xs
xsm
sm
md
lg

“ธัมมี่” ซุกในวัด “บิ๊กป้อม”มั่นใจเหตุศิษย์ขวางจนท.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผู้จัดการรายวัน 360 - สมเด็จพระสังฆราช เสด็จเป็นประธานประชุมมหาเถรสมาคมครั้งแรก แต่มิได้ทรงรับสั่งเรื่องวัดธรรมกาย ด้าน นายกฯ กำชับ “สุวพันธุ์” เร่งหาทางออกร่วมธรรมกาย ย้ำทุกอย่างต้องอยู่ใต้กฎหมาย ก่อนเรียกทุกฝ่ายถกเครียดช่วงเย็นก่อนเริ่มบำเพ็ญพระราชกุศล (พิธีกงเต๊ก) ถวายพระบรมศพฯ ด้าน “บิ๊กป้อม” เชื่อ “ธัมมี่” ยังอยู่ภายในวัด เหตุศิษย์ปกป้องเต็มที่ ขณะที่ “ดีเอสไอ” จับตากองกำลัง 700 คนเตรียมผลักดันเจ้าหน้าที่ “พระสนิทวงศ์” ปัดไม่มีเอี่ยวปืนเจ้าหน้าที่หาย 400 กระบอก

วานนี้ (28 ก.พ.) สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (อัมพร อมฺพรมหาเถร) เสด็จเป็นประธานการประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) ที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) จ.นครปฐม โดยมี พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ในฐานะเลขาธิการ มส. เข้าร่วมประชุมเป็นครั้งแรก

ภายหลังการประชุมเสร็จสิ้น พระพรหมเมธี กรรมการและโฆษก มส. กล่าวว่า สมเด็จพระสังฆราช ได้ประทานพระโอวาทแด่ ผู้อำนวยการ พศ. คนใหม่ โดยขอให้มีความสุขความเจริญ พร้อมขอให้ช่วยกันดูแลพระพุทธศาสนา โดย สมเด็จพระสังฆราช มิได้ทรงมีรับสั่งเกี่ยวกับเรื่องวัดพระธรรมกายแต่อย่างใด ส่วนกรณีที่ฝ่ายบ้านเมืองจะขอให้ มส. สั่งการห้ามพระภิกษุมาร่วมชุมนุมกับวัดพระธรรมกายนั้น มส. เห็นว่าหากพระสงฆ์จะมาก็มาได้แต่ขอให้ปฏิบัติตามกฎหมาย เพราะ มส. เป็นห่วงเรื่องมือที่ 3 หรือพระที่ไม่ได้สังกัดวัดพระธรรมกายที่อาจจะมีพฤติกรรมไม่เหมาะเข้ามาร่วมทำให้สถานการณ์บานปลายได้ โดย พศ.จะตรวจใบสุทธิของพระทั้งหมดที่อยู่ในพื้นที่เพื่อป้องกันมือที่ 3 เข้ามาปั่นป่วน

*** พศ. ส่งจนท. 6 คนประจำวัดธรรมกาย***

ด้าน พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการ พศ. กล่าวว่า เรื่องวัดพระธรรมกายนั้น พศ. คงทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด ส่วนเรื่องกระบวนการทางกฎหมายนั้นต้องเป็นเรื่องของฝ่ายบ้านเมือง พศ. มีหน้าที่ในการอำนวยความสะดวกประสานงานเพื่อให้การบรรลุเป้าหมาย โดยในวันนี้ (1 มี.ค.) พศ. ได้ส่งเจ้าหน้าที่จำนวน 6 คนไปประจำอยู่ที่วัดพระธรรมกาย เพื่อประสานงานและรายงานสถานการณ์แต่ละวันมาให้ตนรับทราบ ส่วนการเข้าทำหน้าที่ ผู้อำนวยการ พศ. นั้น ถือไม่กดดันเพราะตนได้ผ่านการทำงานเกี่ยวกับเรื่องที่มีความกดดันกว่านี้มามากแล้ว

พ.ต.ท.พงศ์พร กล่าวด้วยว่า สำหรับกรณีที่ กระทรวงยุติธรรม ขอความร่วมมือ พศ. ประสานพระสังฆาธิการทุกระดับ แจ้งไม่ให้พระสงฆ์มาร่วมชุมนุมกับวัดพระธรรมกายนั้น ขณะนี้ พศ. ได้ทำหนังสือแจ้งไปยังทุกจังหวัดแล้ว โดยตนได้หารือกับ กรรมการ มส. ที่ได้รับมอบหมายให้ดูเรื่องวัดพระธรรมกายแล้วและพร้อมร่วมมือเพื่อให้ปัญหาเกิดความคลี่คลายด้วย

*** นายกฯ กำชับ “สุวพันธุ์” ร่วมหารือ ***

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (28 ก.พ.) ถึงการเข้าตรวจค้นวัดพระธรรมกาย เพื่อนำตัวพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาส มาดำเนินคดีตามกฎหมายว่า ขณะนี้รัฐบาลและวัดอยู่ระหว่างการประสานความร่วมมือเพื่อหาทางออกร่วมกัน เพราะรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ต้องปฏิบัติตามหน้าที่ ขณะที่ทางวัดก็ยึดเรื่องของความเชื่อมั่นและศรัทธา โดยได้สั่งให้ นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ไปหารือร่วมกับพระเพื่อหาทางออกร่วมกัน เพราะเป็นเรื่องที่จะส่งผลกระทบต่อเรื่องอื่นๆ

ส่วนการประกาศใช้มาตรา 44 นั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เป็นกฎหมายเพื่ออำนวยความสะดวกให้การทำงานของเจ้าหน้าที่ โดยที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่มีอำนาจเต็มที่อยู่แล้วทั้งในส่วนของกฎหมายอาญา กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จึงสามารถดำเนินการได้อย่างเต็มที่อยู่แล้ว แต่ในสถานการณ์คนหมู่มากเช่นนี้ถือเป็นการใช้กฎหมู่มาสู้กับกฎหมาย แล้วทุกคนก็ต้องการให้รัฐบาลแก้ปัญหาให้ได้โดยเร็ว เรียกร้องว่าเมื่อไรจะทำสักที ตนก็อยากถามกลับว่าแล้วจะให้ทำอย่างไร

“วันนี้ก็ต้องหาวิธีการพูดคุยกันให้ได้มากที่สุดว่าเราจะลดการใช้มาตรา 44 ได้อย่างไร ซึ่งก็ต้องพึ่งกันทั้ง 2 ฝ่าย ขอให้เราเข้าไปตรวจค้นโดยไม่มีการขัดขวางในทุกพื้นที่ เพราะมีพยานหลักฐานจากหลายหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็นงานสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มหาเถรสมาคม องค์กรสงฆ์ และองค์การสิทธิมนุษยชน ซึ่งทุกวันนี้ก็เข้าไปทำงานร่วมวันอยู่แล้ว” นายกรัฐมนตรี กล่าวในตอนท้าย

*** “บิ๊กป้อม” เชื่อ “ธัมมชโย” อยู่ในวัด ***

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการหารือร่วมกับพล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 และพล.ต.ธรรมนูญ วิถี รองแม่ทัพภาคที่ 1 เรื่องความคืบหน้ากรณีวัดพระธรรมกายว่า ได้มีการสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับกำลังพล รวมถึงราคาค่าเสบียงที่ค่อนข้างสูงจากเดิมที่ใช้มื้อละ 80 บาท แต่ขณะนี้ปรับลดลงเหลือ 50 บาท ส่วนการปรับแผนต่างๆ นั้นขอเวลาในการดำเนินการอีกระยะหนึ่ง

พล.อ.ประวิตร กล่าวด้วยว่า อยากให้พระธัมมชโยออกมามอบตัว ทุกอย่างจะคลี่คลาย เพราะค่อนข้างมั่นใจว่าพระธัมมชโยยังคงอยู่ในวัดพระธรรมกาย เนื่องจากการที่พระและฆราวาสต่างปกป้องวัดธรรมกายนั้นมองว่าเป็นการปกป้องตัวบุคคล การไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าวัดต้องมีสาเหตุจึงประเมินการได้ว่าน่าจะเป็นบุคคลที่ไม่ต้องการให้เราเข้าไปเห็น

“ส่วนกรณีที่วัดพระธรรมกายเรียกร้องไปยังองค์กรชาวพุทธนั้น ไม่มีปัญหาอะไรและไม่จำเป็นต้องชี้แจง นอกจากมีการสอบถามมา เขารู้เราไม่มีเจตนาละเมิดสิทธิของพระ เราทำเพียงแต่เรื่องที่มีความผิดตามกฎหมาย ส่วนบทบาทของทหารขณะนี้ยังให้อยู่ข้างนอกเช่นเดิมและยังใช้แผนเดิมไม่ให้คนเข้าไปข้างในและป้องกันไม่ให้มีมือที่ 3 ที่จะทำให้เกิดความสูญเสีย” พล.อ.ประวิตร กล่าว

** ปัดข่าวเปลี่ยนตัวอธิบดี ดีเอสไอ ***

นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีที่มีกลุ่มฮาร์ดคอร์การเมืองเก่าเข้ามาแฝงตัวในพื้นที่วัดพระธรรมกาย ว่า ผู้ปฏิบัติในพื้นที่มีความระมัดระวังกันอยู่ โดย อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กับผู้เกี่ยวข้องได้มีการหารือกันถึงการจัดรูปแบบ หรือแผนปฏิบัติในพื้นที่ ขณะเดียวกันยังได้รับความร่วมมือกับคณะสงฆ์เพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะการดูแลพระสงฆ์ 2 เรื่องคือ 1.พระสงฆ์ที่มารวมตัวกันบริเวณตลาดกลางจะขอให้คณะสงฆ์ไปพูดคุย และ 2.การดูแลเรื่องอาหารเช้าและอาหารเพลที่จะปรับให้เขาคุยกันในพื้นที่ ส่วนมาตรการด้านอื่นๆ จะคงไว้อย่างนี้ก่อน รวมถึงกำลังพลที่ยังเท่าเดิม แต่ทราบว่า ดีเอสไอ ได้มีการเพิ่มการสอบสวนนอกพื้นที่วัดเพิ่มมากขึ้น

ส่วนที่ วัดพระธรรมกาย ตั้งข้อสังเกตว่า ดีเอสไอ ใช้งบประมาณในครั้งนี้ถึง 60 ล้านบาทนั้น นายสุวพันธุ์ กล่าวว่ายืนยันว่าไม่จริงและไม่ถึง 60 ล้านบาท โดย ดีเอสไอ แจ้งมาว่ามีการใช้งบประมาณด้วยความประหยัดและตามความจำเป็นเท่านั้น

ต่อข้อถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่ามีคนในรัฐบาลนำแผนต่างๆ ไปบอกวัดพระธรรมกายก่อนจึงทำให้การปฏิบัติการไม่สำเร็จ นายสุวพันธุ์ ตอบว่า เรื่องนี้ตนไม่ทราบ เมื่อถามต่อว่ามีข่าวว่าจะมีการเปลี่ยนตัว อธิบดี ดีเอสไอ จริงหรือไม่ นายสุวพันธุ์ ตอบว่า ข่าวที่ไหน ตนไม่เห็นเลย ท่านยังอยู่และทำงานเต็มที่

*** พบข้อมูลจัดตั้งมวลชนผลักดันจนท. ***

พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะรองโฆษกดีเอสไอ กล่าวภายหลังการประชุมประเมินสถานการณ์การเข้าตรวจค้นวัดพระธรรมกาย ว่า ขณะนี้มีข้อมูลการข่าวพบมวลชนจัดตั้งประมาณ 700 คนที่ตลาดกลางคลองหลวง เตรียมใช้กลยุทธ์ผลักดันเจ้าหน้าที่ จึงขอแจ้งให้ประชาชนทราบว่า เจ้าหน้าที่รัฐมีข้อมูลการข่าวรู้ถึงความเคลื่อนไหว หลังจากนี้จะใช้มาตรการจริงจังโดยจะออกหมายเรียกบุคคลที่เป็นแกนนำประมาณ 40 คนเข้ามารายงานตัว พร้อมขอให้กลุ่มบุคคลที่จะเคลื่อนไหวหยุดการกระทำ

พ.ต.ต.วรณัน กล่าวด้วยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ปรับปรุงแบบบันทึกข้อมูลผู้ที่เข้าออกพื้นที่ควบคุม หลังจากที่ผ่านมามีความพยายามสร้างความสับสนโดยอ้างว่าเจ้าหน้าที่ลงลายมือชื่อปลอม พร้อมยืนยันว่าปฏิบัติการครั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายในลักษณะเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน

*** ยื่น 4 ประเด็นให้ธรรมกายดำเนินการ ***

พ.ต.ต.วรณัน กล่าวด้วยว่า วันนี้ (1 มี.ค.) สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) จะมีหนังสือแจ้งไปถึงรักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายใน 4 ประเด็นคือ 1.นิมนต์พระสงฆ์ที่จำวัดอยู่ในวัดพระธรรมกายและออกไปปฏิบัติภารกิจกลับเข้ามาภายในวัด 2.นิมนต์พระที่อยู่ภายในวัดพระธรรมกายแต่ไม่ได้อยู่ในสังกัดกลับวัดต้นสังกัดตนเอง 3.ทวงถามถึงหนังสือ 35/2560 เพื่อให้แจ้งชื่อและจำนวนพระสงฆ์ที่อยู่วัดพระธรรมกายซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้หนังสือตอบกลับ 4.กรณีที่มีการเจรจาการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ พระวินยาธิการ และ พศ. จะต้องเข้าร่วมทุกครั้ง เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมของการเจรจา หากไม่ปฏิบัติตามจะผิดระเบียบของสงฆ์

“สำหรับกรณีที่พระสงฆ์ให้เหตุผลว่าเป็นพระที่อยู่ในสังกัดสาขาวัดพระธรรมกายนั้น ให้เป็นเรื่องของทางสงฆ์ที่จะพิจารณา โดยในส่วนของระยะการปฏิบัติตามหนังสือที่กำลังจะยื่นไปนั้นเป็นเรื่องของ พศ. เป็นผู้ดูแล ส่วนกรณีที่มีการอ้างว่าหมายค้นของศาลหมดอายุวานนี้ (28 ก.พ.) นั้น ขอยืนยันว่าเจ้าหน้าที่สามารถเข้าตรวจค้นในวัดได้ตามมาตรา 44 เนื่องจากวัดเป็นพื้นที่ควบคุม” พ.ต.ต.วรณัน กล่าวในตอนท้าย

*** เรียกบุคคลเข้ารายงานตัวเพิ่ม 3 ราย

พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ฐานะโฆษกดีเอสไอ กล่าวว่า ล่าสุดมีการออกหนังสือเรียกผู้ที่เข้าข่ายกระทำความผิดฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. เพิ่มอีก 3 ราย รวมกับคำสั่งเรียกเข้าพบพนักงานสอบสวนเดิมที่มีทั้งพระสงฆ์และฆราวาส รวม 21 ราย จากข้อมูลทั้งสิ้น 40 รายที่มีลักษณะยุยงปลุกปั่นและมีบางส่วนอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน ใครที่มีลักษณะดังกล่าวจะเรียกเข้ามารายงานตัวแต่ไม่ใช่การออกหมายเรียก

*** “พระสนิทวงศ์” ปัดซุกปืน 400 กระบอก ***

ด้าน พระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย กล่าวถึง กรณีการยื่นเอกสารให้ยูเอ็นกรณีละเมิดสิทธิมนุษยชนว่า ถือเป็นการแสดงของตามหลักสิทธิเสรีภาพของพลเมืองในประเทศประชาธิปไตยทั้งหลายที่สามารถแสดงทางความคิดได้เต็มที่โดยไม่ปิดกั้นความเห็น เพราะสังคมปัจจุบันมีความซับซ้อนมากขึ้นในเชิงอัตลักษณ์ที่หลากหลาย แต่สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุขและสันติ

พระสนิทวงศ์ กล่าวด้วยว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นมาจากการที่ ดีเอสไอ ไม่ยอมมาแจ้งข้อกล่าวหาที่วัด ทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยากจนบานปลายขนาดนี้ โดยควรไปตามทวงเงินกว่า 1 หมื่นล้านบาทจากที่อื่น เพราะจากเอกสารทางการเงินของวัดมีการระบุการรับ-การจ่ายไปหมดเรียบร้อยแล้ว ฉะนั้น การมาดำเนินคดีต่อหลวงพ่อธัมมชโยย่อมไม่พบอะไร และขณะนี้พื้นที่ของวัดถูกควบคุมด้วยเจ้าหน้าที่รัฐ 100% ทำให้การเข้าออกของพระภิกษุต้องยื่นใบสุทธิสงฆ์ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ รวมถึงการใส่ร้ายวัดด้วยการนำอาวุธปืนจำนวน 400 กระบอกใส่ไว้ในตู้คอนเทนเนอร์ด้วย ทั้งๆ ที่ปกติเป็นสถานที่ใช้เก็บบาตรและจีวรเพื่อโครงการบวชพระสงฆ์ 1 แสนรูปทั่วประเทศไทยเท่านั้น

*** พศ. สั่งพระ-เณรห้ามขวางเจ้าหน้าที่ ***

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า วานนี้ (28 ก.พ.) สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ได้ติดป้าย “ประกาศ งดพระภิกษุ - สามเณร ชุมนุมขัดขวางเจ้าหน้าที่ บริเวณวัดพระธรรมกาย เป็นความผิดตามกฎหมาย” ณ บริเวณถนนเลียบคลองแอน ข้างตลาดกลางคลองหลวง พร้อมกับมีการกางเต็นท์เพื่อคัดกรองพระสงฆ์ที่จะเข้ามาภายในตลาดกลางคลองหลวง โดยมีเจ้าหน้าที่ ดีเอสไอ ร่วมกับ พศ. ตรวจใบสุทธิสงฆ์ นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองท้องถิ่นและทหารช่วยดูแลความเรียบร้อย

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบใบสุทธิสงฆ์ตั้งแต่ช่วงเช้าวันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมา มีพระสงฆ์ทั้งหมด 15 รูป เป็นพระสงฆ์เดินทางมาจากต่างจังหวัด 13 รูป อ้างว่ามาเยี่ยมญาติและต้องการเข้าไปวิปัสสนาภายในวัดพระธรรมกาย แต่เจ้าหน้าที่ได้นิมนต์ให้กลับวัดแล้ว ส่วนอีก 2 รูปเป็นพระสงฆ์จากวัดพระธรรมกายจึงอนุญาตเข้ามาในตลาดกลางคลองหลวงได้

*** ถกเครียดหลังปัญหายืดเยื้อ ***

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อเวลา 16.45 น. วานนี้ (28 ก.พ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เรียก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บังคับบัญชาทหารบก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บังคับบัญชาตำรวจแห่งชาติ รวมทั้ง พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และพ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เข้าหารือเป็นการด่วนที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล โดยใช้เวลาหารือ 2 ชั่วโมงกว่า เพื่อปรับแผนแนวทางในการดำเนินการกรณีวัดพระธรรมกายหลังปัญหายื้อเยื้อ โดยภายหลังการประชุมทั้งหมดได้เดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาลและไม่ได้ให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด ทั้งยังต่างมีสีหน้าที่เคร่งเครียด จากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะ ได้เดินทางไปยัง ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทในพระบรมมหาราชวัง เพื่อร่วมการบำเพ็ญพระราชกุศล (พิธีกงเต๊ก) ถวายพระบรมศพฯ
กำลังโหลดความคิดเห็น