xs
xsm
sm
md
lg

กระแส ‘ไม่เอาทรัมป์’ ยังแรง!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: โสภณ องค์การณ์

บ้านเรามีเรื่องวุ่นๆ ค้างคาอยู่เยอะ ทั้งเรื่องเอา ไม่เอาถ่านหิน ลัทธิธรรมกาย กฎหมายควบคุมสื่อ การปรองดอง โยงเป็นปัญหาการเมือง เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม ก็ว่ากันไปตามวิธีของการจัดการแบบไทยๆ ได้ผลมากน้อยเพียงใด คงไม่เป็นแบบสุดโต่งจนสะเด็ดน้ำ

มองดูสภาพของ “อเมริกันชาธิปไตย” ในยุคประธานาธิบดีมหาเศรษฐี โดนัลด์ ทรัมป์ ยังฝุ่นตลบไม่จาง กระแสสังคมประชาชนส่วนหนึ่งไม่ยอมรับยังแรง ไม่มีตก การเดินขบวนยังมีหลายเมืองถ้ามีประเด็นเป็นเรื่องต้องรณรงค์ต่อต้านทรัมป์ ไม่เอาทรัมป์

ว่าไปแล้วฝรั่งอเมริกันก็มีมิติของการ “ไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง” เดินขบวนต่อต้าน แม้จะรู้ว่ากระบวนการต่างๆ เพื่อเตะตัดขาทรัมป์ในทางกฎหมายนั้นหวังผลได้ยากก็ตาม

ในบรรยากาศเสรีประชาธิปไตย อเมริกันชนก็ใช้สิทธิเต็มที่ สืบต่อกระแสไม่เอาทรัมป์ ซึ่งเหมือนเป็นเวรกรรมย้อนรอยหลังจากที่ผู้นำและสมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ เคยเรียกร้องให้คนไทยยอมรับผลการเลือกตั้งในยุคที่ตัวแทนของเหลี่ยมร้ายชนะการเลือกตั้ง

ในบ้านเรามีการชุมนุมไม่เอารัฐบาลทักษิณ สมัคร สมชาย ยิ่งลักษณ์ เกิดความรุนแรงมีคนบาดเจ็บล้มตาย ก็มีเสียงจากพวกอเมริกันออกมาจากสถานทูตในกรุงเทพฯ และกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ให้เคารพผลการตัดสิน แม้จะรู้ว่าการเลือกตั้งในไทยต้องมีซื้อเสียง

“อเมริกันชาธิปไตย” จำเป็นต้องเอาประชาธิปไตยแบบไทยๆ ไปใช้ในบางมิติ วันจันทร์ที่ 20 เป็นวัน “ประธานาธิบดี” เป็นวันหยุดราชการ แต่อเมริกันชนในหลายเมืองออกมาเดินขบวนประกาศให้โลกรับรู้ว่าเป็นวัน “ไม่ใช่ประธานาธิบดีของพวกข้า”

สะท้อนให้เห็นว่ายุคของทรัมป์นั้นเป็นความแตกแยกในสังคมการเมืองสหรัฐฯ!

นอกจากนั้นยังลามไปถึงยุโรป วันก่อนประชาชนในสเปนออกมาเดินขบวนบอกว่ายินดีต้อนรับผู้ลี้ภัยจากตะวันออกกลางและแอฟริกา ซึ่งพยายามหนีภัยสงครามและปัญหาปากท้อง ย้ำอีกว่าผู้ลี้ภัยจะมาเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในยุโรป

สเปนมาช้า หลังจากหลายประเทศในยุโรปรับผู้ลี้ภัยไปจนเกินพอ หลายประเทศไม่ยอมรับด้วยซ้ำโดยเฉพาะในยุโรปตะวันออกนำโดยโปแลนด์ แม้แต่ชาวเยอรมันซึ่งใจกว้าง รับผู้ลี้ภัยเข้าไปกว่าล้านคนยังเริ่มขยาดเพราะปัญหาอาชญากรรมร้ายแรง การก่อการร้าย

แต่ในสังคมสหรัฐฯ และยุโรป การสำรวจความเป็นของประชาชนกรณีทรัมป์ห้ามคนมุสลิมจาก 7 ประเทศเข้าสหรัฐฯ นั้นมีผลออกมา 2 แนว คือมีทั้งอยากรับ และไม่อยากรับ อันที่จริงประเภทหลังอาจมากกว่า เพียงแต่ไม่กล้าบอกตรงๆ กลัวถูกกล่าวหาว่าเหยียดผิว

อย่านึกว่าฝรั่งมังค่าแดนศิวิไลซ์ในสหรัฐฯ และยุโรปไม่มีพวกมือถือสาก ปากถือศีล ไม่อย่างนั้นจะตั้งกฎในการอนุมัติวีซ่าเข้าเมืองอย่างเข้มงวด ค่าธรรมเนียมราคาแพงทำไม

ที่ผ่านมายังไม่มีผู้นำรัฐบาลสหรัฐฯ จะทำให้เกิดเหตุวุ่นวายไปเกือบทั้งโลกอย่างทรัมป์ นอกจากสร้างความแตกแยกในดินแดนสหรัฐฯ แล้ว ยังเกิดในประเทศอื่นๆ ด้วย

เมืองแม่แบบคืออังกฤษ ทุกวันนี้รัฐสภาอังกฤษยังอภิปรายในญัตติ “ควรให้ทรัมป์เข้าประเทศและกล่าวคำปราศรัยในรัฐสภาอังกฤษหรือไม่” มีถ้อยคำเผ็ดร้อน กระแหนะกระแหนสมราคาสังคมการเมืองของชาวผู้ดีซึ่งเป็นเอกในด้านการใช้คำพูดประชดเสียดสีกัน

การพูดจาแดกดันกันอย่างเจ็บแสบแบบสำนวนผู้ดีนั้น ไม่มีชาติใดเกินคนอังกฤษ ถึงขนาดมีหนังสือว่าด้วยรูปแบบของการพูดจาเสียดสี หรือ “British insults” กันเลยทีเดียว

บางครั้งรูปแบบของความแสบสันเข้าใจกันโดยเฉพาะคนอังกฤษเท่านั้น!

ส.ส.พรรคแรงงาน นายพอล ฟลินน์ พูดได้แสบมาก บอกว่าทรัมป์มีสติปัญญาเทียบชั้นกับสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำ คือพวกโปรโตซัว ไม่สมควรได้รับเกียรติให้มาพูดในรัฐสภาอังกฤษ มีทั้งคำถากถางว่าทรัมป์เป็นพวกชอบดูหมิ่นเหยียดหยามสตรี และพูดจาใช้ภาษาหยาบคาย

ส.ส.บางคนก็บอกว่า “ให้มาพูดเถอะ เขาเป็นผู้นำชาติซึ่งเป็นมิตรแน่นแฟ้นของอังกฤษนะ อย่าเอาเรื่องความประพฤติส่วนตัวมาทำให้กระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ” ไม่เคารพผู้นำสหรัฐฯ ก็ไม่ว่า แต่ต้องให้เกียรติประเทศสหรัฐฯ ในฐานะพันธมิตร

ส.ส.อีกคนประชดได้เจ็บแสบกว่า “พวกเราไม่ทำแบบนี้กับเคนเนดี ไม่ทำแบบนี้กับทรูแมน ไม่เคยทำแบบนี้กับเรแกน แต่ขอบอกว่ามาเถอะ ทรัมป์ เราอยากมีเพื่อนแบบคุณจนใจแทบขาดแล้ว” ถือว่าเป็นวาระของการมันปากโดยกลุ่มนักการเมืองปากตะไกรทีเดียว

เป็นผลของการยื่นญัตติโดยประชาชน 1.8 ล้านคนเพื่อให้รัฐสภาไม่ให้เชิญทรัมป์ แต่มี ส.ส.บางพวกเกรงว่ามติไม่เชิญทรัมป์อาจสร้างความกระอักกระอ่วนใจสำหรับพระราชินีเอลิซาเบธที่ 2 ซึ่งทรัมป์จะมาเป็นพระราชอาคันตุกะของวังบักกิ้งแฮม

แม้แต่ในเกาหลีเหนือซึ่งเป็นไม้เบื่อไม้เมากับสหรัฐฯ ตั้งแต่ยุคสงครามเกาหลี สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นขออนุญาตจากรัฐบาลเกาหลีเหนือไปสอบถามประชาชนเกาหลีเหนือว่ามีความคิดเห็นอย่างไรต่อประธานาธิบดีทรัมป์ เจ้าหน้าที่บอกว่าอาจไม่มีคนอยากพูดนะ

เมื่อไปสอบถามจริงจัง ชาวเกาหลีเหนือที่ถูกสัมภาษณ์บอกว่า รู้ว่าทรัมป์เป็นผู้นำสหรัฐฯ ต่อจากบารัค โอบามา แต่ไม่สนใจว่าใครจะเป็นผู้นำสหรัฐฯ ขออย่างเดียวอย่าตั้งป้อมเป็นศัตรูกับเกาหลีเหนือ รวมทั้งกำหนดมาตรการแซงชั่นไม่ติดต่อค้าขายกับเกาหลีเหนือ

มีบางรายบอกว่าอยากให้สหรัฐฯ และเกาหลีเหนือมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เป็นมิตรกัน ถ้าเป็นไปได้ อยากให้ผู้นำรัฐบาลของทั้ง 2 ประเทศพบปะหารือกันในการสานความสัมพันธ์ต่อกันดีกว่าการตั้งหน้าตั้งตาเป็นศัตรูกันอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้

แน่นอน ชาวเกาหลีเหนือพูดถึงผู้นำ คิม จอง อึน ว่าเป็น “ผู้นำอันยิ่งใหญ่” หรือ “ผู้นำสูงสุด” ถ้าไม่ใช้ถ้อยคำแบบนี้ และเจ้าหน้าที่ได้ยิน อาจโดนจับไปขังแบบไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันตลอดชีวิต หรืออาจไม่มีชีวิต โทษอย่างเบาคือการเอาตัวไปปรับทัศนคติ

แต่ไม่มีใครพูดโดยใช้ถ้อยคำรุนแรงเมื่อถูกถามเรื่องทรัมป์ อาจเป็นเพราะไม่อยากให้มีเรื่องกับเจ้าหน้าที่บ้านเมือง หรือถ้าพูดผิดแนว เป็นข่าวใหญ่โต ก็มีโอกาสโดนดีก็ได้

ไม่ว่าคนบ้านเราจะเบื่อเรื่องฉาวโฉ่ของทรัมป์แค่ไหน ก็จำเป็นต้องติดตามรับรู้ไว้ เพราะไทยกับสหรัฐฯ จะยังอยู่ในสถานภาพเป็นมิตรกัน ดีบ้างเฉาบ้างแล้วแต่สภาวะทางการเมืองและการยุ่มย่ามในเรื่องภายในของกันและกัน ยุคเสื้อแดงก็มีความใกล้ชิดกันมาก

ทุกวันนี้เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย กลิน เดวีส์ ยังอยู่ในตำแหน่ง เพราะไม่ได้ถูกแต่งตั้งโดยการเมือง เป็นนักการทูตอาชีพ แต่คนอื่นๆ ที่มาเพราะการเมืองโดนปลดกราวรูด ดังนั้น บทบาทของทูตสหรัฐฯ ยังต้องถูกเฝ้ามองอย่างใกล้ชิดด้วย

มีข่าวว่าได้เดินทางไปเยือนหมู่บ้านในภาคอีสานบ่อยๆ ไม่แน่ใจว่าทูตคนนี้ชอบตกปลาในน้ำขุ่นหรือไม่?
กำลังโหลดความคิดเห็น