สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จทอดพระเนตรการสร้างพระเมรุมาศ ทรงรับสั่งพอพระทัยการก่อสร้างเป็นไปด้วยดี ทรงแนะใช้ผู้มีประสบการณ์เพื่อให้ได้งานคุณภาพ และขอให้ถ่ายทอดงานให้คนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้ นายกฯ ทำพิธีบวงสรวงและยกเสาเอกพระเมรุมาศ "ธนะศักดิ์"เผยการก่อสร้างคืบหน้ากว่า 15% จ่อย้ายต้นมะขามกว่า 50 ต้น เริ่มล็อตแรก 14 ต้น ด้านติดที่ก่อสร้างพระที่นั่งทรงธรรม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 07.15 น. วานนี้ (27 ก.พ.) สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปเป็นการส่วนพระองค์ ทอดพระเนตรการเตรียมการก่อสร้างพระเมรุมาศในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวงฝั่งด้านทิศใต้ โดยมีท่านผู้หญิงบุตรี วีรไวทยะ รองราชเลขาธิการ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี และประธานกรรมการฝ่ายจัดสร้างพระเมรุมาศสิ่งปลูกสร้างประกอบพระเมรุมาศและบูรณปฏิสังขรณ์ราชรถและพระยานมาศ นายวีระ โรจนพจนรัตน์ รมว.วัฒนธรรม พร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้ารับเสด็จฯ
ในการนี้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทอดพระเนตรการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่กรมศิลปากร และอาสาสมัคร ณ วิธานสถาปกศาลา (โรงขยายแบบ) อาคารปั้นหล่อประติมากรรม อาคารเขียนสีและตกแต่งองค์ประกอบ และอาคารจัดสร้างพระโกศจันทน์ ก่อนเสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรแบบผังพระเมรุมาศ แบบแสดงโครงสร้างเหล็ก 3 มิติ พระที่นั่งทรงธรรม และแบบโครงสร้างเหล็กศาลาลูกขุน โดยมีนายอนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร และนายอารักษ์ สังหิตกุล ที่ปรึกษาวิศวกรโครงสร้างพระเมรุมาศ ถวายรายงานความคืบหน้าการดำเนินงาน จากนั้นจึงเสด็จฯกลับ
นายอารักษ์ กล่าวว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงรับสั่งสบายพระทัย ทั้งเรื่องโครงสร้าง รูปแบบ และงานศิลปกรรม เนื่องจากได้เห็นการดำเนินการทุกอย่างไปได้ด้วยดี หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายฝ่ายถวายงานพระเมรุมาศครั้งนี้อย่างเต็มที่ โดยทรงเน้นย้ำอยากให้ผู้ทำงานก่อสร้างมีความชำนาญและมีประสบการณ์ เพื่อให้การก่อสร้างมีคุณภาพและเป็นไปตามแผน หากได้คนไม่เป็นงานจะล่าช้า พร้อมกันนี้ ขอให้ถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านวิชาการให้กับคนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้และสืบทอดงาน
ต่อมาเวลา 09.00 น.กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม จัดพิธีบวงสรวงการก่อสร้างและยกเสาเอกพระเมรุมาศ งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เริ่มด้วยพิธีสงฆ์ ในเวลา 09.05 น. พล.อ.ธนะศักดิ์ จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย ประธานสงฆ์ให้ศีล และพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ โดยมีคณะรัฐมนตรี คณะกรรมการอำนวยการและคณะกรรมการฝ่ายต่างๆ ในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รวมถึงผู้แทนจาก4เหล่าทัพ และผู้เกี่ยวข้องกว่า 500 คน เข้าร่วมในพิธี
จากนั้นเวลา 10.01 น. ปฐมฤกษ์ประกอบพิธีพราหมณ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประธานในพิธีบวงสรวงการก่อสร้างและยกเสาเอกพระเมรุมาศ จุดธูปเทียนบูชาเครื่องบวงสรวง พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ ประธานพระครูพราหมณ์ อ่านโองการบวงสรวงการก่อสร้างพระเมรุมาศและอาคารประกอบฯ รดน้ำเทพมนตร์และเจิมเสา จากนั้นเชิญประธานสรงน้ำ ปิดทอง และผูกผ้าแพร 3 สี ที่เสาเอกพระเมรุมาศ ถือสายสูตรยกเสาเอกพระเมรุมาศขึ้นตั้ง ซึ่งด้านบนเสาเอกประดับด้วยธงชาติไทย และมีการนำต้นกล้วยและอ้อยไปผูกติดไว้ จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการยึดน็อต 89 ตัว เข้ากับโครงสร้างฐานเหล็ก หรือ Super Truss เพื่อให้มั่นใจในความมั่นคงแข็งแรง ขณะที่พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา ระหว่างนั้นเจ้าพนักงานประโคมฆ้องชัย สังข์ บัณเฑาว์ ดนตรีบรรเลงเพลงมหาฤกษ์ ประธานฯ โปรยข้าวตอก ดอกไม้ และวางพวงมาลัยที่โคนเสาเอกพระเมรุมาศ คณะนาฏศิลป์ สำนักการสังคีต กรมศิลปากร รำบวงสรวง จำนวน 9 คู่ ประธานถวายภัตตาหาร พร้อมด้วยเครื่องไทยธรรมและจตุปัจจัยแด่พระสงฆ์ จำนวน 10 รูป พระสงฆ์อนุโมทนา ประธานฯกรวดน้ำถวายเป็นพระราชกุศล เป็นอันเสร็จพิธี
หลังจากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ และคณะ ได้เยี่ยมชมแบบผังพระเมรุมาศและพระที่นั่งทรงธรรม ก่อนจะตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่กรมศิลปากรและอาสาสมัคร ณ วิธานสถาปกศาลา (โรงขยายแบบ) อาคารปั้นหล่อประติมากรรม อาคารเขียนสีและตกแต่งองค์ประกอบ และอาคารจัดสร้างพระโกศจันทน์ โดยมีนายอนันต์ และทีมช่างรายงานความคืบหน้า
พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี รับสั่งพอพระทัยการก่อสร้างพระเมรุมาศเป็นไปตามลำดับ และจะเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรการก่อสร้างอีกครั้งสิ้นเดือนมี.ค.2560
สำหรับพิธีบวงสรวงและยกเสาเอกพระเมรุมาศครั้งนี้ เพื่อความเป็นสิริมงคลและทำให้เจ้าหน้าที่มั่นใจงานจะสำเร็จลุล่วงด้วยดี ขณะนี้การก่อสร้างพระเมรุมาศคืบหน้าไป 15% และเร็วกว่ากำหนด แต่ในทุกขั้นตอน ดำเนินการอย่างมั่นคงและรอบคอบ โดยเฉพาะฐานรากและโครงสร้างเหล็กมีความแข็งแรงปลอดภัย ทั้งพระเมรุมาศ พระที่นั่งทรงธรรม และอาคารประกอบต่างๆ มีผู้เชี่ยวชาญรับผิดชอบประจำ ส่วนงานประณีตศิลป์และศิลปกรรมประกอบพระเมรุมาศคืบหน้าไป 15-20% ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ระหว่างขยายแบบเท่าจริง
พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวว่า ต้นมะขามในพื้นที่ก่อสร้างพระเมรุมาศจะมีการล้อมและเคลื่อนย้ายกว่า 50 ต้น โดยเตรียมย้าย 14 ต้น ในส่วนที่กีดขวางการก่อสร้างออกไปก่อน ซึ่งติดพื้นที่ก่อสร้างพระที่นั่งทรงธรรม ขณะเดียวกันได้มีการรักษาต้นมะขามโดยใช้เครื่องอ็อกซิเจนอัดอากาศลงดินเพื่อปรับสภาพดินให้ดีขึ้น และขอความกรุณาประชาชนอย่าเทของร้อนของเย็นลงต้นมะขาม ในพื้นที่สนามหลวง เพราะต้นมะขามเป็นประวัติศาสตร์อยู่คู่ประเทศไทยต้องทำนุบำรุงรักษาให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์
สำหรับการบูรณปฏิสังขรณ์ราชรถและพระยานมาศ คาดว่าพระมหาพิชัยราชรถจะแล้วเสร็จในเดือนเม.ย. ส่วนราชรถอื่นๆ จะเร่งดำเนินการ โดยเมื่อบูรณปฏิสังขรณ์เสร็จครบทุกองค์ จากนั้นจะทำพิธีบวงสรวงอัญเชิญราชรถจากโรงราชรถ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร เพื่อซ้อมการชักลากในเดือน มิ.ย.-ก.ค.2560 ส่วนพิธีบวงสรวงยกนพปฏลเศวตฉัตรตามโบราณราชประเพณี ซึ่งแสดงว่าเสร็จสิ้นการก่อสร้างพระเมรุมาศแล้วนั้น พิธีจะจัดขึ้นก่อนวันถวายพระเพลิงพระบรมศพ
นอกจากนี้ หลังเสร็จสิ้นพระราชพิธีถวายพระเพลิงรัฐบาลจะจัดนิทรรศการพระราชกรณียกิจและโครงการอันเนื่องพระราชดำริภายในพระที่นั่งทรงธรรมและรอบมณฑลพิธี เพื่อเปิดให้ประชาชนเข้าเยี่ยมชมเพื่อเรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเป็นเวลา 30 วัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากพิธียกเสาเอกพระเมรุมาศ เจ้าหน้าที่ได้ทำการยกเสาอีก 3 ต้นที่เหลือให้เสร็จภายในวันเดียวกัน เพื่อให้โครงสร้างพระเมรุมาศมีความมั่นคงแข็งแรงทั้ง 4 มุม โดยลักษณะการตั้งเสาจะเอียงโน้มเข้าหาศูนย์กลาง เป็นไปตามรูปทรงอาคารบุษบกของพระเมรุมาศ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 07.15 น. วานนี้ (27 ก.พ.) สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปเป็นการส่วนพระองค์ ทอดพระเนตรการเตรียมการก่อสร้างพระเมรุมาศในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวงฝั่งด้านทิศใต้ โดยมีท่านผู้หญิงบุตรี วีรไวทยะ รองราชเลขาธิการ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี และประธานกรรมการฝ่ายจัดสร้างพระเมรุมาศสิ่งปลูกสร้างประกอบพระเมรุมาศและบูรณปฏิสังขรณ์ราชรถและพระยานมาศ นายวีระ โรจนพจนรัตน์ รมว.วัฒนธรรม พร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้ารับเสด็จฯ
ในการนี้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทอดพระเนตรการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่กรมศิลปากร และอาสาสมัคร ณ วิธานสถาปกศาลา (โรงขยายแบบ) อาคารปั้นหล่อประติมากรรม อาคารเขียนสีและตกแต่งองค์ประกอบ และอาคารจัดสร้างพระโกศจันทน์ ก่อนเสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรแบบผังพระเมรุมาศ แบบแสดงโครงสร้างเหล็ก 3 มิติ พระที่นั่งทรงธรรม และแบบโครงสร้างเหล็กศาลาลูกขุน โดยมีนายอนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร และนายอารักษ์ สังหิตกุล ที่ปรึกษาวิศวกรโครงสร้างพระเมรุมาศ ถวายรายงานความคืบหน้าการดำเนินงาน จากนั้นจึงเสด็จฯกลับ
นายอารักษ์ กล่าวว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงรับสั่งสบายพระทัย ทั้งเรื่องโครงสร้าง รูปแบบ และงานศิลปกรรม เนื่องจากได้เห็นการดำเนินการทุกอย่างไปได้ด้วยดี หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายฝ่ายถวายงานพระเมรุมาศครั้งนี้อย่างเต็มที่ โดยทรงเน้นย้ำอยากให้ผู้ทำงานก่อสร้างมีความชำนาญและมีประสบการณ์ เพื่อให้การก่อสร้างมีคุณภาพและเป็นไปตามแผน หากได้คนไม่เป็นงานจะล่าช้า พร้อมกันนี้ ขอให้ถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านวิชาการให้กับคนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้และสืบทอดงาน
ต่อมาเวลา 09.00 น.กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม จัดพิธีบวงสรวงการก่อสร้างและยกเสาเอกพระเมรุมาศ งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เริ่มด้วยพิธีสงฆ์ ในเวลา 09.05 น. พล.อ.ธนะศักดิ์ จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย ประธานสงฆ์ให้ศีล และพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ โดยมีคณะรัฐมนตรี คณะกรรมการอำนวยการและคณะกรรมการฝ่ายต่างๆ ในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รวมถึงผู้แทนจาก4เหล่าทัพ และผู้เกี่ยวข้องกว่า 500 คน เข้าร่วมในพิธี
จากนั้นเวลา 10.01 น. ปฐมฤกษ์ประกอบพิธีพราหมณ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประธานในพิธีบวงสรวงการก่อสร้างและยกเสาเอกพระเมรุมาศ จุดธูปเทียนบูชาเครื่องบวงสรวง พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ ประธานพระครูพราหมณ์ อ่านโองการบวงสรวงการก่อสร้างพระเมรุมาศและอาคารประกอบฯ รดน้ำเทพมนตร์และเจิมเสา จากนั้นเชิญประธานสรงน้ำ ปิดทอง และผูกผ้าแพร 3 สี ที่เสาเอกพระเมรุมาศ ถือสายสูตรยกเสาเอกพระเมรุมาศขึ้นตั้ง ซึ่งด้านบนเสาเอกประดับด้วยธงชาติไทย และมีการนำต้นกล้วยและอ้อยไปผูกติดไว้ จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการยึดน็อต 89 ตัว เข้ากับโครงสร้างฐานเหล็ก หรือ Super Truss เพื่อให้มั่นใจในความมั่นคงแข็งแรง ขณะที่พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา ระหว่างนั้นเจ้าพนักงานประโคมฆ้องชัย สังข์ บัณเฑาว์ ดนตรีบรรเลงเพลงมหาฤกษ์ ประธานฯ โปรยข้าวตอก ดอกไม้ และวางพวงมาลัยที่โคนเสาเอกพระเมรุมาศ คณะนาฏศิลป์ สำนักการสังคีต กรมศิลปากร รำบวงสรวง จำนวน 9 คู่ ประธานถวายภัตตาหาร พร้อมด้วยเครื่องไทยธรรมและจตุปัจจัยแด่พระสงฆ์ จำนวน 10 รูป พระสงฆ์อนุโมทนา ประธานฯกรวดน้ำถวายเป็นพระราชกุศล เป็นอันเสร็จพิธี
หลังจากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ และคณะ ได้เยี่ยมชมแบบผังพระเมรุมาศและพระที่นั่งทรงธรรม ก่อนจะตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่กรมศิลปากรและอาสาสมัคร ณ วิธานสถาปกศาลา (โรงขยายแบบ) อาคารปั้นหล่อประติมากรรม อาคารเขียนสีและตกแต่งองค์ประกอบ และอาคารจัดสร้างพระโกศจันทน์ โดยมีนายอนันต์ และทีมช่างรายงานความคืบหน้า
พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี รับสั่งพอพระทัยการก่อสร้างพระเมรุมาศเป็นไปตามลำดับ และจะเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรการก่อสร้างอีกครั้งสิ้นเดือนมี.ค.2560
สำหรับพิธีบวงสรวงและยกเสาเอกพระเมรุมาศครั้งนี้ เพื่อความเป็นสิริมงคลและทำให้เจ้าหน้าที่มั่นใจงานจะสำเร็จลุล่วงด้วยดี ขณะนี้การก่อสร้างพระเมรุมาศคืบหน้าไป 15% และเร็วกว่ากำหนด แต่ในทุกขั้นตอน ดำเนินการอย่างมั่นคงและรอบคอบ โดยเฉพาะฐานรากและโครงสร้างเหล็กมีความแข็งแรงปลอดภัย ทั้งพระเมรุมาศ พระที่นั่งทรงธรรม และอาคารประกอบต่างๆ มีผู้เชี่ยวชาญรับผิดชอบประจำ ส่วนงานประณีตศิลป์และศิลปกรรมประกอบพระเมรุมาศคืบหน้าไป 15-20% ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ระหว่างขยายแบบเท่าจริง
พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวว่า ต้นมะขามในพื้นที่ก่อสร้างพระเมรุมาศจะมีการล้อมและเคลื่อนย้ายกว่า 50 ต้น โดยเตรียมย้าย 14 ต้น ในส่วนที่กีดขวางการก่อสร้างออกไปก่อน ซึ่งติดพื้นที่ก่อสร้างพระที่นั่งทรงธรรม ขณะเดียวกันได้มีการรักษาต้นมะขามโดยใช้เครื่องอ็อกซิเจนอัดอากาศลงดินเพื่อปรับสภาพดินให้ดีขึ้น และขอความกรุณาประชาชนอย่าเทของร้อนของเย็นลงต้นมะขาม ในพื้นที่สนามหลวง เพราะต้นมะขามเป็นประวัติศาสตร์อยู่คู่ประเทศไทยต้องทำนุบำรุงรักษาให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์
สำหรับการบูรณปฏิสังขรณ์ราชรถและพระยานมาศ คาดว่าพระมหาพิชัยราชรถจะแล้วเสร็จในเดือนเม.ย. ส่วนราชรถอื่นๆ จะเร่งดำเนินการ โดยเมื่อบูรณปฏิสังขรณ์เสร็จครบทุกองค์ จากนั้นจะทำพิธีบวงสรวงอัญเชิญราชรถจากโรงราชรถ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร เพื่อซ้อมการชักลากในเดือน มิ.ย.-ก.ค.2560 ส่วนพิธีบวงสรวงยกนพปฏลเศวตฉัตรตามโบราณราชประเพณี ซึ่งแสดงว่าเสร็จสิ้นการก่อสร้างพระเมรุมาศแล้วนั้น พิธีจะจัดขึ้นก่อนวันถวายพระเพลิงพระบรมศพ
นอกจากนี้ หลังเสร็จสิ้นพระราชพิธีถวายพระเพลิงรัฐบาลจะจัดนิทรรศการพระราชกรณียกิจและโครงการอันเนื่องพระราชดำริภายในพระที่นั่งทรงธรรมและรอบมณฑลพิธี เพื่อเปิดให้ประชาชนเข้าเยี่ยมชมเพื่อเรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเป็นเวลา 30 วัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากพิธียกเสาเอกพระเมรุมาศ เจ้าหน้าที่ได้ทำการยกเสาอีก 3 ต้นที่เหลือให้เสร็จภายในวันเดียวกัน เพื่อให้โครงสร้างพระเมรุมาศมีความมั่นคงแข็งแรงทั้ง 4 มุม โดยลักษณะการตั้งเสาจะเอียงโน้มเข้าหาศูนย์กลาง เป็นไปตามรูปทรงอาคารบุษบกของพระเมรุมาศ