วานนี้ (20ก.พ.) นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีต รมว.ต่างประเทศ ได้ไปที่ สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา เพื่อตรวจสอบเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับกรณีที่ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด และขอให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ลงมติถอดถอนนายสุรพงษ์เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรมว.ต่างประเทศ ได้ออกหนังสือเดินทางให้กับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯโดยมิชอบ
ทั้งนี้ นายสุรพงษ์ ยืนยันว่าระหว่างการดำรงตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศ เป็นเวลา 2 ปี 7 เดือน ไม่เคยเข้าไปใช้อำนาจก้าวก่ายงานประจำของข้าราชการกระทรวงต่างประเทศ เพราะการอออกหนังสือเดินทางนั้น ตามระเบียบกำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่โดยตรงของปลัดกระทรวง และ อธิบดีกรมการกงสุลเท่านั้น อีกทั้งกระบวนกาารไต่สวนคดีของ ป.ป.ช. ก็ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เช่น ไม่ยินยอมให้ผู้ถูกกล่าวหาได้สำเนาเอกสารหลักฐาน เพื่อชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ซึ่งในปี 59 ตนได้ยื่นหนังสือไปยังคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร แต่ปรากฏว่า มีการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการ จนทำให้ไม่มีความคืบหน้า จึงได้ขอให้ ป.ป.ช. ชะลอการไต่สวนคดีไปก่อน อย่างไรก็ตาม ที่สุดแล้ว ป.ป.ช. ยังคงเดินหน้าพิจารณาคดี และชี้มูลความผิดในที่สุด
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ตนจะต่อสู้คดีใน 3 ประการ ได้แก่ 1 . พิสูจน์ให้สังคมได้เห็นว่า ป.ป.ช. ซึ่งเป็นองค์กรที่ใช้กฎหมายชี้มูลความผิดผู้อื่นนั้น กลับไม่ยึดมั่นในกฎหมายและรธน.เสียเอง 2. ในการพิจารณาคดีนี้ คณะกรรมการป.ป.ช. ก็มีปัญหาในเรื่องการขาดคุณสมบัติการดำรงตำแหน่ง ซึ่งได้เคยยื่นเรื่องไปให้ประธานสนช. พิจารณาแล้ว 3. จะใช้เวทีของ สนช.ในการพิสูจน์ความจริง เพื่อให้สังคมได้เห็นว่า หากการพิจารณาคดีไม่เป็นไปตามกฎหมายแล้ว ความสมานฉันท์ และความปรองดอง จะเกิดขึ้นได้อย่างไร
"เรื่องการออกหนังสือเดินทางให้กับอดีตนายกฯทักษิณ ระหว่างถูกออกหมายจับ รมว.ต่างประเทศ ไม่มีอำนาจออกหนังสือเดินทางได้ เพราะระเบียบของกระทรวงฯ ระบุไว้ชัด และกรณีที่เป็นการออกหนังสือเดินทางธรรมดา ถ้าผมมีอำนาจ ทำไมไม่ออกหนังสือเดินทางเล่มสีแดง (หนังสือเดินทางทูต) ให้กับท่านทักษิณ" นายสุรพงษ์ กล่าว
ทั้งนี้ นายสุรพงษ์ ยืนยันว่าระหว่างการดำรงตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศ เป็นเวลา 2 ปี 7 เดือน ไม่เคยเข้าไปใช้อำนาจก้าวก่ายงานประจำของข้าราชการกระทรวงต่างประเทศ เพราะการอออกหนังสือเดินทางนั้น ตามระเบียบกำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่โดยตรงของปลัดกระทรวง และ อธิบดีกรมการกงสุลเท่านั้น อีกทั้งกระบวนกาารไต่สวนคดีของ ป.ป.ช. ก็ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เช่น ไม่ยินยอมให้ผู้ถูกกล่าวหาได้สำเนาเอกสารหลักฐาน เพื่อชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ซึ่งในปี 59 ตนได้ยื่นหนังสือไปยังคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร แต่ปรากฏว่า มีการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการ จนทำให้ไม่มีความคืบหน้า จึงได้ขอให้ ป.ป.ช. ชะลอการไต่สวนคดีไปก่อน อย่างไรก็ตาม ที่สุดแล้ว ป.ป.ช. ยังคงเดินหน้าพิจารณาคดี และชี้มูลความผิดในที่สุด
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ตนจะต่อสู้คดีใน 3 ประการ ได้แก่ 1 . พิสูจน์ให้สังคมได้เห็นว่า ป.ป.ช. ซึ่งเป็นองค์กรที่ใช้กฎหมายชี้มูลความผิดผู้อื่นนั้น กลับไม่ยึดมั่นในกฎหมายและรธน.เสียเอง 2. ในการพิจารณาคดีนี้ คณะกรรมการป.ป.ช. ก็มีปัญหาในเรื่องการขาดคุณสมบัติการดำรงตำแหน่ง ซึ่งได้เคยยื่นเรื่องไปให้ประธานสนช. พิจารณาแล้ว 3. จะใช้เวทีของ สนช.ในการพิสูจน์ความจริง เพื่อให้สังคมได้เห็นว่า หากการพิจารณาคดีไม่เป็นไปตามกฎหมายแล้ว ความสมานฉันท์ และความปรองดอง จะเกิดขึ้นได้อย่างไร
"เรื่องการออกหนังสือเดินทางให้กับอดีตนายกฯทักษิณ ระหว่างถูกออกหมายจับ รมว.ต่างประเทศ ไม่มีอำนาจออกหนังสือเดินทางได้ เพราะระเบียบของกระทรวงฯ ระบุไว้ชัด และกรณีที่เป็นการออกหนังสือเดินทางธรรมดา ถ้าผมมีอำนาจ ทำไมไม่ออกหนังสือเดินทางเล่มสีแดง (หนังสือเดินทางทูต) ให้กับท่านทักษิณ" นายสุรพงษ์ กล่าว