อือมม์ม์ม์...ออกกันมาเป็นชุดๆ ไม่ว่า “ไก่ วัฒนา” “โต้ง กิตติรัตน์” “ยุทธ ตู้เย็น” รวมไปถึง “ณัฐวอด สภาโจ๊ก” ฯลฯ เป็นรายล่าสุด การงัดเอามาตราฉี่ฉิบฉี่มาใช้กับ “วัดพระธรรมกาย” คราวนี้ จึงต้องเรียกว่า...ส่งผลให้ “อุจจาระสุกร” เกิดการไหลไปรวมกันได้อย่างเป็นระบบและเป็นกิจการเอาเลยทีเดียวเจียว...
ปรากฏการณ์ “จาตุรกรุงรังคสันนิบาต” หรือปรากฏการณ์อันทำให้ความไม่ดีไม่งามทั้งหลาย ต่างไหลมารวมกันโดยมิได้นัดหมาย หรือโดยนัดหมายก็แล้วแต่...ไม่เพียงทำให้บรรยากาศการเผชิญหน้าระหว่างฝ่าย “We Need Food” กับฝ่าย “We Need Black Foot” ที่ “อภิมหาการ์ตูนนิสต์” คุณพี่ “บัญชา คามิน” ท่านได้บรรยายไว้ด้วยปลายพู่กัน ในเว็บไซต์ผู้จัดการวันวาน ว่าด้วยเรื่อง “Need ของแต่ละฝ่าย” เป็นอะไรที่หาจุดลงตัวได้ลำบาก โดยเฉพาะภายใต้สภาวะสังคมที่อุดมไปด้วย “ดราม่า” เช่นนี้ ยังอาจเรียกได้ว่า...ส่งผลให้บรรยากาศแห่ง “การปรองดอง” ซึ่งทำท่าว่ากำลังจะคืบหน้าไปบ้าง เริ่มออกไปทางเฉอะๆ แฉะๆ เปียกๆ เหม็นๆ หนักยิ่งขึ้นเรื่อยๆ...
คือมันคง “อยู่ร่วมกันโดยสันติ” ค่อนข้างลำบาก...เพราะการยืนหยัดเป็นฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลและคสช.ในทุกๆ เรื่อง ทุกๆ กรณี รวมทั้งกรณี “วัดพระธรรมกาย” ของบรรดาพลพรรค “เผาไทย” ทั้งหลาย มันได้สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจน ว่าไม่ได้คิดจะยึดเอามาตรฐานใดๆ เป็นที่ตั้งไว้เลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเป็น “กฎหมาย” หรือ “กฎพระธรรมวินัย” ก็ตาม แต่หนักไปทางเอา “Need” ของตัวกู-ฝ่ายกูเป็นสำคัญ ด้วยเหตุนี้...ความพยายามหาทางปรองดองกับกลุ่มคนเหล่านี้ จึงแทบไม่ต่างอะไรไปจากความพยายาม “เอาขี้ผสมข้าว” แล้วให้แต่ละฝ่ายหาทางกระเดือกลงคอกันไปตามสภาพ...
แถม “ขี้” ที่ว่า...ยังออกไปทาง “ขี้หมู” หรือ “อุจจาระสุกร” อันมีคุณสมบัติในการ “ไหลไปรวมกัน” ได้อย่างแคล่วคล่องว่องไวเป็นพิเศษ เรียกว่า...ขนาดใกล้หมดหน้าหนาว ย่างเข้าหน้าแล้ง แทบไม่ได้มีฝนใดๆ หล่นลงมาซักเม็ด แต่อุจจาระสุกรยังสามารถกระเสือกกระสนหาทางไหลไปรวมกันจนได้ อย่างที่ท่านรองอธิบดีและโฆษกดีเอสไอ “พันตำรวจเอกทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล” ท่านได้งัดเอางาน “การข่าว” ออกมายืนยันไปแล้วนั่นแหละว่า นับจำนวน “แกนนำทางการเมือง” ที่เคยมีประวัติเคลื่อนไหวทางการเมืองมาก่อน และพยายามไหลเข้าไปผสมกับเหตุการณ์กรณี “ธรรมกาย” คราวนี้ มีจำนวนไม่ต่ำกว่า 20 คนเข้าไปแล้ว...
การจัดการกับ “ปัญหาธรรมกาย” ในปัจจุบัน และการหาทาง “ปรองดอง” เพื่อนำไปสู่อนาคตเบื้องหน้า...จึงออกจะเป็น “คนละเรื่องเดียวกัน” อย่างชนิดมิอาจแยกขาดออกจากกันได้เลย คือยังไงๆ...มันคงหนีไม่พ้นต้องหาทางกำจัดกลิ่น กำจัดความเหม็น หรือกำจัด “ความเป็นขี้” ทั้งหลาย ให้หมดไปซะก่อน จะด้วยวิธี “พาสเจอร์ไรซ์” หรือวิธีใดๆ ก็แล้วแต่ แต่จะหยวนๆ ยอมๆ ให้ต้องเอา “ขี้” มาผสม “ข้าว” ไม่ได้โดยเด็ดขาด!!! ไม่งั้น...มีแต่ต้องอ้วกแตกอ้วกแตนกันไปทั่วทั้งประเทศ หรืออย่างน้อย...บรรดาคณะ “ป.ย.ป.” ทั้งหลาย คงต้องพยายามยืนหยัด ยืนยัน ยึดหลักปรมาจารย์นักคิด นักปรัชญา นักปกครองรุ่นโบร่ำโบราณ อย่างท่าน “ขงจื๊อ” เอาไว้ให้มั่น ตามที่เคยกล่าวเอาไว้เป็นวาทะ และเป็นที่จดจำของผู้คนมาในทุกยุคทุกสมัย นั่นคือ...คำกล่าวที่ว่าไว้ตามสำนวนภาษาปะกิตว่า... “For good, return good; for evil, Justice.” ถอดความเป็นภาษาไทยตามลีลาของ “อาจารย์กรุณา กุศลาสัย” ประมาณว่า... “จงตอบความดีด้วยความดี...ความชั่วด้วยความยุติธรรม” นั่นแล...