ใครที่ได้ฟังพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พูดถึงแนวทางการแก้ปัญหาตำรวจ ในงานสัมมนา “ขับเคลื่อนแนวทางการยกระดับการบริการประชาชนของสถานีตำรวจ” จัดโดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา คงจะมีความหวังในการปฏิรูปตำรวจขึ้นมาทันที
เพราะเป็นครั้งแรกที่พล.อ.ประวิตรสะท้อนถึงพฤติกรรมตำรวจได้อย่างตรงจุด โดนใจประชาชน และพูดอย่างไม่เกรงใจตำรวจหน้าไหนทั้งสิ้น
ไม่เคยมีใครในรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พูดถึงปัญหาตำรวจได้ดีเท่านี้มาก่อน ดีจนทำให้เกิดความเชื่อว่า คราวนี้รัฐบาลคงจะเดินหน้าปฏิรูปตำรวจอย่างจริงจังเสียที
เสียงเรียกร้องให้เร่งปฏิรูปตำรวจ ดังตั้งแต่วันแรกที่พล.อ.ประยุทธ์ โค่นอำนาจรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แต่ปรากฏว่า กว่า 2 ปีผ่านไป ไม่มีความคืบหน้าใดๆ ในการปฏิรูปตำรวจ
พล.อ.ประยุทธ์ ถ้าจะมีการพูดถึงปัญหาตำรวจบ้าง ก็พูดกันอย่างเกรงอกเกรงใจ ไม่เคยตำหนิการทำงานของตำรวจ ทั้งที่ประชาชนทั้งประเทศรุมโจมตีองค์กรสีกากี
แต่คราวนี้ พล.อ.ประวิตรหยิบปัญหาของตำรวจมาตีแผ่ต่อหน้านายตำรวจระดับตั้งแต่ผู้กำกับการขึ้นไปที่เข้าร่วมสัมมนาเกือบ 2 พันคน โดยไม่ต้องถนอมน้ำใจกันอีกต่อไป
เพราะพฤติกรรมตำรวจหนักข้อขึ้นทุกที ก่อเรื่องฉาวโฉ่ได้ไม่เว้นแต่ละวัน ล่าสุด 6 ตำรวจสน.บวรมงคล ก่อคดีค้ายาเสพติดขึ้นมาอีก ค้าบนโรงพักเสียด้วย
ถ้าตำรวจดีมี 99.99% จริง ตามที่พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น.พูด ถ้าตำรวจ10,000 คน มีตำรวจเลวปะปนอยู่เพียง 1 คน โดยคำนวณจากการ “ฟุ้ง” ของพล.ต.ท.ศานิตย์ หมายความว่า ตำรวจทั่วประเทศจำนวนกว่า 2 แสนคน จะมีตำรวจเลวผสมอยู่เพียง 20 คนเศษเท่านั้น
คำถามคือ ถ้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีตำรวจเลวอยู่เพียง 20 คนเศษ ทำให้ภาพพจน์ตำรวจจึงฟอนเฟะ เป็นที่ดูหมิ่นดูแคลน ถูกประชาชนเกลียดชัง และไม่เหลือศรัทธาใดๆ แล้ว
ถ้าตำรวจเลวมีเพียงไม่กี่สิบคน ตามที่พล.ต.ท.ศานิตย์คุยโว คำถามคือตำรวจที่ไหนก่อคดีฉาวโฉ่ได้ทั่วประเทศไม่เว้นแต่ละวัน
ถ้าตำรวจเลวมีเพียงน้อยนิด ต้องถามพล.ต.ท.ศานิตย์ว่า ตำรวจที่ไหนล่ะที่เที่ยวอวดเบ่งกินฟรี ตำรวจที่ไหนล่ะที่แสดงพฤติกรรมเถื่อน เป็นอันธพาลรังแกชาวบ้าน ตำรวจที่ไหนล่ะที่ค้ายาเสพติด ตำรวจที่ไหนล่ะที่คุมบ่อน ตำรวจที่ไหนล่ะที่รีดไถข้างถนน และตำรวจที่ไหนที่รับสารพัด “ส่วย”
และถ้าตำรวจดีมี 99.99% จริง โดยพล.ต.ท.ศานิตย์ไม่ได้แต่งนิยายหรอกเด็ก พล.อ.ประวิตรคงไม่ต้องลงแส้ตำรวจทั่วประเทศ กำชับให้รับแจ้งความ ห้ามเป่าคดี อย่าเรียกค่าน้ำร้อนน้ำชา อย่ามีบ่อน อย่ามีผู้อิทธิพล อย่าให้สถานบันเทิงเปิดเกินเวลา ต้องเข้มงวดการแก้ปัญหาจราจร ตรวจจับรถที่จอดในที่ห้ามจอด กีดขวางทางจราจร
พล.อ.ประวิตรบอกไว้ชัด ทหารกับตำรวจเงินเดือนเท่ากัน แต่ตำรวจเลือกมาทำงานบริการประชาชน จึงต้องบริการให้ประชาชนประทับใจ ต้องบังคับใช้กฎหมายโดยไม่ละเว้น และต้องปฏิรูปงานสอบสวน เพราะถ้าตำรวจไม่สามารถดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนได้ โอกาสที่ประเทศจะพัฒนาต่อไปคงเป็นไปได้ยาก
คำประกาศของพล.อ.ประวิตรที่เรียกเสียงปรบมือจากประชาชนทั่วประเทศคือ “ถ้าแก้ตำรวจไม่ได้ ไม่ต้องแก้อะไร แก้ปัญหาในประเทศไม่ได้หรอก” ซึ่งเป็นข้อเท็จจริง เพราะตำรวจเป็นต้นธารของความชั่วร้ายในแทบทุกปัญหา ถ้าไม่แก้พฤติกรรมตำรวจ ก็ไม่อาจช่วยให้ประเทศนี้หลุดพ้นจากวงจรอุบาทว์ของความชั่วร้ายในปัญหาต่างๆ ได้
เวทีเสวนา “ตำรวจไทย มีไว้ทำอะไร” ขององค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) โดยเชิญนักวิชาการมารุม “ตีแสกหน้าตำรวจ” จนถูกตำรวจขู่จะฟ้องเป็นแถวไปนั้น แม้จะตีแผ่พฤติกรรมตำรวจได้อย่างสะใจ แต่ไม่อาจนำไปสู่การปฏิรูปใดๆ ในองค์กรตำรวจ
แต่เวทีสัมมนา “ขับเคลื่อนแนวทางการยกระดับการบริการประชาชนของสถานีตำรวจ” ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่พล.อ.ประวิตรขึ้นเวทีชำแหละพฤติกรรมตำรวจนั้น น่าจะเป็นสัญญาณการเดินหน้าปฏิรูปตำรวจอย่างจริงจัง
วาระการปฏิรูปตำรวจถูกยกความสำคัญเทียบเท่ากับการกวาดล้างลัทธิ “ธรรมกาย” แล้ว และรัฐบาลไม่อยู่ในฐานะที่จะถอยได้
และสำหรับพล.อ.ประวิตร ถ้าแก้ปัญหาตำรวจได้ ประชาชนทั้งประเทศจะยกนิ้วให้ โดยไม่ติดใจพฤติกรรมใดๆ ในอดีตอีกต่อไป ขอเพียงปฏิรูปตำรวจให้จริงเท่านั้น
เพราะเป็นครั้งแรกที่พล.อ.ประวิตรสะท้อนถึงพฤติกรรมตำรวจได้อย่างตรงจุด โดนใจประชาชน และพูดอย่างไม่เกรงใจตำรวจหน้าไหนทั้งสิ้น
ไม่เคยมีใครในรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พูดถึงปัญหาตำรวจได้ดีเท่านี้มาก่อน ดีจนทำให้เกิดความเชื่อว่า คราวนี้รัฐบาลคงจะเดินหน้าปฏิรูปตำรวจอย่างจริงจังเสียที
เสียงเรียกร้องให้เร่งปฏิรูปตำรวจ ดังตั้งแต่วันแรกที่พล.อ.ประยุทธ์ โค่นอำนาจรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แต่ปรากฏว่า กว่า 2 ปีผ่านไป ไม่มีความคืบหน้าใดๆ ในการปฏิรูปตำรวจ
พล.อ.ประยุทธ์ ถ้าจะมีการพูดถึงปัญหาตำรวจบ้าง ก็พูดกันอย่างเกรงอกเกรงใจ ไม่เคยตำหนิการทำงานของตำรวจ ทั้งที่ประชาชนทั้งประเทศรุมโจมตีองค์กรสีกากี
แต่คราวนี้ พล.อ.ประวิตรหยิบปัญหาของตำรวจมาตีแผ่ต่อหน้านายตำรวจระดับตั้งแต่ผู้กำกับการขึ้นไปที่เข้าร่วมสัมมนาเกือบ 2 พันคน โดยไม่ต้องถนอมน้ำใจกันอีกต่อไป
เพราะพฤติกรรมตำรวจหนักข้อขึ้นทุกที ก่อเรื่องฉาวโฉ่ได้ไม่เว้นแต่ละวัน ล่าสุด 6 ตำรวจสน.บวรมงคล ก่อคดีค้ายาเสพติดขึ้นมาอีก ค้าบนโรงพักเสียด้วย
ถ้าตำรวจดีมี 99.99% จริง ตามที่พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น.พูด ถ้าตำรวจ10,000 คน มีตำรวจเลวปะปนอยู่เพียง 1 คน โดยคำนวณจากการ “ฟุ้ง” ของพล.ต.ท.ศานิตย์ หมายความว่า ตำรวจทั่วประเทศจำนวนกว่า 2 แสนคน จะมีตำรวจเลวผสมอยู่เพียง 20 คนเศษเท่านั้น
คำถามคือ ถ้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีตำรวจเลวอยู่เพียง 20 คนเศษ ทำให้ภาพพจน์ตำรวจจึงฟอนเฟะ เป็นที่ดูหมิ่นดูแคลน ถูกประชาชนเกลียดชัง และไม่เหลือศรัทธาใดๆ แล้ว
ถ้าตำรวจเลวมีเพียงไม่กี่สิบคน ตามที่พล.ต.ท.ศานิตย์คุยโว คำถามคือตำรวจที่ไหนก่อคดีฉาวโฉ่ได้ทั่วประเทศไม่เว้นแต่ละวัน
ถ้าตำรวจเลวมีเพียงน้อยนิด ต้องถามพล.ต.ท.ศานิตย์ว่า ตำรวจที่ไหนล่ะที่เที่ยวอวดเบ่งกินฟรี ตำรวจที่ไหนล่ะที่แสดงพฤติกรรมเถื่อน เป็นอันธพาลรังแกชาวบ้าน ตำรวจที่ไหนล่ะที่ค้ายาเสพติด ตำรวจที่ไหนล่ะที่คุมบ่อน ตำรวจที่ไหนล่ะที่รีดไถข้างถนน และตำรวจที่ไหนที่รับสารพัด “ส่วย”
และถ้าตำรวจดีมี 99.99% จริง โดยพล.ต.ท.ศานิตย์ไม่ได้แต่งนิยายหรอกเด็ก พล.อ.ประวิตรคงไม่ต้องลงแส้ตำรวจทั่วประเทศ กำชับให้รับแจ้งความ ห้ามเป่าคดี อย่าเรียกค่าน้ำร้อนน้ำชา อย่ามีบ่อน อย่ามีผู้อิทธิพล อย่าให้สถานบันเทิงเปิดเกินเวลา ต้องเข้มงวดการแก้ปัญหาจราจร ตรวจจับรถที่จอดในที่ห้ามจอด กีดขวางทางจราจร
พล.อ.ประวิตรบอกไว้ชัด ทหารกับตำรวจเงินเดือนเท่ากัน แต่ตำรวจเลือกมาทำงานบริการประชาชน จึงต้องบริการให้ประชาชนประทับใจ ต้องบังคับใช้กฎหมายโดยไม่ละเว้น และต้องปฏิรูปงานสอบสวน เพราะถ้าตำรวจไม่สามารถดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนได้ โอกาสที่ประเทศจะพัฒนาต่อไปคงเป็นไปได้ยาก
คำประกาศของพล.อ.ประวิตรที่เรียกเสียงปรบมือจากประชาชนทั่วประเทศคือ “ถ้าแก้ตำรวจไม่ได้ ไม่ต้องแก้อะไร แก้ปัญหาในประเทศไม่ได้หรอก” ซึ่งเป็นข้อเท็จจริง เพราะตำรวจเป็นต้นธารของความชั่วร้ายในแทบทุกปัญหา ถ้าไม่แก้พฤติกรรมตำรวจ ก็ไม่อาจช่วยให้ประเทศนี้หลุดพ้นจากวงจรอุบาทว์ของความชั่วร้ายในปัญหาต่างๆ ได้
เวทีเสวนา “ตำรวจไทย มีไว้ทำอะไร” ขององค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) โดยเชิญนักวิชาการมารุม “ตีแสกหน้าตำรวจ” จนถูกตำรวจขู่จะฟ้องเป็นแถวไปนั้น แม้จะตีแผ่พฤติกรรมตำรวจได้อย่างสะใจ แต่ไม่อาจนำไปสู่การปฏิรูปใดๆ ในองค์กรตำรวจ
แต่เวทีสัมมนา “ขับเคลื่อนแนวทางการยกระดับการบริการประชาชนของสถานีตำรวจ” ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่พล.อ.ประวิตรขึ้นเวทีชำแหละพฤติกรรมตำรวจนั้น น่าจะเป็นสัญญาณการเดินหน้าปฏิรูปตำรวจอย่างจริงจัง
วาระการปฏิรูปตำรวจถูกยกความสำคัญเทียบเท่ากับการกวาดล้างลัทธิ “ธรรมกาย” แล้ว และรัฐบาลไม่อยู่ในฐานะที่จะถอยได้
และสำหรับพล.อ.ประวิตร ถ้าแก้ปัญหาตำรวจได้ ประชาชนทั้งประเทศจะยกนิ้วให้ โดยไม่ติดใจพฤติกรรมใดๆ ในอดีตอีกต่อไป ขอเพียงปฏิรูปตำรวจให้จริงเท่านั้น