นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และอดีตปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวถึง การยังคับใช้พ.ร.บ.สรรพสามิตฉบับใหม่ ที่ได้ผ่านความเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)ไปแล้ว และคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ราวกลางปีนี้ หรือ 180 วัน หลังจากที่ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา ว่า จากนี้จะมีการออกกฎหมายลูกอีกหลายฉบับ ซึ่งเท่าที่ที่ติดตามข่าวทราบว่าทางภาคเอกชนอยากมีส่วนร่วมในการจัดทำข้อกำหนดต่างๆ ในกฎหมายลูกด้วย ซึ่งจะมีเนื้อหาที่เกี่ยวกับอัตราการจัดเก็บภาษีใหม่ในสินค้าหลายกลุ่ม ซึ่งจะเป็นธรรมมากขึ้น ยกตัวอย่างเรื่องภาษีรถยนต์ จากเดิมคิดภาษีเฉพาะจากราคาหน้าโรงงาน ต่อไปนี้อาจจะคำนวณภาษีจากทั้งปริมาณและมูลค่า เนื่องจากที่ผ่านมามีการแสดงมูลค่าที่ต่ำกว่าความเป็นจริง จึงต้องไปดูในเรื่องของปริมาณ สินค้าใดที่มีวิธีการนำเข้าโดยราคาต่ำๆ แม้จะอ้างว่าเป็นราคาขายหน้าโรงงาน แต่พอไปดูในบัญชีราคาระบุว่า ต่ำกว่าทุนเสียอีก จึงเชื่อว่าพ.ร.บ.สรรพาสามิตใหม่ จะไปอุดช่องโหว่ตรงนี้ได้ เช่นเดียวกับอัตราภาษีสุรา ที่จะพิจารณาจัดเก็บจากทั้งปริมาณและมูลค่า
ส่วนข้อกังวลในเรื่องพิกัดภาษีของสุราที่ต่ำกว่าภาษีเครื่องดื่มจำพวกไวน์ หรือเบียร์ ถึง 3 เท่า จนอาจจะเป็นการเปิดช่องให้เจ้าหน้าที่รัฐที่ไม่สุจริตไปเรียกรับผลประโยชน์จากส่วนต่างที่เกิดขึ้นนั้น นายรังสรรค์ กล่าวว่า ในร่าง พ.ร.บ.สรรพาสามิต มีระบุไว้เช่นนั้น แต่การปฏิบัติจริง ยังไม่ได้ตกผลึกว่าจะเก็บประเภทไหนเท่าใด ต้องรอดูรายละเอียดในกฎหมายลูกอีกครั้ง ซึ่งก็มีเวลาจัดทำอีกราว 6 เดือน ขณะนี้ก็กำลังร่างกฎหมายในส่วนนี้ โดยรับฟังความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ส่วนจะเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่ที่กรมสรรพสามิต แต่กรมฯ ก็คงต้องรับฟังและเชิญเอกชนมาคุยว่าเป็นอย่างไรอยู่แล้ว
ส่วนข้อกังวลในเรื่องพิกัดภาษีของสุราที่ต่ำกว่าภาษีเครื่องดื่มจำพวกไวน์ หรือเบียร์ ถึง 3 เท่า จนอาจจะเป็นการเปิดช่องให้เจ้าหน้าที่รัฐที่ไม่สุจริตไปเรียกรับผลประโยชน์จากส่วนต่างที่เกิดขึ้นนั้น นายรังสรรค์ กล่าวว่า ในร่าง พ.ร.บ.สรรพาสามิต มีระบุไว้เช่นนั้น แต่การปฏิบัติจริง ยังไม่ได้ตกผลึกว่าจะเก็บประเภทไหนเท่าใด ต้องรอดูรายละเอียดในกฎหมายลูกอีกครั้ง ซึ่งก็มีเวลาจัดทำอีกราว 6 เดือน ขณะนี้ก็กำลังร่างกฎหมายในส่วนนี้ โดยรับฟังความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ส่วนจะเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่ที่กรมสรรพสามิต แต่กรมฯ ก็คงต้องรับฟังและเชิญเอกชนมาคุยว่าเป็นอย่างไรอยู่แล้ว