ป้อมพระอาทิตย์
โดย โสภณ องค์การณ์
นานกว่าสัปดาห์แล้ว ชาวบ้านได้เห็นความพยายามของเจ้าหน้าที่หน่วยงานรัฐในการเข้าตรวจค้นหาตัวเจ้าสำนักชิตังเมขาดำเร้นกายอยู่ในอาณาจักรกว้างใหญ่ถึง 4 พันไร่ เป็นการลงทุนในคอมเพลกซ์ด้วยเงินหลายแสนล้านบาท มีเครือข่ายอิทธิพลพร้อมสาขาทั่วโลก
ไม่ง่ายจริงๆ ในการที่จะใช้ทั้งอำนาจกฎหมายและกำลังคนเข้าไปตรวจค้นทุกจุด ในแต่ละอาคารใหญ่โตมีความสลับซับซ้อน ไม่ต่างจากป้อมค่ายกองทัพ มีระบบป้องกันรักษาความปลอดภัยดีที่สุด ความสะดวกสบายสำหรับเจ้าสำนัก ผู้บริหารระดับสูงเท่าที่เงินซื้อได้
เงินไม่ใช้จ้างผีโม่แป้งได้เท่านั้น ยังปรนเปรอบำเรอความสุขทุกระดับให้พวกแกนนำนักบวชนิกายชิตังเมขาดำ นอกจากห้องหับโอฬารโอ่อ่าติดอันดับแขกสร้างฮาเร็มแล้ว ยังมีบริการสปา นวดแผนโบราณ นวดไทย อาจไปไกลถึงนวดแผนอนาคตด้วยก็เป็นได้
จะอย่างไรก็ตาม อาณาจักรแห่งนี้ไม่ได้เป็นวัดพุทธอย่างที่ควรจะเป็น เนื่องด้วยพฤติกรรม แนวปฏิบัติ คำสอน ซึ่งจัดอยู่ในขั้น “นอกรีต” เน้นการใช้ความร่ำรวยทำบุญ ขายสวรรค์เลี่ยงนรก แบ่งแยกชนชั้นตามฐานะการทำบุญ มีอำนาจอิทธิพลน่าเกรงขาม
เมื่อได้แสดงออกให้เห็นพฤติกรรมแข็งขืนต่อกฎหมายและอำนาจรัฐ สำนักชิตังเมขาดำไม่ใช่สำนักสงฆ์ น่าจะเป็นองค์กรอาชญากรรม เป็นรัฐอิสระ ไม่ยอมรับกฎหมาย คำสั่งศาล หมายต่างๆ โดยตำรวจและศาล เข้าข่ายพฤติกรรมของกบฏผีบุญ 4.0 ด้วยซ้ำ
แต่กบฏผีบุญยุคใหม่มีความทันสมัยมากกว่ายุคเดิม เหมือนกันตรงมุ่งเน้นการสร้างความงมงายให้สาวก มีเครือข่ายอันเข้มแข็งของสมุนเชื่อมโยงกับพวกเสื้อแดงเผาบ้านเผาเมือง มีผลประโยชน์ร่วมกันโดยเฉพาะการใช้มวลชนเคลื่อนไหวให้บรรลุเป้าหมาย
ได้เห็นความยากลำบากของเจ้าหน้าที่ในการจัดการแรงต้านในสำนักชิตังเมขาดำแล้วไม่น่าแปลกใจ งานนี้ยากกว่าการจัดการกับกลุ่มก่อการร้ายเสื้อแดงเยอะ เป็นการรวมกลุ่มกันระหว่างนักบวชโล้นห่มเหลือง สาวกชิตังเม รปภ. และเครือข่ายคนเสื้อแดง
ลำพังสาวกสตรี คนชรา มีแบ็คเป็นนักบวชโล้นห่มเหลืองแข็งขืนก็ยังเต็มกลืน ขบวนการผีบุญยังใช้พวกนี้ รวมทั้งเณรเป็นโล่มนุษย์ ขวางกั้นการรุกคืบหน้าของเจ้าหน้าที่ซึ่งหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรงจัดการ ทำให้ขบวนการผีบุญเหิมเกริมหนักข้อกว่าเดิม
ต้องเข้าใจว่าขบวนการผีบุญอยู่ในสภาวะหลังชนฝา ไม่มีอะไรจะเสียไปมากกว่านี้อีกแล้ว นั่นคือบั้นปลายของการต่อต้านอำนาจรัฐคือการล่มสลายของอาณาจักรชิตังเม ไม่มีทางเป็นอื่น นี่เป็นเดิมพันมีราคมสำหรับอนาคตประเทศไทยและอำนาจรัฐบาล
ที่ผ่านมาสำนักชิตังเมได้ละเมิดกฎหมายสารพัด มากกว่า 300 คดีแล้ว ที่ร้ายแรงคือตัวเจ้าสำนักซึ่งเป็นผู้ต้องหาคดีฟอกเงิน รับของโจร และบุกรุกที่ดินสาธารณะหลายแห่ง หมายเรียก หมายจับไร้ปัญหาสำหรับชิตังเม เพราะไม่มีเจตนายอมให้จับกุมตัวอยู่แล้ว
วิธีการพูดจาหว่านล้อมเอาทรัพย์สิน เงินทองจากสาวกโดยตรง และต่อท่อตรงให้เงินไหลผ่านมาจากสหกรณ์ โดยกล่าวอ้างว่ามีความมั่นคงยั่งยืนจนเกิดความเสียหายกว่า 1 หมื่นล้านบาทนั้น ถือว่าเป็นอาชญากรรมร้ายแรง ต้องถูกยึดทรัพย์สิน มีโทษอาญา
ถ้าสำนักชิตังเมขาดำอยู่รอดได้ คงสภาพของการเป็นสำนักสงฆ์อย่างมั่นคง รัฐบาลคุณท่านไม่น่าจะอยู่ได้ถ้ามีความล้มเหลวเป็นตัวประจานว่าทั้งกระบวนการทางกฎหมายแบบปกติและอำนาจพิเศษมาตรา 44 ไม่สามารถจัดการกับรัฐอิสระของผีบุญชิตังเมได้
เจ้าหน้าที่ของรัฐได้ออกหมายเรียกเจ้าสำนักชิตังเมและแกนนำรวม 14 ราย ปรากฏว่าไร้ผล พวกนี้นอกจากไม่ปฏิบัติตาม เข้าพบเจ้าหน้าที่แล้ว ยังปักหลักเล่นเกมซ่อนกล ปลุกระดมให้สมุน สาวก รวมทั้งมวลชนเสื้อแดงในจังหวัดใกล้เคียงเข้ามาร่วมขบวนการ
ประกาศคำเรียกร้องให้รัฐบาลคุณท่านยกเลิกการใช้อำนาจมาตรา 44 ในการจัดการขบวนการชิตังเม เพิกถอนกำลังออกไปจากสำนัก ที่ร้ายกว่านี้คือการออกโฆษณาชวนเชื่ออย่างต่อเนื่องว่าการสั่งเจ้าหน้าที่บุกสำนักชิตังเมขาดำเป็นการทำลายพระพุทธศาสนา
แบบนี้ไม่ใช่ลีลามุสาวาทธรรมดาแล้ว แต่เป็นลีลาปลิ้นปล้อน ลวงโลก โฆษณาชวนเชื่อโดยนักบวชโล้นห่มเหลืองซึ่งปฏิเสธอำนาจรัฐ ไม่แยแสต่ออำนาจตุลาการทุกอย่าง
ยังมีดรามาอารยะขัดขืนโดยให้นักบวชโล้นห่มเหลือง 7 รูปอดอาการกดดันรัฐบาล โชว์ตัวให้กล้องทีวีถ่ายภาพ ลีลาท่าทาง น้ำเสียงเจื้อยแจ้วแสดงให้เห็นความไม่แยแสต่ออำนาจรัฐ เป็นการท้าทายกฎหมายอย่างชัดเจน เป็นการดิ้นรนโดยหวังเดิมพันสูง
ยิ่งมีท่านเหลี่ยมร้ายมาป้วนเปี้ยนในประเทศเพื่อนบ้านไม่นานมานี้ ยิ่งน่าสงสัยว่าจะมีการส่งสัญญาณเพื่อป่วนรัฐบาล เพราะเจ้าสำนักชิตังเมและเหลี่ยมร้ายก็เป็นทีต้องการตัวโดยกฎหมาย ที่ผ่านมามีความสัมพันธ์ในรูปแบบการช่วยเหลือเกื้อกูลโดยตลอด
เจ้าหน้าที่ของรัฐจะกล้าลุยมั้ย? น่าคิด ถ้ากล้าคงตัดสินใจลุยแล้ว นั่นเป็นเพราะมีความเกรงกลัวการบานปลาย พวกสำนักชิตังเมพร้อมเผชิญหน้าในลักษณะแตกหักเพื่อต้องการโพนทะนาให้ต่างชาติได้รับรู้ว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐกำลังย่ำยีพระพุทธศาสนารุนแรง
สมุนชิตังเมในเครื่องนุ่งห่มทุกแบบน่าจะชอบให้เกิดการปะทะด้วยกำลัง จะได้ไปเรียกร้องให้สำนักงานสหประชาชาติเพื่อให้จัดการ รัฐบาลก็รู้แกว แต่ยังหาทางออกไม่ได้
เหลี่ยมร้ายได้เรียกสมุนให้ไปดูใบเช่นกัน น่าจะเป็นการวางแผนตีตื้นจากความตกต่ำ นำมาโดยฉวยโอกาส เจ้าหน้าที่ลำบากในการจัดการบุรุษโล้นและสาวกอยู่แล้ว แถมยังมีกลุ่มมวลชนเสื้อแดงขอเข้ามาร่วมแจมด้วย อาจมีทุนหนุนหลังเพื่อความยืดเยื้อ
การไม่เคารพกฎหมายด้วยข้ออ้างน่าหัวร่อทำให้รัฐบาลต้องตัดสินว่าจะปล่อยให้ย่ำยี กฎหมายหรือไม่ วงการต่อรองเชื่อว่าเกมนี้ไม่น่าจะจบในเร็ววัน ถ้าฝ่ายรัฐไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรง สมุนชิตังเมขาดำยังหวังว่าที่พึ่งสุดท้ายคือยูเอ็นและองค์กรสากลต่างๆ
มวลชนเสื้อแดงและม็อบเหลืองขมิ้นจึงเป็นกลุ่มพลังไม่ธรรมดา กฎหมายควบคุมการชุมนุมยังทำอะไรไม่ได้ง่ายเหมือนตอนจัดการม็อบไม่เอาถ่านหินหน้าทำเนียบ
บรรยากาศแดงผยองยุคปี 2552-53 จะหวนคืนกลับมามั้ย เพราะมีทุนใหญ่จากเหลี่ยมและเหลืองขาดำมาจ่ายไม่อั้นเพื่อหวังฟลุก ก่อหวอด สร้างกระแสล้มรัฐบาลคุณท่านได้
โดย โสภณ องค์การณ์
นานกว่าสัปดาห์แล้ว ชาวบ้านได้เห็นความพยายามของเจ้าหน้าที่หน่วยงานรัฐในการเข้าตรวจค้นหาตัวเจ้าสำนักชิตังเมขาดำเร้นกายอยู่ในอาณาจักรกว้างใหญ่ถึง 4 พันไร่ เป็นการลงทุนในคอมเพลกซ์ด้วยเงินหลายแสนล้านบาท มีเครือข่ายอิทธิพลพร้อมสาขาทั่วโลก
ไม่ง่ายจริงๆ ในการที่จะใช้ทั้งอำนาจกฎหมายและกำลังคนเข้าไปตรวจค้นทุกจุด ในแต่ละอาคารใหญ่โตมีความสลับซับซ้อน ไม่ต่างจากป้อมค่ายกองทัพ มีระบบป้องกันรักษาความปลอดภัยดีที่สุด ความสะดวกสบายสำหรับเจ้าสำนัก ผู้บริหารระดับสูงเท่าที่เงินซื้อได้
เงินไม่ใช้จ้างผีโม่แป้งได้เท่านั้น ยังปรนเปรอบำเรอความสุขทุกระดับให้พวกแกนนำนักบวชนิกายชิตังเมขาดำ นอกจากห้องหับโอฬารโอ่อ่าติดอันดับแขกสร้างฮาเร็มแล้ว ยังมีบริการสปา นวดแผนโบราณ นวดไทย อาจไปไกลถึงนวดแผนอนาคตด้วยก็เป็นได้
จะอย่างไรก็ตาม อาณาจักรแห่งนี้ไม่ได้เป็นวัดพุทธอย่างที่ควรจะเป็น เนื่องด้วยพฤติกรรม แนวปฏิบัติ คำสอน ซึ่งจัดอยู่ในขั้น “นอกรีต” เน้นการใช้ความร่ำรวยทำบุญ ขายสวรรค์เลี่ยงนรก แบ่งแยกชนชั้นตามฐานะการทำบุญ มีอำนาจอิทธิพลน่าเกรงขาม
เมื่อได้แสดงออกให้เห็นพฤติกรรมแข็งขืนต่อกฎหมายและอำนาจรัฐ สำนักชิตังเมขาดำไม่ใช่สำนักสงฆ์ น่าจะเป็นองค์กรอาชญากรรม เป็นรัฐอิสระ ไม่ยอมรับกฎหมาย คำสั่งศาล หมายต่างๆ โดยตำรวจและศาล เข้าข่ายพฤติกรรมของกบฏผีบุญ 4.0 ด้วยซ้ำ
แต่กบฏผีบุญยุคใหม่มีความทันสมัยมากกว่ายุคเดิม เหมือนกันตรงมุ่งเน้นการสร้างความงมงายให้สาวก มีเครือข่ายอันเข้มแข็งของสมุนเชื่อมโยงกับพวกเสื้อแดงเผาบ้านเผาเมือง มีผลประโยชน์ร่วมกันโดยเฉพาะการใช้มวลชนเคลื่อนไหวให้บรรลุเป้าหมาย
ได้เห็นความยากลำบากของเจ้าหน้าที่ในการจัดการแรงต้านในสำนักชิตังเมขาดำแล้วไม่น่าแปลกใจ งานนี้ยากกว่าการจัดการกับกลุ่มก่อการร้ายเสื้อแดงเยอะ เป็นการรวมกลุ่มกันระหว่างนักบวชโล้นห่มเหลือง สาวกชิตังเม รปภ. และเครือข่ายคนเสื้อแดง
ลำพังสาวกสตรี คนชรา มีแบ็คเป็นนักบวชโล้นห่มเหลืองแข็งขืนก็ยังเต็มกลืน ขบวนการผีบุญยังใช้พวกนี้ รวมทั้งเณรเป็นโล่มนุษย์ ขวางกั้นการรุกคืบหน้าของเจ้าหน้าที่ซึ่งหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรงจัดการ ทำให้ขบวนการผีบุญเหิมเกริมหนักข้อกว่าเดิม
ต้องเข้าใจว่าขบวนการผีบุญอยู่ในสภาวะหลังชนฝา ไม่มีอะไรจะเสียไปมากกว่านี้อีกแล้ว นั่นคือบั้นปลายของการต่อต้านอำนาจรัฐคือการล่มสลายของอาณาจักรชิตังเม ไม่มีทางเป็นอื่น นี่เป็นเดิมพันมีราคมสำหรับอนาคตประเทศไทยและอำนาจรัฐบาล
ที่ผ่านมาสำนักชิตังเมได้ละเมิดกฎหมายสารพัด มากกว่า 300 คดีแล้ว ที่ร้ายแรงคือตัวเจ้าสำนักซึ่งเป็นผู้ต้องหาคดีฟอกเงิน รับของโจร และบุกรุกที่ดินสาธารณะหลายแห่ง หมายเรียก หมายจับไร้ปัญหาสำหรับชิตังเม เพราะไม่มีเจตนายอมให้จับกุมตัวอยู่แล้ว
วิธีการพูดจาหว่านล้อมเอาทรัพย์สิน เงินทองจากสาวกโดยตรง และต่อท่อตรงให้เงินไหลผ่านมาจากสหกรณ์ โดยกล่าวอ้างว่ามีความมั่นคงยั่งยืนจนเกิดความเสียหายกว่า 1 หมื่นล้านบาทนั้น ถือว่าเป็นอาชญากรรมร้ายแรง ต้องถูกยึดทรัพย์สิน มีโทษอาญา
ถ้าสำนักชิตังเมขาดำอยู่รอดได้ คงสภาพของการเป็นสำนักสงฆ์อย่างมั่นคง รัฐบาลคุณท่านไม่น่าจะอยู่ได้ถ้ามีความล้มเหลวเป็นตัวประจานว่าทั้งกระบวนการทางกฎหมายแบบปกติและอำนาจพิเศษมาตรา 44 ไม่สามารถจัดการกับรัฐอิสระของผีบุญชิตังเมได้
เจ้าหน้าที่ของรัฐได้ออกหมายเรียกเจ้าสำนักชิตังเมและแกนนำรวม 14 ราย ปรากฏว่าไร้ผล พวกนี้นอกจากไม่ปฏิบัติตาม เข้าพบเจ้าหน้าที่แล้ว ยังปักหลักเล่นเกมซ่อนกล ปลุกระดมให้สมุน สาวก รวมทั้งมวลชนเสื้อแดงในจังหวัดใกล้เคียงเข้ามาร่วมขบวนการ
ประกาศคำเรียกร้องให้รัฐบาลคุณท่านยกเลิกการใช้อำนาจมาตรา 44 ในการจัดการขบวนการชิตังเม เพิกถอนกำลังออกไปจากสำนัก ที่ร้ายกว่านี้คือการออกโฆษณาชวนเชื่ออย่างต่อเนื่องว่าการสั่งเจ้าหน้าที่บุกสำนักชิตังเมขาดำเป็นการทำลายพระพุทธศาสนา
แบบนี้ไม่ใช่ลีลามุสาวาทธรรมดาแล้ว แต่เป็นลีลาปลิ้นปล้อน ลวงโลก โฆษณาชวนเชื่อโดยนักบวชโล้นห่มเหลืองซึ่งปฏิเสธอำนาจรัฐ ไม่แยแสต่ออำนาจตุลาการทุกอย่าง
ยังมีดรามาอารยะขัดขืนโดยให้นักบวชโล้นห่มเหลือง 7 รูปอดอาการกดดันรัฐบาล โชว์ตัวให้กล้องทีวีถ่ายภาพ ลีลาท่าทาง น้ำเสียงเจื้อยแจ้วแสดงให้เห็นความไม่แยแสต่ออำนาจรัฐ เป็นการท้าทายกฎหมายอย่างชัดเจน เป็นการดิ้นรนโดยหวังเดิมพันสูง
ยิ่งมีท่านเหลี่ยมร้ายมาป้วนเปี้ยนในประเทศเพื่อนบ้านไม่นานมานี้ ยิ่งน่าสงสัยว่าจะมีการส่งสัญญาณเพื่อป่วนรัฐบาล เพราะเจ้าสำนักชิตังเมและเหลี่ยมร้ายก็เป็นทีต้องการตัวโดยกฎหมาย ที่ผ่านมามีความสัมพันธ์ในรูปแบบการช่วยเหลือเกื้อกูลโดยตลอด
เจ้าหน้าที่ของรัฐจะกล้าลุยมั้ย? น่าคิด ถ้ากล้าคงตัดสินใจลุยแล้ว นั่นเป็นเพราะมีความเกรงกลัวการบานปลาย พวกสำนักชิตังเมพร้อมเผชิญหน้าในลักษณะแตกหักเพื่อต้องการโพนทะนาให้ต่างชาติได้รับรู้ว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐกำลังย่ำยีพระพุทธศาสนารุนแรง
สมุนชิตังเมในเครื่องนุ่งห่มทุกแบบน่าจะชอบให้เกิดการปะทะด้วยกำลัง จะได้ไปเรียกร้องให้สำนักงานสหประชาชาติเพื่อให้จัดการ รัฐบาลก็รู้แกว แต่ยังหาทางออกไม่ได้
เหลี่ยมร้ายได้เรียกสมุนให้ไปดูใบเช่นกัน น่าจะเป็นการวางแผนตีตื้นจากความตกต่ำ นำมาโดยฉวยโอกาส เจ้าหน้าที่ลำบากในการจัดการบุรุษโล้นและสาวกอยู่แล้ว แถมยังมีกลุ่มมวลชนเสื้อแดงขอเข้ามาร่วมแจมด้วย อาจมีทุนหนุนหลังเพื่อความยืดเยื้อ
การไม่เคารพกฎหมายด้วยข้ออ้างน่าหัวร่อทำให้รัฐบาลต้องตัดสินว่าจะปล่อยให้ย่ำยี กฎหมายหรือไม่ วงการต่อรองเชื่อว่าเกมนี้ไม่น่าจะจบในเร็ววัน ถ้าฝ่ายรัฐไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรง สมุนชิตังเมขาดำยังหวังว่าที่พึ่งสุดท้ายคือยูเอ็นและองค์กรสากลต่างๆ
มวลชนเสื้อแดงและม็อบเหลืองขมิ้นจึงเป็นกลุ่มพลังไม่ธรรมดา กฎหมายควบคุมการชุมนุมยังทำอะไรไม่ได้ง่ายเหมือนตอนจัดการม็อบไม่เอาถ่านหินหน้าทำเนียบ
บรรยากาศแดงผยองยุคปี 2552-53 จะหวนคืนกลับมามั้ย เพราะมีทุนใหญ่จากเหลี่ยมและเหลืองขาดำมาจ่ายไม่อั้นเพื่อหวังฟลุก ก่อหวอด สร้างกระแสล้มรัฐบาลคุณท่านได้