7โจรใต้อาวุธครบมือดักจับเจ้าหน้าที่อบต. ก่อนบุกเผาที่ทำการ อบต.โฆษิต อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส พร้อมฉกรถกระบะทำคาร์บอมบ์ซุกถังแก๊สหนัก 120 กิโล หวังขยายแนวป่วนซ้ำ แต่ต้องชะงักหลังเจอด่านตรวจต้องจอดรถทิ้งไว้ที่อำเภอสุไหงปาดี ก่อนที่สิบตำรวจตรีตรวจพบพร้อมแจ้งเจ้าหน้าที่เก็บกู้เข้ายิงทำลาย คาดเตรียมก่อเหตุย่านชุมชนต่อไป
วานนี้ (26 ก.พ.60) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดเหตุคนร้าย จำนวน 7 คน แต่งกายเลียบแบบทหารพร้อมอาวุธปืนครบมือ บุกจับกุมตัว นายสะกะรียา อาแว อายุ 36 ปี นักการภารโรง , นายมูฮัมหมัดฮัสฮา กาแจ อายุ 35 ปี และนายอับดุลเลาะห์ เจ๊ะฮะ อายุ 31 ปี 2 เจ้าหน้าที่ประจำรถกู้ชีพ อบต.โฆษิต บริเวณหน้าทางเข้าอาคาที่ทำการ อบต.โฆษิต อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส แล้วกระจายกำลังกันลอบวางเพลิงอาคารและรถกู้ชีพ ซึ่งจอดอยู่ภายในโรงรถด้านหลังของอาคารได้รับความเสียหาย
นอกจากนี้ ก่อนหลบหนีคนร้ายได้ขโมยรถยนต์กระบะ ยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นไทรทัน สีเทา ทะเบียน กค 8906 นราธิวาส หลบหนีไป
ทั้่งนี้ภายหลังเกิดเหตุ พ.ต.อ.พชรพล ณ นคร ผกก.สภ.ตากใบ จ.นราธิวาส พร้อมด้วย พ.ต.ท.ประจวบ นิ่มเรือง หน.ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด นปพ.จ.นราธิวาส , เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารจำนวนหนึ่ง รุดเดินทางไปยังอาคารที่ทำการ อบต.โฆษิต ซึ่งตั้งอยู่ ม.4 ต.โฆษิต
อย่างไรก็ตามภายหลังลงพื้นที่มีรายงานว่า เจ้าหน้าไม่สามารถเข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุได้เนื่องจากเกรงว่าเป็นแผนลวงสังหารของคนร้าย และจากการสอบสวน นายสะกะรียา อาแว นักการภารโรง อบต.โฆษิต ทราบว่า หลังจากที่ตนขี่รถ จยย.กลับจากละหมาดในช่วงเวลา 21.30 น.ของคืนวันที่ 25 ก.พ.60 เพื่อมาเข้าเวร ได้พบคนร้าย จำนวน 7 คน มาดักเฝ้าที่รั้วประตูทางเข้า ในมือถืออาวุธปืนยาว ตนคิดว่าเป็นเจ้าหน้าที่ทหาร เมื่อโบกมือเรียกตนๆ จึงได้จอดรถ จึงถูกกลุ่มคนร้ายใช้ปืนจ่อข่มขู่ให้อยู่ในความสงบ หลังจากนั้นประมาณ 10 นาที 2 เจ้าหน้าที่ประจำรถกู้ชีพของ อบต.โฆษิต ได้ขี่และซ้อนท้ายรถ จยย.กลับมาจากละหมาดเช่นกัน และถูกกลุ่มคนร้ายโบกมือเรียกให้จอดที่ประตูรั้วทางเข้า แล้วใช้ปืนจี้ข่มขู่เหมือนกับตน พร้อมบังคับให้เดินไปที่ด้านหน้าของโรงสูบน้ำ พร้อมใช้เชือกฟาง เชือกไนล่อน และผ้าเทปกาว มัดมือและปิดดวงตาทั้ง 3 คน พร้อมให้อยู่ในความสงบและจะไม่ทำร้าย จากนั้นคนร้ายได้แยกย้ายกันเผาอาคาร เผารถยนต์กู้ชีพ และได้ขโมยขับรถยนต์กระบะของสำนักงานหลบหนีไป ต่อมาประมาณ 1 ชั่วโมงให้หลัง นายสะกะรียา แก้มัดที่คนร้ายผูกไว้ และได้ช่วยแก้มัดเพื่อนอีก 2 คน แล้วพากันวิ่งมาที่รถ จยย.เพื่อเอาโทรศัพท์มือถือโทรแจ้งไปยัง นายพิทักษ์ สะแลแม กำนัน ต.โฆษิต เพื่อบอกเหตุที่เกิดขึ้น
ต่อมา นายพิทักษ์ สะแลแม กำนัน ต.โฆษิต ได้โทรแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ตากใบ เพื่อสกัดจับกลุ่มคนร้ายพร้อมรถยนต์กระบะ เกรงคนร้ายจะใช้นำไปประกอบเป็นระเบิดคาร์บอมบ์ เพื่อแฝงตัวก่อเหตุร้ายที่ใดที่หนึ่งในพื้นที่ จ.นราธิวาส จนตลอดทั้งคืนเจ้าหน้าที่ไม่สามารถพบเห็นรถยนต์กระบะดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ภายหลังเจ้าที่เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุพบว่ามีอยู่ด้วยกัน 5 จุดแต่ละจุดมีกลิ่นน้ำมันเบนซินเหม็นฟุ้ง โดยจุดที่ 1 ที่บริเวณห้องโถงซึ่งอยู่ข้างประตูทางเข้าของอาคาร พบคนร้ายนำเก้าอี้ของสำนักงานมาวางซ้อนกันและจุดไฟเผา จนฝาผนัง เพดาน กระจก ถูกเพลิงไหม้ได้รับความเสียหาย จุดที่ 2 ภายในห้องเก็บของชั้น 2 ด้านขวามือของตัวอาคาร ถูกคนร้ายวางเพลิงด้วยการนำวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ที่เก็บไว้ภายในห้องเป็นเชื้อเพลิง ทำให้วัสดุต่างๆ ได้รับความเสียหาย
ส่วนจุดที่ 3 บริเวณโรงจอดรถด้านขวามือของตัวอาคาร พบรถยนต์กระบะยี่ห้อ มิตซูบิชิ สีขาว ทะเบียน กง 6485 นราธิวาส ซึ่งเป็นรถกู้ชีพ ถูกคนร้ายลอบวางเพลิงได้รับความเสียหายทั้งคัน จุดที่ 4 ซึ่งเป็นจุดที่คนร้ายได้มัด 3 จนท.อบต.เอามารวมกัน ที่บริเวณด้านหน้าของอาคารโรงสูบน้ำ เจ้าหน้าที่พบเชือกฟาง เชือกไนล่อน เทปกาวสีน้ำเงิน และรองเท้าแตะ และจุดที่ 5 ที่บริเวณริมรั้วด้านขวามือของตัวอาคาร เจ้าหน้าที่พบแกลลอนน้ำมันพลาสติก จำนวน 3 ใบ วางอยู่ เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
**ถังแก๊สซุกรถกระบะเตรียมก่อเหตุต่อ**
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเจ้าหน้าที่จัดกำลังออกตรวจสอบเพื่อค้นหารถยนต์มิตซูบีชิ 4 ประตู ป้ายทะเบียน กค 8906 นราธิวาส โดยในวันเดียวกัน(26ก.พ.)พบรถยนต์คันดังกล่าวจอดทิ้งไว้บริเวณกองร้อย 4806 บ้านโคกสยา ม.5 ต.ปะลุรู อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส โดยเจ้าหน้าที่ประสานชุด EOD เข้ามาตรวจสอบ และยิงทำลาย เบื้องต้น พบว่าในรถคันดังกล่าวมีแกลลอนน้ำมัน พร้อมถังแก๊สซุกซ่อนอยู่ในรถ
พ.ต.อ.กองอรรถ สุวรรณขำ ผกก.สภ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส ได้รับแจ้งจาก ส.ต.ต.อับดุลฆายูม อูเซ็ง ผบ.หมู่งานป้องกันและปราบปราม สภ.สุไหงโกลก ว่า ขณะขี่รถ จยย.หลังจากออกเวรเพื่อกลับบ้านพักในพื้นที่ ต.กาวะ อ.สุไหงปาดี เมื่อผ่านจุดตรวจของเจ้าหน้าที่ทหารพรานร้อย ทพ.4806 ซึ่งตั้งอยู่บ้านโคกสยา ม.5 ต.ปะลุรู อ.สุไหงปาดี ได้พบรถยนต์กระบะ ยี่ห้อมิตซูบิชิ 4 ประตู รุ่นไทรทัน สีเทา ทะเบียน กค 8906 นราธิวาส ซึ่งถูกคนร้ายได้บุกปล้นไปจาก อบต.โฆษิต เมื่อช่วงคืนที่ผ่านมา ซึ่งตลอดทั้งคืนในช่วงเข้าเวรได้ขี่รถยนต์สายตรวจตระเวนหาแต่ไม่พบ ซึ่งจอดอยู่ริมถนนข้างฐานปฏิบัติการณ์ย่อยของ กองร้อนทหารพรานที่ 4806
พ.ต.ท.ประจวบ นิ่มเรือง หน.ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด นปพ.จ.นราธิวาส กล่าวว่า เมื่อรับแจ้งเหตุจึงได้เดินทางมาตรวจสอบ เมื่อถึงที่เกิดเหตุจึงได้เปิดเครื่องรบกวนสัญญาณจากโทรศัพท์มือถือและวิทยุสื่อสาร ก่อนที่จะใช้เครื่องแรงดันน้ำพลังสูงในการยิงทำลายกระจก พร้อมทั้งใช้หุ่นยนต์ในการให้เปิดประตูรถออกมา และใช้หุ่นยนต์ตัดสายไฟฟ้าและหนีบวงจรของระเบิดออกมาจากรถยนต์ หลังจากนั้นใช้เชือกมัดและดึงถังแก๊สทั้ง 2 ถัง ซึ่งลูกแรกมีน้ำหนัก 66 กก.ลูกที่ 2 มีน้ำหนัก 63 กก.ออกมาจากรถไว้บนถนน เมื่อปลอดภัยแล้วเจ้าหน้าที่จึงเดินไปหยิบแกลลอนน้ำมันเบนซิลที่วางไว้ที่พักเท้าของเลาะหลัง จำนวน 4 ถัง ออกมาด้วยเช่นกัน ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะยิงทำลายวงจรจุดชนวนระเบิดที่ต่อกับวิทยุสื่อสาร
ส่วนรถยนต์กระบะคันดังกล่าวหลังจากที่กลุ่มคนร้ายบุกปล้นมาจาก อบต.โฆษิต อ.ตากใบ คนร้ายได้ขับไปนำระเบิดน้ำหนักกว่า 120 กก.ซุกซ่อนไว้ที่เบาะหลัง จากนั้นได้ขับมาตามถนนในหมู่บ้านลัดเลาะมาจากพื้นที่ อ.ตากใบ สู่ อ.สุไหงปาดี โดยมีเป้าหมายจะลักลอบแฝงตัวขับรถยนต์คาร์บอมบ์คันดังกล่าวไปก่อเหตุในพื้นที่เขตเทศบาลเมืองสุไหงโกลก แต่พบเจ้าหน้าที่ทหารพรานตั้งจุดตรวจหน้าฐาน คนร้ายจึงตัดสินใจจอดรถยนต์กระบะทิ้งไว้ แล้วอาศัยความมืดหลบหนีไป
แต่ถึงอย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส ได้เก็บรวบรวมลายนิ้วมือแฝงที่ติดไว้บริเวณต่างๆ ภายในรถ รวมไปถึงนิ้วมือแฝงที่ติดกับระเบิดแสวงเครื่อง เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับที่เกิดเหตุ อบต.โฆษิต และแฟ้มประวัติบุคคลที่ก่อเหตุคดีความมั่นคง ว่าเป็นคนร้ายกลุ่มเดียวกันหรือไม่ เพื่อง่ายต่อการสืบสวนสอบสวนในการติดตามจับกุมมาดำเนินคดีต่อไป
ด้าน พ.อ.สถิรพงษ์ อาจหาญ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 48 กล่าวว่า รถยนต์คันดังกล่าวมาจอดทิ้งไว้ใกล้กับด่านตรวจ 4806 ซึ่งคาดน่าจะไม่กล้าขับผ่านด่านเนื่องจากเจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบเข้ม จึงจอดทิ้ง อย่างไรก็ตาม หลังจากคนร้ายจอดรถทิ้งไว้ทางเจ้าหน้าที่ทหารพรานที่ 48 สนธิกำลังปิดล้อมตรวจค้นในพื้นที่ดังกล่าว เนื่องจากคาดว่ากลุ่มคนร้ายที่ขับรถมาน่าจะยังหลบซ่อนตัวในพื้นที่ ส่วนการประกอบระเบิดครั้งนี้คาดว่าน่าจะต้องการไปก่อเหตุป่วนในย่านชุมชน ทั้งเขตอำเภอแว้ง อำเภอสุไหงโก-ลก ซึ่งเจ้าหน้าที่จะต้องเฝ้าระวังอย่างเข้มงวดต่อไป
วานนี้ (26 ก.พ.60) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดเหตุคนร้าย จำนวน 7 คน แต่งกายเลียบแบบทหารพร้อมอาวุธปืนครบมือ บุกจับกุมตัว นายสะกะรียา อาแว อายุ 36 ปี นักการภารโรง , นายมูฮัมหมัดฮัสฮา กาแจ อายุ 35 ปี และนายอับดุลเลาะห์ เจ๊ะฮะ อายุ 31 ปี 2 เจ้าหน้าที่ประจำรถกู้ชีพ อบต.โฆษิต บริเวณหน้าทางเข้าอาคาที่ทำการ อบต.โฆษิต อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส แล้วกระจายกำลังกันลอบวางเพลิงอาคารและรถกู้ชีพ ซึ่งจอดอยู่ภายในโรงรถด้านหลังของอาคารได้รับความเสียหาย
นอกจากนี้ ก่อนหลบหนีคนร้ายได้ขโมยรถยนต์กระบะ ยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นไทรทัน สีเทา ทะเบียน กค 8906 นราธิวาส หลบหนีไป
ทั้่งนี้ภายหลังเกิดเหตุ พ.ต.อ.พชรพล ณ นคร ผกก.สภ.ตากใบ จ.นราธิวาส พร้อมด้วย พ.ต.ท.ประจวบ นิ่มเรือง หน.ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด นปพ.จ.นราธิวาส , เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารจำนวนหนึ่ง รุดเดินทางไปยังอาคารที่ทำการ อบต.โฆษิต ซึ่งตั้งอยู่ ม.4 ต.โฆษิต
อย่างไรก็ตามภายหลังลงพื้นที่มีรายงานว่า เจ้าหน้าไม่สามารถเข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุได้เนื่องจากเกรงว่าเป็นแผนลวงสังหารของคนร้าย และจากการสอบสวน นายสะกะรียา อาแว นักการภารโรง อบต.โฆษิต ทราบว่า หลังจากที่ตนขี่รถ จยย.กลับจากละหมาดในช่วงเวลา 21.30 น.ของคืนวันที่ 25 ก.พ.60 เพื่อมาเข้าเวร ได้พบคนร้าย จำนวน 7 คน มาดักเฝ้าที่รั้วประตูทางเข้า ในมือถืออาวุธปืนยาว ตนคิดว่าเป็นเจ้าหน้าที่ทหาร เมื่อโบกมือเรียกตนๆ จึงได้จอดรถ จึงถูกกลุ่มคนร้ายใช้ปืนจ่อข่มขู่ให้อยู่ในความสงบ หลังจากนั้นประมาณ 10 นาที 2 เจ้าหน้าที่ประจำรถกู้ชีพของ อบต.โฆษิต ได้ขี่และซ้อนท้ายรถ จยย.กลับมาจากละหมาดเช่นกัน และถูกกลุ่มคนร้ายโบกมือเรียกให้จอดที่ประตูรั้วทางเข้า แล้วใช้ปืนจี้ข่มขู่เหมือนกับตน พร้อมบังคับให้เดินไปที่ด้านหน้าของโรงสูบน้ำ พร้อมใช้เชือกฟาง เชือกไนล่อน และผ้าเทปกาว มัดมือและปิดดวงตาทั้ง 3 คน พร้อมให้อยู่ในความสงบและจะไม่ทำร้าย จากนั้นคนร้ายได้แยกย้ายกันเผาอาคาร เผารถยนต์กู้ชีพ และได้ขโมยขับรถยนต์กระบะของสำนักงานหลบหนีไป ต่อมาประมาณ 1 ชั่วโมงให้หลัง นายสะกะรียา แก้มัดที่คนร้ายผูกไว้ และได้ช่วยแก้มัดเพื่อนอีก 2 คน แล้วพากันวิ่งมาที่รถ จยย.เพื่อเอาโทรศัพท์มือถือโทรแจ้งไปยัง นายพิทักษ์ สะแลแม กำนัน ต.โฆษิต เพื่อบอกเหตุที่เกิดขึ้น
ต่อมา นายพิทักษ์ สะแลแม กำนัน ต.โฆษิต ได้โทรแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ตากใบ เพื่อสกัดจับกลุ่มคนร้ายพร้อมรถยนต์กระบะ เกรงคนร้ายจะใช้นำไปประกอบเป็นระเบิดคาร์บอมบ์ เพื่อแฝงตัวก่อเหตุร้ายที่ใดที่หนึ่งในพื้นที่ จ.นราธิวาส จนตลอดทั้งคืนเจ้าหน้าที่ไม่สามารถพบเห็นรถยนต์กระบะดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ภายหลังเจ้าที่เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุพบว่ามีอยู่ด้วยกัน 5 จุดแต่ละจุดมีกลิ่นน้ำมันเบนซินเหม็นฟุ้ง โดยจุดที่ 1 ที่บริเวณห้องโถงซึ่งอยู่ข้างประตูทางเข้าของอาคาร พบคนร้ายนำเก้าอี้ของสำนักงานมาวางซ้อนกันและจุดไฟเผา จนฝาผนัง เพดาน กระจก ถูกเพลิงไหม้ได้รับความเสียหาย จุดที่ 2 ภายในห้องเก็บของชั้น 2 ด้านขวามือของตัวอาคาร ถูกคนร้ายวางเพลิงด้วยการนำวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ที่เก็บไว้ภายในห้องเป็นเชื้อเพลิง ทำให้วัสดุต่างๆ ได้รับความเสียหาย
ส่วนจุดที่ 3 บริเวณโรงจอดรถด้านขวามือของตัวอาคาร พบรถยนต์กระบะยี่ห้อ มิตซูบิชิ สีขาว ทะเบียน กง 6485 นราธิวาส ซึ่งเป็นรถกู้ชีพ ถูกคนร้ายลอบวางเพลิงได้รับความเสียหายทั้งคัน จุดที่ 4 ซึ่งเป็นจุดที่คนร้ายได้มัด 3 จนท.อบต.เอามารวมกัน ที่บริเวณด้านหน้าของอาคารโรงสูบน้ำ เจ้าหน้าที่พบเชือกฟาง เชือกไนล่อน เทปกาวสีน้ำเงิน และรองเท้าแตะ และจุดที่ 5 ที่บริเวณริมรั้วด้านขวามือของตัวอาคาร เจ้าหน้าที่พบแกลลอนน้ำมันพลาสติก จำนวน 3 ใบ วางอยู่ เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
**ถังแก๊สซุกรถกระบะเตรียมก่อเหตุต่อ**
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเจ้าหน้าที่จัดกำลังออกตรวจสอบเพื่อค้นหารถยนต์มิตซูบีชิ 4 ประตู ป้ายทะเบียน กค 8906 นราธิวาส โดยในวันเดียวกัน(26ก.พ.)พบรถยนต์คันดังกล่าวจอดทิ้งไว้บริเวณกองร้อย 4806 บ้านโคกสยา ม.5 ต.ปะลุรู อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส โดยเจ้าหน้าที่ประสานชุด EOD เข้ามาตรวจสอบ และยิงทำลาย เบื้องต้น พบว่าในรถคันดังกล่าวมีแกลลอนน้ำมัน พร้อมถังแก๊สซุกซ่อนอยู่ในรถ
พ.ต.อ.กองอรรถ สุวรรณขำ ผกก.สภ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส ได้รับแจ้งจาก ส.ต.ต.อับดุลฆายูม อูเซ็ง ผบ.หมู่งานป้องกันและปราบปราม สภ.สุไหงโกลก ว่า ขณะขี่รถ จยย.หลังจากออกเวรเพื่อกลับบ้านพักในพื้นที่ ต.กาวะ อ.สุไหงปาดี เมื่อผ่านจุดตรวจของเจ้าหน้าที่ทหารพรานร้อย ทพ.4806 ซึ่งตั้งอยู่บ้านโคกสยา ม.5 ต.ปะลุรู อ.สุไหงปาดี ได้พบรถยนต์กระบะ ยี่ห้อมิตซูบิชิ 4 ประตู รุ่นไทรทัน สีเทา ทะเบียน กค 8906 นราธิวาส ซึ่งถูกคนร้ายได้บุกปล้นไปจาก อบต.โฆษิต เมื่อช่วงคืนที่ผ่านมา ซึ่งตลอดทั้งคืนในช่วงเข้าเวรได้ขี่รถยนต์สายตรวจตระเวนหาแต่ไม่พบ ซึ่งจอดอยู่ริมถนนข้างฐานปฏิบัติการณ์ย่อยของ กองร้อนทหารพรานที่ 4806
พ.ต.ท.ประจวบ นิ่มเรือง หน.ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด นปพ.จ.นราธิวาส กล่าวว่า เมื่อรับแจ้งเหตุจึงได้เดินทางมาตรวจสอบ เมื่อถึงที่เกิดเหตุจึงได้เปิดเครื่องรบกวนสัญญาณจากโทรศัพท์มือถือและวิทยุสื่อสาร ก่อนที่จะใช้เครื่องแรงดันน้ำพลังสูงในการยิงทำลายกระจก พร้อมทั้งใช้หุ่นยนต์ในการให้เปิดประตูรถออกมา และใช้หุ่นยนต์ตัดสายไฟฟ้าและหนีบวงจรของระเบิดออกมาจากรถยนต์ หลังจากนั้นใช้เชือกมัดและดึงถังแก๊สทั้ง 2 ถัง ซึ่งลูกแรกมีน้ำหนัก 66 กก.ลูกที่ 2 มีน้ำหนัก 63 กก.ออกมาจากรถไว้บนถนน เมื่อปลอดภัยแล้วเจ้าหน้าที่จึงเดินไปหยิบแกลลอนน้ำมันเบนซิลที่วางไว้ที่พักเท้าของเลาะหลัง จำนวน 4 ถัง ออกมาด้วยเช่นกัน ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะยิงทำลายวงจรจุดชนวนระเบิดที่ต่อกับวิทยุสื่อสาร
ส่วนรถยนต์กระบะคันดังกล่าวหลังจากที่กลุ่มคนร้ายบุกปล้นมาจาก อบต.โฆษิต อ.ตากใบ คนร้ายได้ขับไปนำระเบิดน้ำหนักกว่า 120 กก.ซุกซ่อนไว้ที่เบาะหลัง จากนั้นได้ขับมาตามถนนในหมู่บ้านลัดเลาะมาจากพื้นที่ อ.ตากใบ สู่ อ.สุไหงปาดี โดยมีเป้าหมายจะลักลอบแฝงตัวขับรถยนต์คาร์บอมบ์คันดังกล่าวไปก่อเหตุในพื้นที่เขตเทศบาลเมืองสุไหงโกลก แต่พบเจ้าหน้าที่ทหารพรานตั้งจุดตรวจหน้าฐาน คนร้ายจึงตัดสินใจจอดรถยนต์กระบะทิ้งไว้ แล้วอาศัยความมืดหลบหนีไป
แต่ถึงอย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส ได้เก็บรวบรวมลายนิ้วมือแฝงที่ติดไว้บริเวณต่างๆ ภายในรถ รวมไปถึงนิ้วมือแฝงที่ติดกับระเบิดแสวงเครื่อง เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับที่เกิดเหตุ อบต.โฆษิต และแฟ้มประวัติบุคคลที่ก่อเหตุคดีความมั่นคง ว่าเป็นคนร้ายกลุ่มเดียวกันหรือไม่ เพื่อง่ายต่อการสืบสวนสอบสวนในการติดตามจับกุมมาดำเนินคดีต่อไป
ด้าน พ.อ.สถิรพงษ์ อาจหาญ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 48 กล่าวว่า รถยนต์คันดังกล่าวมาจอดทิ้งไว้ใกล้กับด่านตรวจ 4806 ซึ่งคาดน่าจะไม่กล้าขับผ่านด่านเนื่องจากเจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบเข้ม จึงจอดทิ้ง อย่างไรก็ตาม หลังจากคนร้ายจอดรถทิ้งไว้ทางเจ้าหน้าที่ทหารพรานที่ 48 สนธิกำลังปิดล้อมตรวจค้นในพื้นที่ดังกล่าว เนื่องจากคาดว่ากลุ่มคนร้ายที่ขับรถมาน่าจะยังหลบซ่อนตัวในพื้นที่ ส่วนการประกอบระเบิดครั้งนี้คาดว่าน่าจะต้องการไปก่อเหตุป่วนในย่านชุมชน ทั้งเขตอำเภอแว้ง อำเภอสุไหงโก-ลก ซึ่งเจ้าหน้าที่จะต้องเฝ้าระวังอย่างเข้มงวดต่อไป