำนวน 20 ไร่ใช้กล้า 18,400 ต้น กล้าไม้ 1 ต้นราคา?...บาท ค่าไม้ไผ่ปักแนวอันละ?....บาทและฯลฯ
2.พื้นที่ปลูกมีสภาพเดิมเป็นนาเกลือไม่มีต้นไม้แม้แต่ต้นเดียว กล้าที่ปลูกส่วนมากเป็นโกงกางใบเล็กรวมๆกับชนิดอื่นบางส่วน และแนวป่ารอบนอกเดิมเป็นจำพวกต้นแสมที่มีให้เห็นแต่สำหรับนาเกลือหากไม่มีกระบวนการปรับสภาพดิน ปรับสภาพน้ำและระบบนิเวศที่เหมาะสมก่อนไม่มีใครสามารถปลูกต้นไม้ให้รอดได้ และไม่นิยมทำกัน
3.พื้นที่ที่ทำการปลูกกล้ามีป้ายแสดงสัญญาลักษณ์ความเป็นเจ้าของหรือบ่งบอกว่าใครมาปลุกมี 2 ป้าย คือป้ายแรกปลูกเมื่อวันที่ 3 ก.พ.โดยวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร 59 (หมู่นกหัวขวาน)และวันที่ 10 ก.พ.โดยจังหวัดเพชรบุรี กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แต่ผลที่ตามมาปรากฏว่า “ตายเรียบ” จึงอยากให้ผู้เกี่ยวข้องลงมาติดตาม แก้ไขให้โดยด่วนเพราะนั่นคือภาษีของประชาชนทั้งสิ้น
4.กล้าจำนวนมากที่มิได้ปลูกในวันนั้นถูกทิ้งกองไว้กลางถนน ไม่มีการดูแลหรือปลูกให้หมดและแห้ง กรอบตายหมดเช่นกั
5.ถุงดำเพาะกล้า ท่านต้องการทิ้งหรือเจตนาทำเป็นหมวกกันแดให้กับต้นกล้า โปรดเข้าใจว่าถ้าไม่ใช้มันคือขยะพลาสติกที่ใช้เวลาย่อยสลายถึง 3 ชั่วอายุคนหรือประมาณ 100 ปี คราวต่อไปเมื่อมีโครงการปลูกป่าที่ไหนโปรดเก็บ หรือกำจัดอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วย
6.ก่อนลงมือปฏิบัติการฟื้นฟูป่า ควรมีการหารือกับหลายๆฝ่าย หลายๆภาคส่วนโดยเฉพาะชาวบ้าน/ชุมชน ที่พวกเขาคุ้นเคย สัมพันธ์กับผืนป่า โปรดอย่าลืมว่าองค์ความรู้ที่ดีที่สุดคือชาวบ้านเพราะนั่นเป็นบ้าน เป็นแหล่งอาหาร เป็นหม้อข้าวของพวกเขา เกิดและโตมีชีวิตที่นั่นและที่สำคัญการฟื้นฟูป่าไม่จำเป็นต้องปลูกป่าก็ได้
7.โปรดอย่าสร้างภาพเพื่อ “ปลูกทิ้ง”เพราะสิ้นเปลืองงบประมาณและเป็นพฤติกรรมที่ไม่ดี นอกจากนั้นต้นกล้าของผู้มีชื่อเสียงปลูกไว้แต่แห้งเหี่ยวเฉาตาย ของใครต้นไหนเท่ากับประจานตัวเองหรือไม่โปรดดูกันตามภาพ
หยุดสร้างภาพ หยุดทำลายป่า หยุดทุบหม้อข้าว บทเรียนมีมากพอแล้ว.....
โครงการปลูกป่าทดแทนถือเป็นกิจกรรมอย่างหนึ่งที่คนไทยได้ทราบจากการเผยแพร่ของหน่วยงานต่างๆโดยเฉพาะในสังกัดที่ขึ้นตรงต่อกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม แต่เบื้องหลังของภาพพจน์ดีๆกิจกรรมดีๆกลับมีผู้สังเกตว่ามีกลิ่นคอรัปชัน หรือการทุจริตในรูปแบบใหม่ของขบวนการซื้อขายต้นกล้าซึ่ง “กินเงียบ”สร้างความเสียหายซ้ำซ้อนกับสังคมไทยมาเป็นเวลานาน
อีกโครงการหนึ่งซึ่งกำลังเป็นกระแสฮือฮาอยู่ในโลกโซเชียลมีเดียคือการคืนผืนป่าชายเลน (A03) หมู่ 3 ต.ปากทะเล อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี รวมเนื้อที่ทั้งหมด 225 ไร่
ซึ่งก่อนหน้ามาจากผลงานของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายภายใต้การกำกับของคณะรัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่แผนปฏิบัติการคืนผืนป่าชายเลนประชารัฐซึ่งเบื้องต้นได้ใช้งบประมาณจำนวนหนึ่งปลูกต้นกล้าไปแล้วประมาณ 20 ไร่กลับมีภาพชวนเป็นห่วงว่ามีเบื้องหน้า-เบื้องหลังความไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นหรือไม่ดังภาพที่ปรากฏ รวมทั้งประเด็นที่ประชาชนในระแวกนั้นมองเห็น
1.ต้นกล้าที่ปลูกจะมีชีวิตรอดหรือไม่เพราะตามที่เห็นเกือบ 100% เหี่ยวเฉา พื้นที่ 1 ไร่จะใช้ต้นกล้าประมาณ 920 ต้นรวมทั้งสิ้นที่ปลุกไปแล้วเนื้อที่จำนวน 20 ไร่ใช้กล้า 18,400 ต้น กล้าไม้ 1 ต้นราคา?...บาท ค่าไม้ไผ่ปักแนวอันละ?....บาทและฯลฯ
2.พื้นที่ปลูกมีสภาพเดิมเป็นนาเกลือไม่มีต้นไม้แม้แต่ต้นเดียว กล้าที่ปลูกส่วนมากเป็นโกงกางใบเล็กรวมๆกับชนิดอื่นบางส่วน และแนวป่ารอบนอกเดิมเป็นจำพวกต้นแสมที่มีให้เห็นแต่สำหรับนาเกลือหากไม่มีกระบวนการปรับสภาพดิน ปรับสภาพน้ำและระบบนิเวศที่เหมาะสมก่อนไม่มีใครสามารถปลูกต้นไม้ให้รอดได้ และไม่นิยมทำกัน
3.พื้นที่ที่ทำการปลูกกล้ามีป้ายแสดงสัญญาลักษณ์ความเป็นเจ้าของหรือบ่งบอกว่าใครมาปลุกมี 2 ป้าย คือป้ายแรกปลูกเมื่อวันที่ 3 ก.พ.โดยวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร 59 (หมู่นกหัวขวาน)และวันที่ 10 ก.พ.โดยจังหวัดเพชรบุรี กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แต่ผลที่ตามมาปรากฏว่า “ตายเรียบ” จึงอยากให้ผู้เกี่ยวข้องลงมาติดตาม แก้ไขให้โดยด่วนเพราะนั่นคือภาษีของประชาชนทั้งสิ้น
4.กล้าจำนวนมากที่มิได้ปลูกในวันนั้นถูกทิ้งกองไว้กลางถนน ไม่มีการดูแลหรือปลูกให้หมดและแห้ง กรอบตายหมดเช่นกั
5.ถุงดำเพาะกล้า ท่านต้องการทิ้งหรือเจตนาทำเป็นหมวกกันแดให้กับต้นกล้า โปรดเข้าใจว่าถ้าไม่ใช้มันคือขยะพลาสติกที่ใช้เวลาย่อยสลายถึง 3 ชั่วอายุคนหรือประมาณ 100 ปี คราวต่อไปเมื่อมีโครงการปลูกป่าที่ไหนโปรดเก็บ หรือกำจัดอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วย
6.ก่อนลงมือปฏิบัติการฟื้นฟูป่า ควรมีการหารือกับหลายๆฝ่าย หลายๆภาคส่วนโดยเฉพาะชาวบ้าน/ชุมชน ที่พวกเขาคุ้นเคย สัมพันธ์กับผืนป่า โปรดอย่าลืมว่าองค์ความรู้ที่ดีที่สุดคือชาวบ้านเพราะนั่นเป็นบ้าน เป็นแหล่งอาหาร เป็นหม้อข้าวของพวกเขา เกิดและโตมีชีวิตที่นั่นและที่สำคัญการฟื้นฟูป่าไม่จำเป็นต้องปลูกป่าก็ได้
7.โปรดอย่าสร้างภาพเพื่อ “ปลูกทิ้ง”เพราะสิ้นเปลืองงบประมาณและเป็นพฤติกรรมที่ไม่ดี นอกจากนั้นต้นกล้าของผู้มีชื่อเสียงปลูกไว้แต่แห้งเหี่ยวเฉาตาย ของใครต้นไหนเท่ากับประจานตัวเองหรือไม่โปรดดูกันตามภาพ
หยุดสร้างภาพ หยุดทำลายป่า หยุดทุบหม้อข้าว บทเรียนมีมากพอแล้ว.....