“มหากิจศิริ” ลดเสี่ยงธุรกิจเดินเรือที่ยังขาดทุน สยายปีกธุรกิจอาหารสร้างรายได้และการเติบโตอีกทางหนึ่ง ล่าสุดคว้าไลเซ่นส์พิซซ่าฮัทในไทย เป้าหมาย เปิดใหม่อีก 100 สาขาใน 4 ปี ด้านยัมฯขายไลเซนส์พิซซ่าฮัท อ้างให้คู่ค้าลุยจะเร็วกว่า
นางสาวอุษณา มหากิจศิริ กรรมการ บริษัท พี เอช แคปปิตอล จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทดังกล่าวตั้งขึ้นมาจากการร่วมทุนระหว่าง บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือทีทีเอ ถือหุ้น 70% กับบริษัท พีเอ็ม แคปปิตอล จำกัด ถือหุ้น 30% ซึ่งเป็นธุรกิจในเครือข่ายของนายประยุทธ มหากิจศิริ ที่เป็นคู่ค้ากับเนสท์เล่ในไทยมานานกว่า 40 ปีในการผลิตเนสกาแฟ เพื่อรับสิทธิ์เป็นแฟรนไชส์ซีแบรนด์พิซซ่าฮัทในไทยนาน 10 ปีและต่อ 10 ปี โดยจะเป็นผู้ลงทุน บริหาร จัดการ ทั้งหมด จากบริษัท ยัม เรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มว่า ทีทีเอ รายงานตลาดหลักทรัพย์ฯว่า ผลประกอบการปี 59 ขาดทุนสุทธิ 418.3 ล้านบาท ทั้งนี้ธุรกิจเดินเรือซึ่งเป็นธุรกิจหลักของกลุ่มนั้น ที่ผ่านมาขาดทุน และผู้ประกอบการเดินเรือรายใหญ่ในเอเซียก็ปิดตัวไปหลายรายเพราะเศรษฐกิจโลกไม่ค่อยดี แต่ของบริษัทยังสามารถดำเนินธุรกิจอยู่ได้ แม้ว่าจะเป็นธุรกิจหลัก แต่ก็ต้องขยายธุกริจใหม่ๆเพื่อเสริมความแข็งแกร่ง ขณะที่ธุรกิจอื่นๆก็ทรงตัว ทั้งน้ำมัน ปุ๋ย ถ่านหิน และอื่นๆคืออาหารที่สัดส่วนรายได้เพียง 5-6% เท่านั้น แต่เป็นธุรกิจที่เติบโตดีและลงทุนมีผลตอบแทนที่เร็ว ซึ่งปัจจุบันนี้ในเครือมีอาหารมากกว่า 10 แบรนด์แล้วจึงต้องการมาเน้นธุรกิจอาหารมากขึ้น
นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทีทีเอ เป็นโฮลดิงคอมปานี สนใจการลงทนธุรกิจที่หลากหลายและธุรกิจอาหารเป็นหนึ่งในธุรกิจที่บริษัทมองว่ามีการเติบโตที่รวดเร็วและความผันผวนน้อย
โดยปี2560นี้มีแผนเปิดพิซซ่าฮัทใหม่ อีก 10-15 สาขา และจะรีโนเวตสาขาเดิมให้มีภาพลักษณ์ใหม่ที่สดใส ซึ่งปัจจุบันเราซื้อมารวม 92 สาขา คงต้องใช้ระยะเวลาอีกสักพักในการรีโนเวต ทั้งนี้วางเป้าหมายระยะยาวอีก 4 ปี จะเปิดอีก 100 สาขา รวมเป็นเกือบ 200 สาขา ในทุกรูปแบบ แต่จะปรับรูปแบบร้านนั่งทานให้มีขนาดเล็กลงและมีการบริการที่ทันสมัย จะเน้นเปิดในต่างจังหวัดมากขึ้น เพราะเดิมกว่า 80% ของสาขากระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพและปริมณฑล ซึ่งคาดว่าจะทำให้สามารถแข่งขันกับตลาดรวมพิซซ่าที่มีมูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท
นางสาววรวรรณ เพียรลิขิตวงศ์ ผู้จัดการทั่วไป แบรนด์พิซซ่าฮัท บริษัท ยัม เรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย (ซึ่งจะย้ายมาร่วมงานกับทาง พีเอช แคปปิตอล ) กล่าวว่า ปี2559ที่ผ่านมาพิซซ่าฮัทเปิดใหม่ได้ 7-8 สาขา เติบโต2หลัก ซึ่งตลาดพิซซ่ายังไปได้ดี แต่เพื่อความแข็งแกร่งและการขยายตัวที่รวดเร็ว จึงได้ขายไลเซ่นส์กับพาร์ทเนอร์ที่สนใจหลายรายแต่สรุปขายให้กับ พีเอช แคปปิตอล ซึ่งเป็นไปตามนโยบายพิซซ่าฮัททั่วโลกที่จะให้ทางแฟรนไชซีรับไลเซ่นส์ดำเนินการลงทุนแทน แต่ยัมยังป็นเจ้าของแบรนด์เหมือนเดิม ซึ่งเดิมเมื่อหลายสิบปีก่อน พิซซ่าฮัทในไทยก็ให้ไลเซนส์รายอื่นเป็นแฟรนไชส์ซีทำ แต่ได้นำกลับมาดำเนินการเองช่วง10กว่าปีที่ผ่านมา กระทั่งล่าสุดขายให้กับพีเอชแคปปิตอล ซึ่งผู้สื่อข่ายรายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้ทางยัมฯก็ได้ขายไลเซนส์กิจการเคเอฟซีให้กับแฟรนไชส์ซีทั้งหมด ไม่ได้ดำเนินการลงทุนในไทยเองแล้ว
นางสาวอุษณา มหากิจศิริ กรรมการ บริษัท พี เอช แคปปิตอล จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทดังกล่าวตั้งขึ้นมาจากการร่วมทุนระหว่าง บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือทีทีเอ ถือหุ้น 70% กับบริษัท พีเอ็ม แคปปิตอล จำกัด ถือหุ้น 30% ซึ่งเป็นธุรกิจในเครือข่ายของนายประยุทธ มหากิจศิริ ที่เป็นคู่ค้ากับเนสท์เล่ในไทยมานานกว่า 40 ปีในการผลิตเนสกาแฟ เพื่อรับสิทธิ์เป็นแฟรนไชส์ซีแบรนด์พิซซ่าฮัทในไทยนาน 10 ปีและต่อ 10 ปี โดยจะเป็นผู้ลงทุน บริหาร จัดการ ทั้งหมด จากบริษัท ยัม เรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มว่า ทีทีเอ รายงานตลาดหลักทรัพย์ฯว่า ผลประกอบการปี 59 ขาดทุนสุทธิ 418.3 ล้านบาท ทั้งนี้ธุรกิจเดินเรือซึ่งเป็นธุรกิจหลักของกลุ่มนั้น ที่ผ่านมาขาดทุน และผู้ประกอบการเดินเรือรายใหญ่ในเอเซียก็ปิดตัวไปหลายรายเพราะเศรษฐกิจโลกไม่ค่อยดี แต่ของบริษัทยังสามารถดำเนินธุรกิจอยู่ได้ แม้ว่าจะเป็นธุรกิจหลัก แต่ก็ต้องขยายธุกริจใหม่ๆเพื่อเสริมความแข็งแกร่ง ขณะที่ธุรกิจอื่นๆก็ทรงตัว ทั้งน้ำมัน ปุ๋ย ถ่านหิน และอื่นๆคืออาหารที่สัดส่วนรายได้เพียง 5-6% เท่านั้น แต่เป็นธุรกิจที่เติบโตดีและลงทุนมีผลตอบแทนที่เร็ว ซึ่งปัจจุบันนี้ในเครือมีอาหารมากกว่า 10 แบรนด์แล้วจึงต้องการมาเน้นธุรกิจอาหารมากขึ้น
นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทีทีเอ เป็นโฮลดิงคอมปานี สนใจการลงทนธุรกิจที่หลากหลายและธุรกิจอาหารเป็นหนึ่งในธุรกิจที่บริษัทมองว่ามีการเติบโตที่รวดเร็วและความผันผวนน้อย
โดยปี2560นี้มีแผนเปิดพิซซ่าฮัทใหม่ อีก 10-15 สาขา และจะรีโนเวตสาขาเดิมให้มีภาพลักษณ์ใหม่ที่สดใส ซึ่งปัจจุบันเราซื้อมารวม 92 สาขา คงต้องใช้ระยะเวลาอีกสักพักในการรีโนเวต ทั้งนี้วางเป้าหมายระยะยาวอีก 4 ปี จะเปิดอีก 100 สาขา รวมเป็นเกือบ 200 สาขา ในทุกรูปแบบ แต่จะปรับรูปแบบร้านนั่งทานให้มีขนาดเล็กลงและมีการบริการที่ทันสมัย จะเน้นเปิดในต่างจังหวัดมากขึ้น เพราะเดิมกว่า 80% ของสาขากระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพและปริมณฑล ซึ่งคาดว่าจะทำให้สามารถแข่งขันกับตลาดรวมพิซซ่าที่มีมูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท
นางสาววรวรรณ เพียรลิขิตวงศ์ ผู้จัดการทั่วไป แบรนด์พิซซ่าฮัท บริษัท ยัม เรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย (ซึ่งจะย้ายมาร่วมงานกับทาง พีเอช แคปปิตอล ) กล่าวว่า ปี2559ที่ผ่านมาพิซซ่าฮัทเปิดใหม่ได้ 7-8 สาขา เติบโต2หลัก ซึ่งตลาดพิซซ่ายังไปได้ดี แต่เพื่อความแข็งแกร่งและการขยายตัวที่รวดเร็ว จึงได้ขายไลเซ่นส์กับพาร์ทเนอร์ที่สนใจหลายรายแต่สรุปขายให้กับ พีเอช แคปปิตอล ซึ่งเป็นไปตามนโยบายพิซซ่าฮัททั่วโลกที่จะให้ทางแฟรนไชซีรับไลเซ่นส์ดำเนินการลงทุนแทน แต่ยัมยังป็นเจ้าของแบรนด์เหมือนเดิม ซึ่งเดิมเมื่อหลายสิบปีก่อน พิซซ่าฮัทในไทยก็ให้ไลเซนส์รายอื่นเป็นแฟรนไชส์ซีทำ แต่ได้นำกลับมาดำเนินการเองช่วง10กว่าปีที่ผ่านมา กระทั่งล่าสุดขายให้กับพีเอชแคปปิตอล ซึ่งผู้สื่อข่ายรายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้ทางยัมฯก็ได้ขายไลเซนส์กิจการเคเอฟซีให้กับแฟรนไชส์ซีทั้งหมด ไม่ได้ดำเนินการลงทุนในไทยเองแล้ว