"บิ๊กตู่" ย้ำใช้ ม.44 กับวัดพระธรรมกาย เพราะกฎหมายปกติใช้ไม่ได้ ขอสังคมมองว่าเป็นปัญหาร่วมกันทั้งประเทศ สั่งเพิ่มกำลังตำรวจ พร้อมยกระดับใช้โล่-กระบอง หลังพบว่ามีกลุ่ม"ฮาร์ดคอร์"ที่เคลื่อนไหวทางการเมือง 30-40 คน เข้ามาในพื้นที่ ยันไม่ได้ใช้มาตรการปิดล้อมให้อดอาหาร ด้านสาวกจานบิน จี้ยกเลิก ม.44 เล่นสงครามจิตวิทยา ติดป้ายขออาหาร ปัดชายที่ผูกคอตายไม่เกี่ยวธรรมกาย
วานนี้ (26 ก.พ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ชี้แจงถึงกรณีของวัดพระธรรมกาย กับการใช้มาตรา 44 ประกาศให้บริเวณรอบวัดพระธรรมกายเป็นพื้นที่ควบคุมพิเศษ เพื่อปฏิบัติการตรวจค้น จับกุมพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ว่า ที่ผ่านมากฎหมายปกติใช้ไม่ได้ รัฐบาลจึงได้ตัดสินใจใช้ ม.44 ซึ่งหลายคนก็อาจมองว่า ไม่ได้ผล แสดงว่า คสช.ไม่ได้รับความเชื่อถือ หรือเอาไม่อยู่ แต่ความจริงแล้ว คสช.ต้องการให้สังคมได้เห็นว่า นี่คือปัญหาร่วมกันของคนทั้งประเทศ ที่ใช้กฎหมายอะไรก็ยุติคนไม่ดี ไม่ได้ แล้ววันข้างหน้าเมื่อไม่มีมาตรา 44 ไม่มีคสช. แล้วจะอยู่กันอย่างไร ทุกคนจะยอมให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นต่อไปในอนาคตอีกหรือไม่ การใช้กฏหมู่ ไม่เคารพกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรม โดยที่คสช.ใช้เพราะต้องการให้ทุกคนคิดพิจารณาว่า สิ่งใดถูก สิ่งใดผิด จะช่วยกันทำให้ประเทศมีความปลอดภัยอย่างไร จะได้ไม่ต้องมาหวังให้ทหารมาแก้ปัญหาที่ทุกคนไม่ช่วยกันแก้ โดยผลักภาระแล้วก็เล่นงานเจ้าหน้าที่ ที่ทำหน้าที่ตามกฎหมายแล้วต้องคดีเหมือนเช่นเหตุการณ์ เมื่อปี 2553
"นี่เป็นชะตากรรมที่คนไทยทุกคนต้องเลือกเอง ไม่มีใครช่วยได้ และต้องการบอกกับประชาชนทั้งประเทศให้ช่วยกันคิด ไม่ใช่เฉพาะกรณีธรรมกาย" นายกรัฐมนตรีกล่าว
**สั่งเพิ่มกำลังเตรียมใช้โล่-กระบอง
มีรายงานว่าในโซเชียลมีเดีย มีการแชร์เอกสารลับ ด่วนที่สุด ลงวันที่ 24 ก.พ. 60 ของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ลงนามโดย พล.ต.ต.กฤษณะ ศิริปิยะวัฒน์ รอง ผบช.ภ. 7 ปรท.ผบช.ภ.7 สั่งการให้มีการจัดเตรียมกำลังชุดควบคุมฝูงชน ในการสนับสนุนภารกิจควบคุมพื้นที่ บริเวณวัดพระธรรมกาย ใจความว่า ในวันที่ 27 ก.พ. - 3 มี.ค. 60 ให้ตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม และประจวบคีรีขันธ์ เตรียมชุดควบคุมฝูงชนจังหวัดละ 2 กองร้อย และให้ จ.เพชรบุรี เตรียม 1 กองร้อย รวมทั้งหมด 5 กองร้อยขณะที่ระหว่างวันที่ 3-7 มี.ค. ให้ตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดสมุทรสาคร จัดเตรียมชุดควบคุมฝูงชนจังหวัดละ 2 กองร้อย ส่วนตำรวจภูธรจังหวัดราชบุรีจัดเตรียม 1 กองร้อย รวมทั้งหมด 5 กองร้อยเช่นกัน ส่วนวันที่ 7-11 มี.ค.ให้จังหวัดนครปฐม จังหวัดสุพรรณบุรี จัดเตรียมจังหวัดละ 2 กองร้อย และ จังหวัดสมุทรสงครามจัดเตรียม 1 กองร้อย รวมทั้งหมด 5 กองร้อย เช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้ชุดควบคุมฝูงชนจากทุกจังหวัดเตรียม โล่ กระบอง หมวก สนับแข้ง สนับเข่า สนับศอก วิทยุสื่อสาร เครื่องนอน เครื่องใช้ส่วนตัว สำหรับปฏิบัติภารกิจอย่างน้อย 5 วัน
ด้าน พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล รองอธิบดี ดีเอสไอ ในฐานะโฆษก ดีเอสไอ กล่าวถึง เรื่องนี้ว่า เป็นการสั่งเตรียมกำลังเพื่อสับเปลี่ยนหมุนเวียน ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดเก่า ที่อ่อนล้าได้พัก และการที่มีคำสั่งให้ตำรวจชุดใหม่ นำอุปกรณ์ควบคุมฝูงชน อาทิ โล่ และกระบอง ติดตัวมาด้วยนั้น เป็นเรื่องปกติที่เจ้าหน้าที่ต้องเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม หากเกิดเหตุฉุกเฉิน แต่ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกนาย ไม่มีการพกโล่ กระบอง หรือ อาวุธเลย โดยเป้าหมายที่แท้จริงคือ การคัดกรองคนที่จะเข้าไปในวัด และตลาดกลางคลองหลวง รวมทั้งดูแลความปลอดภัยให้พระ และพี่น้องประชาชน เนื่องจากทางการข่าว พบว่ามีกลุ่มที่เคยมีประวัติเคลื่อนไหวทางการเมืองหลายกลุ่มเข้ามาในพื้นที่ เจ้าหน้าที่จึงมีการจับตา เก็บหลักฐาน เตรียมดำเนินคดี โดยบุคคลกลุ่มนี้ มีประมาณ 30-40 คน
สำหรับพระสงฆ์ที่มาจากต่างจังหวัด มีพระวินยาธิการ หรือ ตำรวจพระ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ในการตรวจสอบใบสุทธิ ตรงจุดคัดกรองประตู 7 ประตู 5 และ 6 กับตลาดกลางคลองหลวงด้วย จะให้เฉพาะพระลูกวัดพระธรรมกายเท่านั้น ที่สามารถเข้าไปในวัดได้ พร้อมประสานให้ไปจำวัดอื่นๆ โดยรอบวัดพระธรรมกาย
**ยันไม่ได้ปิดล้อมวัดให้อดอาหาร
นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมว.ยุติธรรม กล่าวถึง การดูแลพระสงฆ์ในเรื่องอาหาร การเข้าออกพื้นที่ ทางเจ้าหน้าที่ได้อำนวยความสะดวกจัดส่งอาหาร และให้บิณฑบาตได้ตามปกติ ไม่ใช่ปิดล้อมให้อดอาหาร ตามที่มีการกล่าวอ้างกัน
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติได้จำแนกแยกแยะเรื่องใดที่เกี่ยวกับกิจของสงฆ์ จะมอบให้คณะสงฆ์ช่วยดูแล ขอให้ พศ.เข้ามาสนับสนุน แต่ในส่วนผู้ที่ปลุกระดม ขัดขวางการทำงาน ของเจ้าหน้าที่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่จะต้องดำเนินการไปตามข้อกฎหมาย
ทั้งนี้ อยากให้สังคมมองดูปฐมเหตุของความเป็นมาตั้งแต่เริ่มต้น เรื่องนี้เป็นคดีความที่มี ผู้ต้องหา 5 คน ส่งฟ้องแล้ว 3 คน หลบหนีไป 2 คน 1 ในนั้นคือ พระธัมมชโย เราเคยตระหนักกันหรือไม่ว่า ความเสียหายของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่น ส่งผลกระทบต่อคน 50,000 คน ที่เป็นสมาชิก ถ้ารวมครอบครัวคนเกี่ยวข้องรอบข้างคงมีเป็นแสนคน ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีรายได้จากเงินเดือน กินบำนาญ แต่ต้องหมดเนื้อหมดตัวเมื่อถูกโกง ปัจจุบันศาลอนุมัติให้ทำแผนฟื้นฟู แต่การฟื้นฟูไม่ได้ราบรื่น เพราะสูญเสียเงินไปเป็นจำนวนมาก เงินใช้หนี้ลูกหนี้ไปไม่ถึงสมาชิกรายย่อย คนเหล่านี้ยังเดือดร้อนสาหัสกับสิ่งที่เกิดขึ้น การมีข้ออ้างว่า ได้นำเงินคืนไปแล้วถือว่าจบแล้วเป็นผู้บริสุทธิ์แล้ว คงไม่ถูกต้อง เพราะปฐมเหตุไม่ใช่แค่ตัวเงินที่อยู่ในบัญชี
"แต่การร่วมมือให้เกิดการระดมเงินฝากในทางที่ผิด สร้างการรับรู้ ให้หลงเชื่อ จนคนหมดเนื้อหมดตัว เป็นเรื่องที่ผิดยิ่งกว่า ผมได้ประชุมร่วมกับผู้บริหารสหกรณ์ชุดใหม่ ทำให้เห็นถึงความวิตกกังวลในการฟื้นฟู เห็นถึงผลกระทบต่อระบบสหกรณ์ทั้งประเทศ และนี่คือ ปฐมเหตุของคดี เมื่อต้องดำเนินคดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เราก็ต้องให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ผู้ถูกกล่าวหาก็ควรใช้สิทธิ์ต่อสู้คดีตามขั้นตอน กระบวนการ ไม่ใช่ขัดขืน ขัดขวาง ใช้ทุกวิธีที่จะไม่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม" นายสุวพันธุ์ กล่าว
**ปลด"พนม"ประสานงานง่ายขึ้น
ที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ รองโฆษก ดีเอสไอ กล่าวถึงกรณี นายกรัฐมนตรีใช้อำนาจตาม ม.44 ให้ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผบ.สำนักคดีภาษีอากร กรมสอบสวนคดีพิเศษ ดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการสำนักพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) แทน นายพนม ศรศิลป์ ที่ถูกย้ายเป็นผู้ตรวจราชการพิเศษ สำนักนายกรัฐมนตรี ว่า จะทำให้การทำงานของดีเอสไอ เกี่ยวกับวัดพระธรรมกาย ราบรื่นขึ้น เพราะ พ.ต.ท.พงศ์พร เคยเป็นลูกหม้อของดีเอสไอ ทั้งนี้ ยืนยันว่าที่ผ่านมาการประสานงานก็เป็นไปด้วยดี แต่คนที่รู้จักมักคุ้นกัน ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่การประสานงานจะทำได้ง่าย
ส่วนกรณีพระสงฆ์นัดรวมตัวมาสมทบที่วัดพระธรรมกายนั้น พ.ต.ต.วรณัน กล่าวว่าได้มีคำสั่งของมหาเถรมหาสมาคม ไปยังพระทั่วประเทศให้งดกิจกรรมการชุมนุม ตรงนี้เป็นมาตรการทางสงฆ์ ขณะที่ในส่วนเจ้าหน้าที่ ก็ต้องบังคับใช้กฎหมาย จะมีการตรวจสอบว่าใครบ้างที่เข้าข่ายเป็นแกนนำ ซึ่งจนถึงขณะนี้ ก็มีการมาอัพเดตตลอดว่าได้ดำเนินคดีใครไปบ้างแล้ว ซึ่งขณะนี้ก็มีจำนวนมากพอสมควร
** "มาร์ค"แนะใช้ ม.44 อย่างรัดกุม
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในระยะหลังที่ผ่านมาคสช.ได้มีการนำ ม.44 มาใช้เพื่อแก้ปัญหาในหลายเรื่อง ทั้งการทุจริต การเมือง การแต่งตั้งโยกย้าย ซึ่งล่าสุดคือกรณีวัดพระธรรมกาย ซึ่งตนมีความเป็นห่วงว่า การที่รัฐบาลใช้อำนาจกฎหมายพิเศษ อาจทำให้ในอนาคตรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ต้องประสบปัญหาการบริหารจัดการ เพราะมีอำนาจที่แตกต่างจากรัฐบาล คสช.
ขณะเดียวกัน ม.44 อาจเป็นเงื่อนไขที่นำไปสู่การสร้างความขัดแย้งเพิ่มขึ้นในสังคม เช่น ในกรณีของวัดพระธรรมกาย ซึ่งมีผู้เสียชีวิตจากการไม่เห็นด้วย ในประเด็นที่เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ทั้งที่สามารถใช้กฎหมายปกติดำเนินการได้ เช่น การใช้กม.ความมั่นคง เพราะปัญหาเกิดจากการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่มีประสิทธิภาพ หากผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ปัญหาทุกอย่างก็จะยุติ จึงอยากให้รัฐบาลพิจารณาการใช้ ม.44 ให้รัดกุมมากขึ้น
**เชื่อ"ธัมมชโย"ยังอยู่ในวัด
นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าวว่า ขณะนี้กำลังมีขบวนการทั้งจากทางเครือข่ายวัดพระธรรมกาย ทั้งภายในและต่างประเทศ รวมทั้งกลุ่มการเมืองต่างๆ สร้างกระแสสังคมกดดัน เรียกร้องให้ คสช. ยกเลิกคำสั่งตาม ม.44 โดยใช้วิธีการหลายรูปแบบ
ล่าสุดมีการการปล่อยข่าวว่า พระธัมมชโย ไม่อยู่ที่วัดแล้ว ก็เป็นแผนการหนึ่งที่ใช้เพื่อสร้างกระแสสังคมให้ยกเลิก ม.44 เช่น กรณีนายพนม ศรศิลป์ อดีต ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ให้ข่าวต่อสื่อมวลชนว่า จากการที่สำนักพุทธฯ ตรวจสอบข้อมูลกับวัดพระธรรมกาย โดยทางวัดยืนยันว่า ไม่พบตัวพระธัมมชโย เป็นเวลานานแล้ว
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบพบสัญญาณการโทรออกจากหมายเลขโทรศัพท์ ซึ่งลงท้ายด้วยเลข 5555 ของคนที่ติดตามพระธัมมโย ตลอดเวลา จากบริเวณโซน เอ ภายในวัด ไปยังเบอร์โทรศัพท์มือถือ ของบุคคลหนึ่ง ที่โรงพยาบาลย่านพระราม 9 ในช่วงเวลา 04.00 น. ของวันเสาร์ที่ 18 ก.พ. ที่ผ่านมา ซึ่งเมื่อประกอบกับเมื่อ บ่ายวันอาทิตย์ที่ 19 ก.พ. พฤติกรรมผู้บริหารวัด ได้เรียกระดมพระภิกษุและลูกศิษย์วัดจำนวนหลายพันคน ได้บุกเข้ามาแหวกกำแพงแนวกั้นของทางเจ้าที่ตำรวจ เข้ามาบริเวณประตู 5 ประตู 6 เพื่อเพิ่มกำลังมวลชนเข้ามาอยู่ในวัด และต่อมาประกาศไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่ ดีเอสไอ เข้าค้นวัดอีกต่อไป ย่อมแสดงว่า พระธัมมชโย ขณะนี้ยังหลบอยู่ในเขตบริเวณ 196 ไร่ ของวัดพระธรรมกาย
**"สาวกจานบิน"จี้รัฐบาลยกเลิก ม.44
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศช่วงเช้า ภายในบริเวณตลาดกลางคลองหลวง ได้มีพระสงฆ์ และสามเณร ประมาณ 400 รูป เดินบิณฑบาต ตั้งแต่เวลา 06.00 น. ซึ่งมีประชาชน และศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย ยืนตั้งแถวรอใส่บาตร จนเต็มพื้นที่ด้านหน้าของตลาด
ส่วนภายในเต็นท์ด้านในวัดพระธรรมกายนั้น มวลชน และ ศิษยานุศิษย์ จำนวนมากยังคงอยู่ระหว่างการพักผ่อน และทำกิจวัตรตามปกติ ขณะที่บริเวณเต็นท์ด้านหน้า ยังคงมีพระสงฆ์ 5 รูป นั่งอดอาหาร ประท้วงการใช้ มาตรา 44 ซึ่งการอดอาหารก็เข้าสู่วันที่ 4 แล้ว
ต่อมา ที่บริเวณหน้าวัดพระธรรมกาย มีพระสงฆ์ประมาณ 300 รูป ได้เดินมาประท้วงเจ้าหน้าที่ ขอให้ยกเลิก ม. 44 ที่ใช้กับวัดพระธรรมกาย โดยอ้างว่า เมื่อคณะสงฆ์และประชาชน เห็นภาพเหตุการณ์ที่กระทบต่อพระพุทธศาสนา วัดศาสนสถาน ย่อมส่งผลต่อความรู้สึกที่ไม่ดีต่อศาสนาพุทธ และสายตาของอารยชนผู้นับถือพระพุทธศาสนา ซึ่งไม่เคยมีอย่างนี้ในเมืองไทย จึงอยากให้การแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธี และขอให้นายกฯ และผู้เกี่ยวข้องได้ยกเลิกการใช้ ม.44 กับวัดพระธรรมกาย
ต่อมาในช่วงบ่าย ที่ภ่ายในวัด ได้มีการนำแผ่นผ้า เขียนข้อความว่า"we need food"ไปแขวนบนยอดหอคอย สูงประมาณ 50 เมตร ที่อยู่ใกล้กับอาคาร 100 ปี ในพื้นที่โซน B เพื่อสื่อสารให้กับเจ้าหน้าที่ ดีเอสไอ และบุคคลภายนอก ทราบว่า ขณะนี้สถานการณ์ภายในวัดพระธรรมกาย ขาดแคลนเสบียงอาหาร และต้องการอาหารอย่างมาก
ส่วนที่ บริเวณลานทางออกของตลาดกลางคลองหลวง มีกลุ่มพระภิกษุสามเณร ประมาณ 150 รูป จากภาคเหนือ และอีสาน รวมตัวขอเจรจากับทางเจ้าหน้าที่ เพื่อขอเข้าไปในพื้นที่วัดพระธรรมกาย แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้เข้าไป ทำให้กลุ่มพระสงฆ์ดังกล่าว ยังคงปักหลักอยู่ที่ตลาดคลองหลวง
ขณะเดียวกัน พระครูวิบูลกัลยาณคุณ เจ้าอาวาสวัดถั่วทอง อ.สามโคก จ.ปทุมธานี พระวินยาธิการ พร้อมคณะเข้าสังเกตุการณ์ เพื่อตรวจสอบใบสุทธิกลุ่มพระที่เดินทางมาจากต่างจังหวัด ว่าเป็นพระถูกต้องหรือไม่ ซึ่งจากการสุ่มตรวจ ยังไม่พบว่ามีพระปลอม
** ปัดชายผูกคอตายไม่เกี่ยวธรรมกาย
พระสนิทวงศ์ วุฒิวังโส ผอ.สำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย กล่าวถึงกรณี นายอนวัช ธนเจริญณัฐ อายุ 64 ปี ที่ก่อเหตุผูกคอตัวเองกับเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาล ยกเลิกม. 44 ว่า ทางวัดขอยืนยันว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด และไม่ได้เป็นวิธีการของวัดพระธรรมกาย เพราะแนวทางของวัดจะเน้นความสงบ สันติ อหิงสา อีกทั้งการกระทำของผู้เสียชีวิต อยู่นอกเขตวัด จึงขอรัฐบาลว่า อย่าโยนบาปมาที่วัด ทั้งหวังว่าเหตุการณ์นี้จะเป็นเหตุการณ์สุดท้าย ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต และมองว่า ม.44 ไม่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง และประชาชน รวมถึงพุทธศาสนา
ส่วนกรณี ที่ดีเอสไอ อ้างว่า หากมีมือที่สามเข้ามาแทรกแซง ก็จะบุกวัดพระธรรมกายนั้น ขอชี้แจงว่า ลูกศิษย์วัดพระธรรมกาย กลัวดีเอสไอ มากกว่ามือที่สาม ทั้งไม่วางใจดีเอสไอ เพราะก่อนหน้านี้ ยังมีของบริจาคที่หายไป ในช่วงที่ดีเอสไอ เข้ามาคุมพื้นที่บริเวณกว่า 2,000 ไร่ ของวัด
พระสนิทวงศ์ กล่าวด้วยว่า จากคำแถลงของ นายกรัฐมนตรี ที่ระบุว่า ถ้าพระธัมมชโย มอบตัวแล้วจะเข้ามาบริหารจัดการวัดพระธรรมกายให้โปร่งใสนั้น ขอให้ท่านกลับไปบริหารประเทศดีกว่า และจากการเห็นการบริหารประเทศของนายกฯ แล้วก็มองว่า อย่ามาบริหารวัดเลย