ผู้จัดการรายวัน 360 - “สาวกธรรมกาย” ตั้งแถวเดินชนทหารกดดันถอนกำลังประตู 1 ขณะจะเข้าค้นตึกบุญรักษา รวบ 28 สาวกจานบินสอบปากคำก่อนส่งกลับภูมิลำเนา “ประยุทธ์” ว๊ากอย่าใช้กฎหมู่เหนือกฎหมาย “ประวิตร” ลั่นล้อมเป็นปีก็ต้องอยู่จนกว่าจะล่าตัว “ธัมมชโย” ได้ “สนิทวงศ์” ยัน “ทัตตชีโว” ไม่ขวางค้นวัด อ้างล้อมธรรมกายเสียภาพเมืองท่องเที่ยว “ศรีวราห์” นำเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงาน ยึดสวนปาล์มน้ำมันรุกป่ากระบี่ ระบุชัด “นอมินีธัมมชโย” เข้าข่ายฟอกเงิน
วานนี้ (23 ก.พ.) เมื่อเวลา 06.15 น. ผู้สื่อข่าวรายงานจากบริเวณหน้าวัดพระธรรมกาย อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ได้มีเจ้าหน้าที่ทหารราว 50 นาย ตั้งแถวบริเวณ ถ.คลองหลวงฝั่งตรงข้ามวัดพระธรรมกาย โดยมีภารกิจเข้าตรวจค้นอาคารบุญรักษา บริเวณทางเข้าประตู 1 วัดพระธรรมกาย เพื่อตรวจค้นจุดต้องสงสัย แต่ได้เกิดปะทะกับกลุ่มมวลชนทั้งคณะพระสงฆ์และลูกศิษย์กว่า 500 คน ที่ตั้งแถวเผชิญหน้าเจ้าหน้าที่ทหาร และเดินเข้าประชิดผลักดันเพื่อให้เจ้าหน้าที่ทหารออกจากพื้นที่วัดโดยมีการกระทบกระทั่งกันเล็กน้อย เจ้าหน้าที่ทหารจึงได้ถอยกำลังเข้ามาประชิดประตูรั้ว และนำแผงลวดหนามและรั้วเหล็กมากันในพื้นที่ แต่คณะลูกศิษย์ยังไม่ยินยอม โดยตลอดเวลามีการประกาศผ่านเครื่องขยายเสียง ว่าพระธัมมชโยไม่อยู่ภายในวัด และเจ้าหน้าที่เคยตรวจค้นแล้วไม่พบ จะมาค้นซ้ำอีกเพื่ออะไร วันนี้ที่มวลชนรวมตัวเพราะต้องการปกป้องศาสนา ขอให้เจ้าหน้าที่ถอนกำลังพร้อมรื้อรั้วลวดหนามออกไป จากนั้นกลุ่มมวลชนเดินขบวนเรียงแถวหน้ากระดานกดดันอย่างต่อเนื่อง จนเจ้าหน้าที่ทหารตัดสินใจถอนกำลังและรื้อถอนรั้วลวดหนามออกไปจากพื้นที่วัด จากนั้นกลุ่มพระสงฆ์และลูกศิษย์ จึงได้ช่วยกันนำแผงสังกะสีมากั้นทางเข้าออกอาคารบุญรักษาและช่วยกันนำท่อปูนซีเมนต์มากั้นตลอดแนวทางเข้า พร้อมขึงสแลนรอบพื้นที่ไม่ให้มองเห็นเข้าไปด้านใน จากนั้นได้แจ้งให้สื่อมวลชนออกนอกพื้นที่ โดยระบุว่าบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่ส่วนบุคคล
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับบรรยากาศที่เต๊นท์สำหรับให้พระและศิษย์วัดพระธรรมกายนั่งสวดมนต์ทำกิจกรรมนั้น ปรากฎว่า พระสงฆ์ที่ประกาศอดอาหาร 7 รูป เมื่อวันที่ 22 ก.พ.นั้น เหลือเพียง 4 รูปเท่านั้น ขณะที่ เมื่อเวลา 07.00 น. มีศิษยานุศิษย์ออกมานั่งเรียงแถวใส่บาตรพระภิกษุสงฆ์เป็นจำนวนมาก ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร โดยเมื่อพระภิกษุสงฆ์เดินบิณฑบาตร ทางศิษยานุศิษย์ต่างเปล่งเสียง "สาธุ สาธุ สาธุ" กันอย่างพร้อมเพรียงกัน
** รวบ 28 สาวกจานบินสอบปากคำ
เมื่อเวลา 08.30 น. ที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 (บก.ตชด.ภ.1) เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญพระภิกษุสงฆ์ 6 รูป และควบคุมตัวบุคคลต้องสงสัย 22 คน จากบริเวณที่อยู่ใกล้กับอาคารบุญรักษา ประตู 4 วัดพระธรรมกาย มาทำการสอบปากคำ เนื่องจากมีพฤติการณ์ต้องสงสัยและขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่
ต่อมาเวลา 09.00 น. พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ พร้อมด้วย พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา รอง ผบช.ภ.1 พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร ผบ.สำนักคดีพิเศษภาค ดีเอสไอ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ รองโฆษก ดีเอสไอ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม เพื่อประเมินสถานการณ์และแนวทางการปฏิบัติการตรวจค้นวัดพระธรรมกาย เพื่อติดตามจับกุมพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ผู้ต้องหาตามหมายจับข้อหาสมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และรับของโจร ในคดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด พร้อมทั้งร่วมสอบปากคำพระภิกษุสงฆ์ และบุคคลต้องสงสัยที่ถูกนำตัวมาในวันนี้ด้วย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการสอบปากคำ
จนเมื่อเวลา 12.10 น.เจ้าหน้าที่ได้นำกลุ่มสาวกวัดพระธรรมกายรวม 28 คน ส่งขึ้นรถของกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) หลังจากใช้เวลาพูดคุยนานกว่า 3 ชั่วโมง โดยทั้งหมดมีความประสงค์จะเดินทางกลับภูมิลำเนา อย่างไรก็ดีก่อนเดินทางกลับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ นำกลุ่มบุคคลทั้งหมดไปแวะจุดที่นำตัวมา บริเวณประตู 4 วัดพระธรรมกายเพื่อกลับไปเอาสัมภาระ ก่อนจะพาขึ้นรถไปส่งสถานีขนส่งและบริเวณรอบนอกวัด
** นายกฯเตือน “ธรรมกาย” อย่าอยู่เหนือ กม.
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการตรวจค้นวัดพระธรรมกายเพิ่มเติมว่า ขอให้หยุดเรื่องความขัดแย้งและอย่าให้เกิดเหตุการณ์รุนแรง ไม่ว่าประชาชนหรือพระก็ต้องให้ความร่วมมือในการทำงานภายใต้กฎหมาย จึงไม่อยากให้ใช้กฎหมู่มากดดันเจ้าหน้าที่ ไม่เช่นนั้นจะทำงานยากและอาจเกิดการบาดเจ็บสูญเสีย ทั้งนี้ได้เน้นย้ำกับเจ้าหน้าที่ให้พิจารณาในการดำเนินการตามกฎหมายจากเบาไปหาหนัก ซึ่งหากเบาเกินไปก็จะยืดเยื้อ แต่หากหนักเกินไปก็จะเกิดความวุ่นวายหรือไม่ โดยให้เจ้าหน้าที่เป็นผู้ตัดสินใจ
** “บิ๊กป้อม” ลั่นเป็นปีก็ต้องจับให้ได้
ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวว่า ตอนนี้เจ้าหน้าที่ดำเนินการปิดล้อมมาแล้วกว่า 1 สัปดาห์ว่า จะกี่สัปดาห์ก็ต้องทำ ผ่านไป 1 ปีแล้วถ้าทำไม่ได้ก็ต้องทำเรื่อยๆ เราลดปัญหาไม่ให้เกิดความรุนแรง ไม่ให้เกิดการบาดเจ็บล้มตาย แต่เราจำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมาย โดยเจ้าหน้าทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง กำลังดำเนินการอยู่ เมื่อถามว่าจะดำเนินการอย่างไรไม่ให้เกิดการยั่วยุกัน
“กฎหมายต้องเป็นกฎหมายถ้าเราไม่ใช้กฎหมายก็จะทำงานต่อไปไม่ได้ และหากยังหาตัวพระธัมมชโยไม่ได้ เรื่องนี้ก็ยังไม่จบถ้าชัดเจนว่าตรวจค้นทั้งหมดแล้ว แต่ไม่เจอตัวพระธัมมชโยแน่ เราจะเปิดให้เป็นพื้นที่ของประชาชนสามารถเข้าพื้นที่วัดได้เต็มที่” พล.อ.ประวิตร กล่าว
** อ้าง "ทัตตชีโว" ไม่ห้ามค้นธรรมกาย
จนเมื่อเวลา 18.30 น. ที่บริเวณประตู 5-6 วัดพระธรรมกาย พระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส ผอ.สำนักสื่อสารองค์กรวัดพระธรรมกาย แถลงข่าว ชี้แจงถึงเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นภายในวันนี้โดยระบุว่า เมื่อเวลาประมาณ 06.00 น. ที่ผ่านมา มีเจ้าหน้าที่ทหารได้พังประตูเข้ามาในพื้นที่ทางเข้าอาคาร 60 ปี หรืออาคารบุญรักษา ทำให้กลุ่มศิษย์เกิดความกังวล เนื่องจากหน้าที่ตรวจค้นเป็นหน้าที่ของดีเอสไอ ส่วนทหารมีหน้าที่ดูแลพื้นที่รอบนอกเท่านั้น ส่วนพื้นที่ตลาดกลางคลองหลวงที่มีกลุ่มประชาชนไปปักหลักอยู่บริเวณนั้น ขณะนี้ทราบว่าเป็นกลุ่มสาธุชนที่เข้าวัดไม่ได้ส่วนหนึ่งและอีกส่วนหนึ่งเป็นญาติของพระสงฆ์สามเณร อุบาสกอุบาสิกา และประชาชนที่อยู่ในวัดมาเยี่ยมเยียนด้วยความเป็นห่วง เพราะกลัวว่าจะเกิดเหตุรุนแรง พร้อมยืนยันพระทัตตชีโว ไม่ใช่ผู้ปฏิเสธการเข้าตรวจค้นของเจ้าหน้าที่แต่เป็นความกังวลของลูกศิษย์
“ขอเรียกร้องให้ท่านผู้นำประเทศว่า คนไทยรักสงบ และพระพุทธศาสนา เป็นวัฒนธรรมประจำชาติ ซึ่งเป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวต่างชาติคาดหวังและอยากมาสัมผัส ภาพข่าวที่มีการบุกล้อมวัด การทำร้ายพระสงฆ์ เป็นภาพที่ขัดแย้งกับสิ่งที่ชาวต่างชาติที่รักประเทศไทยอยากเห็น ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อภาพลักษณ์และการท่องเที่ยวของประเท” พระสนิทวงศ์ ระบุ
** อ้าง 4 องค์กรนอกห่วงธรรมกาย
พระสนิทวงศ์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้มีองค์กรสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ จำนวน 4 องค์กร ประกอบด้วย 1. Amnesty International THAILAND ร่วมกับ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน 2. องค์กร Asian Federation Against Involuntary Disappearances (AFAD) (สหพันธ์เอเชียผู้ต่อต้านการหายตัวไปโดยไม่สมัครใจ) 3. องค์กร Global Centre for the Responsibility to Protect Research Analysis (GCR2P) 4. องค์กร Philippine Alliance of Human Rights Advocates (PAHRA) ประเทศฟิลิปปินส์ โดยองค์กรทั้งหมดได้ส่งจดหมายตอบกลับแสดงความห่วงใยมาถึงวัดพระธรรมกายว่า ขอสนับสนุนและยืนหยัดร่วมกับวัดพระธรรมกาย และกำลังเฝ้าจับตาดูตลอดเวลา เพื่อไม่ให้มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนและการใช้กำลังของเจ้าหน้าที่ทหารด้วยความห่วงใย
พระสนิทวงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงนี้รัฐบาลได้จัดตั้งคณะกรรมการปรองดองแห่งชาติ (ป.ย.ป.) ซึ่งกำลังดำเนินการด้วยดี เป็นบรรยากาศที่ดีของประเทศ อยากให้ทุกฝ่าย เข้าสู่โหมดปรองดอง แต่การที่เจ้าหน้าที่ขู่ว่าจะมีการตัดน้ำ ตัดไฟ และสัญญาณการสื่อสารนั้น ไม่ใช่วิธีของการปรองดองแต่เป็นการกดดันจากเจ้าหน้าที่ ทำให้หลายท่านมีความคิดว่าเจ้าหน้าที่มีเหตุอันใดกันแน่ที่เข้ามาภายในวัดทั้งที่ตรวจค้น 3 วัน แล้วไม่พบอะไรก็ยังไม่กลับ” พระสนิทวงศ์ กล่าว
** ยึดอีกที่ดินนอมินี “ธัมมชโย”
อีกด้าน ที่ จ.กระบี่ เมื่อเวลา 16.00 น. พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) สนธิกำลังร่วมกับทหาร และเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ตรวจสอบสวนปาล์มน้ำมันเนื้อที่ 77 ไร่ ในพื้นที่ ม.6 ต.เขาทอง อ.เมืองกระบี่ หลังได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่า มีบุคคลซึ่งเป็นนอมินีของมูลนิธิวัดพระธรรมกาย เข้ามากว้านซื้อที่ดินและนำรั้วลวดหนามมาขวางบริเวณท่าเรือประมง ส่งผลทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนกว่า 70 ครัวเรือน ไม่สามารถนำเรือออกทำประมงได้
ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ได้เข้าตรวจยึดพื้นที่และแจ้งความดำเนินคดีไว้แล้วที่ สภ.อ่าวนาง เมื่อวันที่ 9 ม.ค. 60 ต่อมามีผู้นำหลักฐานเอกสารสิทธิมาแสดง เบื้องต้นพบว่ามีการนำเอกสาร ส.ค.1 จากพื้นที่อื่นมายื่นขอเอกสารสิทธิ
นายบุญสืบ กล่าวว่า พื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าคลองกาโหรดและป่าคลองหิน มีเนื้อที่ทั้งหมดรวม 77 ไร่ 1 งาน 13 ตารางวา เป็นเอกสารสิทธิ นส.3 และ นส.3ก รวม 64 ไร่ ส่วนที่เหลืออีก 13 ไร่ ไม่มีเอกสารสิทธิ เบื้องต้นมีการประกาศยึดพื้นที่ไว้แล้ว
จากการสอบถามผู้ใหญ่บ้านทราบว่าเมื่อปี 2543 นายเพชร แก่นทรัพย์ อายุ 54 ปี ซึ่งเป็นนอมินีของมูลนิธิวัดพระธรรมกาย เข้ามากว้านซื้อจากชาวบ้านโดยใช้ชื่อบุคคลอื่นเป็นผู้ถือครองเอกสารสิทธิ นส.3ก และ นส.3 แต่หลังตรวจสอบพบว่าเอกสารสิทธิออกจาก ส.ค.1 ที่ระบุพิกัดไม่ตรงพื้นที่จริง จึงตรวจยึดพื้นที่ และวันนี้แจ้งความเพิ่มเติมและยึดต้นปาล์มน้ำมันกว่า 1,000 ต้น รวมถึงบ้านพักตากอากาศ 1 หลัง มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท ซึ่งอยู่ห่างจากจุดแรกประมาณ 5 กม. พร้อมที่ดินเนื้อที่ 2 ไร่ 1 งาน 58 ตารางวา เนื่องจากตรวจสอบพบว่า นายเพชร ได้นำ ส.ค.1 ซึ่งอยู่คนละพื้นที่ไปยื่นขอออกโฉนดกับสำนักงานที่ดิน จ.กระบี่ และอยู่ระหว่างการออกเอกสารสิทธิ ซึ่งที่ทั้ง 2 แห่งความเชื่อมโยงกัน จึงแจ้งความดำเนินคดีข้อหากระทำผิด พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 14 และ พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 54
ด้าน พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า พฤติกรรมลักษณะดังกล่าวเข้าข่ายฟอกเงิน เนื่องจากซื้อไว้เกือบ 20 ปี แต่ไม่มีการทำประโยชน์ มีเพียงต้นปาล์มที่ปลูกไว้ก่อนหน้านี้ จากการสืบสวนเชิงลึกพบว่า นายเพชร เป็นนอมินีของมูลนิธิพระธรรมกาย ที่ผ่านมาเข้ามากว้านซื้อไว้หลายแปลงในพื้นที่ จ.พังงา จ.กระบี่ และ จ.ภูเก็ต โดยใช้ชื่อนอมินีถือครอง ซึ่งได้มีการแจ้งความดำเนินคดีในหลายข้อหา และเชื่อว่ายังอยู่ในพื้นที่ ซึ่งจะได้รวบรวมพยานหลักฐานติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป อย่างไรก็ตาม มีความน่าเชื่อว่าเป็นการฟอกเงิน และผู้ซื้อก็เป็นคนใกล้ชิดกับ พระธัมมชโย ด้วย ซึ่งต้องมีการดำเนินการไปตามกฎหมาย.