xs
xsm
sm
md
lg

เด้ง ผอ.สำนักพุทธฯ สัญญาณเข้มรื้อองค์กรสงฆ์-เชือดธรรมกาย !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ภารกิจสำคัญในฐานะผู้อำนวยการ พศ.ก็ต้องทำหน้าที่เป็นเลขาฯในที่ประชุมมหาเถรสมาคมที่มีสมเด็จพระสังฆราชเป็นประธานอีกด้วย นี่แหละถือว่าสำคัญ หากจะ"ชงเรื่องสำคัญ"เข้าที่ประชุม ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงโดยให้คนใหม่ที่มาจากกรมสอบสวนคดีพิเศษเข้ามาทำหน้าที่แทนก็ต้องบอกว่าน่าจับตายิ่งนัก หากจะจัดการกับ ธัมมชโย และวัดพระธรรมกาย และน่าจับตาตรงที่วิธีการที่จะใช้"องค์กรปกครองทางสงฆ์"เข้ามาจัดการอย่างเหมาะสม และประสานกันกับฝ่ายบ้านเมือง ซึ่งในอนาคตอันใกล้อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้นซ้ำซ้อนตามมาอีกก็ได้

เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ มีการเผยแพร่คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 12/2560 ที่อาศัยอำนาจตาม มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ.2557 ให้นายพนม ศรศิลป์ พ้นจากตําแหน่งผู้อํานวยการสํานักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และให้ดํารงตําแหน่งผู้ตรวจราชการพิเศษประจําสํานักนายกรัฐมนตรี มีหน้าที่ตรวจราชการ หรือปฏิบัติหน้าที่อื่นใดตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย

แล้วให้ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้บัญชาการสํานักคดีภาษีอากร กรมสอบสวนคดีพิเศษ พ้นจากตําแหน่ง และให้ดํารงตําแหน่งผู้อํานวยการสํานักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

คำสั่งดังกล่าวถือว่าน่าสนใจไม่น้อย สำหรับกรณีการ"จัดการ" กับ "ธัมมชโย" และ"ลัทธิธรรมกาย" ที่รัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)กำลังเดินหน้าและงวดเข้ามาทุกขณะ หลังจากก่อนหน้านี้ใช้คำสั่งหัวหน้าคสช. ที่ 5/2560 ประกาศให้เขตวัดพระธรรมกายและพื้นที่โดยรอบเป็นพื้นที่ควบคุมพิเศษ รวมทั้งมีการออก 8 ข้อกำหนดอันเข้มงวดเพื่ออำนวยความสะดวกและให้อำนาจเจ้าหน้าที่ในการเข้าตรวจค้นจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ ซึ่งในที่นี้ก็คือ ธัมมชโย กับพวกที่ยังหลบหนีอยู่

ปฏิบัติการ"แบบพิเศษ" ดังกล่าวที่มีการสนธิกำลังกันทั้งฝ่ายทหาร ตำรวจ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รวมทั้งฝ่ายปกครองเพื่อเข้าตรวจค้นจับกุมผ่านมานับสิบวันแล้ว แต่ก็ยังไร้วี่แววผู้ต้องหารายนี้ อีกทั้งยังได้รับการขัดขวางทุกวิถีทางจากเครือข่ายที่เป็นทั้งพระสงฆ์และฆราวาสอยู่ตลอดเวลา

อย่างไรก็ดี นั่นเป็นการเคลื่อนไหวทางฝ่ายบ้านเมืองที่ต้องบังคับใช้กฎหมายให้ได้ในทุกพื้นที่ในประเทศไทย แม้ว่านาทีนี้ยังจับกุมไม่ได้ ยังหาตัวไม่เจอ แต่อีกด้านหนึ่งมันก็เป็นสัญญาณให้เห็นแล้วว่า ถึงอย่างไรก็ต้องลุยค้นเข้าไปในวัดพระธรรมกาย แนวโน้มก็คือ ต้องดำเนินไปอย่างต่อเนื่องและมีระยะเวลายาวนานอาจเป็นเดือนๆดังที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เคยระบุเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่าหากยังถูกขัดขวางและท้าทายอำนาจรัฐแบบนี้

ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาเข้าไปในวัดพระธรรมกายและธัมมชโย นี่ถือว่าเป็นครั้งแรกที่ถูก"เบรก" ถูกจัดการตามกฎหมายแบบ"จัดหนัก" และถูกเกาะติดแบบไม่ปล่อยมาระยะหนึ่งแล้ว มองในมุมไหนก็ต้อง"สะเทือน" หนักแน่ อย่างน้อยการ"รุกคืบ" เข้ามาในองค์กรทางพระพุทธศาสนาก็ต้องหยุดชงัก กลายเป็นถูกรุกไล่ การถูกเปิดโปง ถูกตำหนิติเตียนเป็นรายวัน ทุกอย่างกลายเป็นภาพลบถดถอยลงทุกวัน

อย่างไรก็ดี ด้วยโครงสร้างที่ใหญ่โต มีมูลค่ามหาศาล มีการเจาะฐานมวลชนแบบซึมลึกลงไปแทบทุกระดับทั้งวัด ทั้งองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ไม่เว้นแม้แต่บรรดาข้าราชการแทบทุกระดับ นักธุรกิจมหาเศรษฐีร่ำรวย ล้วนเป็นสาวกซึ่งพบเห็นกันมานานแล้ว ดังนั้น การมีเครือข่ายที่ทรงอิทธิพลกว้างขวางทั้งในและต่างประเทศทั่วโลกแบบนี้ การใช้เวลาเพียงแค่ใช้เวลาอันสั้นสัปดาห์สองสัปดาห์อาจไม่มีทางเบ็ดเสร็จได้อย่างแน่นอน แต่อย่างน้อยก็เป็นการลิดรอนกิ่งก้านลงไปได้ไม่น้อย

แต่อย่างที่บอกในตอนต้นก็คือ ให้จับตาการเปลี่ยนแปลงในสำนักงานพระพุทธศาสนา(พศ.) ที่ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ใช้อำนาจในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติปลด พนม ศรศิลป์ พ้นจากตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา แล้วแต่งตั้งให้ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้บัญชาการสํานักคดีภาษีอากร กรมสอบสวนคดีพิเศษ พ้นจากตําแหน่ง และให้ดํารงตําแหน่งผู้อํานวยการสํานักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติแทน

น่าสนใจตรงที่คนที่มาใหม่ มาจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเดสไอ) ที่ตอนนี้ถือว่าเป็น"แม่งาน" ในการจัดการกับธัมมชโย และวัดพระธรรมกายอยู่ในเวลานี้ ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาทั้งตัวบุคคลและตำแหน่งล้วนมีความสำคัญทั้งคนใหม่และคนที่เคยอยู่เดิม นั่นคือ ผู้อำนวยการสำนักพุทธฯทำหน้าที่เป็นเหมือน "เลขาฯของมหาเถรสมาคม" คอยทำหน้าที่ "ชงเรื่อง" และถอนเรื่อง นี่แหละจึงเป็นคำตอบว่าทำไมถึงสำคัญ และทำไมถึงต้องเปลี่ยนแปลง

ที่ต้องเปลี่ยนแปลงก็ต้องหมายความว่า เพื่อให้ทุกอย่างเดินหน้าด้วยความรวดเร็ว ทั้งภารกิจเก่าและภารกิจใหม่ เป็นเพราะคนเก่าคือ พนม ศรศิลป์ "ไม่เวิร์ก" ทำงานช้า หรือไม่ทำงานตามที่มอบหมายอย่างเต็มที่ หรือเป็นเพราะ พนม เป็น "หนึ่งในเครือข่ายของธัมมชโย" ดังที่มีเสียงวิจารณ์กันหนาหูหรือไม่

ขณะเดียวกัน ภารกิจสำคัญในฐานะผู้อำนวยการ พศ. ก็ต้องทำหน้าที่เป็นเลขาฯในที่ประชุมมหาเถรสมาคมที่มีสมเด็จพระสังฆราชเป็นประธานอีกด้วย นี่แหละถือว่าสำคัญ หากจะ"ชงเรื่องสำคัญ" เข้าที่ประชุม ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงโดยให้คนใหม่ที่มาจากกรมสอบสวนคดีพิเศษเข้ามาทำหน้าที่แทน ก็ต้องบอกว่าน่าจับตายิ่งนัก หากจะจัดการกับ ธัมมชโย และวัดพระธรรมกาย และน่าจับตาตรงที่วิธีการที่จะใช้ "องค์กรปกครองทางสงฆ์" เข้ามาจัดการอย่างเหมาะสม และประสานกันกับฝ่ายบ้านเมือง ซึ่งในอนาคตอันใกล้อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้นซ้ำซ้อนตามมาอีกก็ได้ !!
กำลังโหลดความคิดเห็น