นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ อดีตปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผอ.สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทยเปิดเผยว่า สำนักงานป้องกันยาเสพติดและปราบปรามอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC ) ทูลเกล้าฯ ถวายตำแหน่ง ทูตสันถวไมตรี ด้านการส่งเสริมหลักนิติธรรมและระบบงานยุติธรรมทางอาญาสำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แก่พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา เพื่อดำเนินกิจกรรมที่สนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยมุ่งเน้นการส่งเสริมความยุติธรรมในสังคม ซึ่งการทูลเกล้าฯถวายตำแหน่งทูตสันถวไมตรีนี้ เป็นผลมาจากการที่ทรงมีบทบาทสนับสนุนการดำเนินงานของ UNODC ในภูมิภาค และการที่ทรงช่วยระดมความร่วมมือในประเด็นระดับโลกที่เกี่ยวข้องต่างๆ อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการส่งเสริมวาระ 2030 เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ
ทั้งนี้ เมื่อวานนี้ (14 ก.พ.) พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ประทานพระดำรัสว่า การรับตำแหน่งทูตสันถวไมตรี เป็นโอกาสสำคัญให้ได้สนับสนุนงานของสหประชาชาติ ด้านหลักนิติธรรมและความเป็นธรรม ซึ่งมีผลโดยตรงต่อความสำเร็จของการพัฒนาที่ยั่งยืน และข้าพเจ้ามุ่งหมายที่จะทำงานร่วมกับ UNODC ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในการลดปัญหาอาชญากรรมและความรุนแรง ปกป้องกลุ่มผู้เปราะบางในสังคม จัดการกับปัญหาคอร์รัปชัน รวมถึงการสนับสนุนความพยายามในการเสริมสร้างหลักนิติธรรมระดับโลก
นายกิตติพงษ์ กล่าวว่า พระเจ้าหลานเธอฯ ได้ทรงปฏิบัติพระภารกิจ ในด้านนี้มาอย่างต่อเนื่องมากว่า10 ปี ทั้งยังทรงสนพระทัยพิเศษ ด้านการช่วยเหลือ และพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้หญิงในกระบวนการยุติธรรม โดยได้ทรงริเริ่มดำเนินโครงการต่างๆ รวมถึงการยกร่าง และรณรงค์อันนำไปสู่การรับรองข้อกำหนดสหประชาชาติ ว่าด้วยการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังหญิง และมาตรการที่มิใช่การคุมขัง หรือข้อกำหนดกรุงเทพฯ (Bangkok Rules) รวมถึงการก่อตั้งสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นองค์กรล่าสุดที่เข้าร่วมเป็นสถาบันเครือข่ายของ UNODC ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงานของUNODC นั้น พระเจ้าหลานเธอฯ ทรงผลักดันในเวทีสหประชาชาติ ให้ตระหนักถึงความเชื่อมโยงระหว่างหลักนิติธรรม และการพัฒนามาโดยตลอด โดยทรงริเริ่มให้เกิดการประชุมเสวนาระดับนานาชาติ ว่าด้วยหลักนิติธรรม ในปี 2556 เพื่อสร้างแรงผลักดันทางการเมือง ให้ประเด็นความยุติธรรม ความมั่นคง และหลักนิติธรรม ได้ถูกบรรจุเข้าเป็นส่วนหนึ่งของวาระการพัฒนา
นอกจากนี้ ในระหว่างที่ทรงดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ กรุงเวียนนา ได้ทรงเข้าร่วมเวทีสำคัญในการกำหนดนโยบายความยุติธรรมระดับโลก คือ การประชุมคณะกรรมาธิการยาเสพติด หรือ CND และการประชุมคณะกรรมาธิการสหประชาชาติ ว่าด้วยการป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญา หรือ CCPCJ ซึ่งได้ทรงเป็นประธานในสมัยที่ 21 ด้วย
ด้าน นายเจเรมี ดักลาส ผู้แทนประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และแปซิฟิก UNODC กล่าวถึงความสำคัญของการเป็นทูตสันถวไมตรีของพระเจ้าหลานเธอฯ และแสดงความยินดีที่พระเจ้าหลานเธอฯ จะทรงเข้ามาร่วมในงานป้องกันอาชญากรรม และความขัดแย้งรูปแบบต่างๆ ที่สั่นคลอนเสถียรภาพในภูมิภาค โดยเชื่อว่าบทบาทของพระองค์ในภารกิจดังกล่าว สามารถส่งเสริมการตระหนักเรื่องความสำคัญของหลักนิติธรรมและความยุติธรรมที่ส่งผลต่อการพัฒนาทุกมิติได้อย่างชัดเจน
ทั้งนี้ เมื่อวานนี้ (14 ก.พ.) พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ประทานพระดำรัสว่า การรับตำแหน่งทูตสันถวไมตรี เป็นโอกาสสำคัญให้ได้สนับสนุนงานของสหประชาชาติ ด้านหลักนิติธรรมและความเป็นธรรม ซึ่งมีผลโดยตรงต่อความสำเร็จของการพัฒนาที่ยั่งยืน และข้าพเจ้ามุ่งหมายที่จะทำงานร่วมกับ UNODC ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในการลดปัญหาอาชญากรรมและความรุนแรง ปกป้องกลุ่มผู้เปราะบางในสังคม จัดการกับปัญหาคอร์รัปชัน รวมถึงการสนับสนุนความพยายามในการเสริมสร้างหลักนิติธรรมระดับโลก
นายกิตติพงษ์ กล่าวว่า พระเจ้าหลานเธอฯ ได้ทรงปฏิบัติพระภารกิจ ในด้านนี้มาอย่างต่อเนื่องมากว่า10 ปี ทั้งยังทรงสนพระทัยพิเศษ ด้านการช่วยเหลือ และพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้หญิงในกระบวนการยุติธรรม โดยได้ทรงริเริ่มดำเนินโครงการต่างๆ รวมถึงการยกร่าง และรณรงค์อันนำไปสู่การรับรองข้อกำหนดสหประชาชาติ ว่าด้วยการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังหญิง และมาตรการที่มิใช่การคุมขัง หรือข้อกำหนดกรุงเทพฯ (Bangkok Rules) รวมถึงการก่อตั้งสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นองค์กรล่าสุดที่เข้าร่วมเป็นสถาบันเครือข่ายของ UNODC ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงานของUNODC นั้น พระเจ้าหลานเธอฯ ทรงผลักดันในเวทีสหประชาชาติ ให้ตระหนักถึงความเชื่อมโยงระหว่างหลักนิติธรรม และการพัฒนามาโดยตลอด โดยทรงริเริ่มให้เกิดการประชุมเสวนาระดับนานาชาติ ว่าด้วยหลักนิติธรรม ในปี 2556 เพื่อสร้างแรงผลักดันทางการเมือง ให้ประเด็นความยุติธรรม ความมั่นคง และหลักนิติธรรม ได้ถูกบรรจุเข้าเป็นส่วนหนึ่งของวาระการพัฒนา
นอกจากนี้ ในระหว่างที่ทรงดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ กรุงเวียนนา ได้ทรงเข้าร่วมเวทีสำคัญในการกำหนดนโยบายความยุติธรรมระดับโลก คือ การประชุมคณะกรรมาธิการยาเสพติด หรือ CND และการประชุมคณะกรรมาธิการสหประชาชาติ ว่าด้วยการป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญา หรือ CCPCJ ซึ่งได้ทรงเป็นประธานในสมัยที่ 21 ด้วย
ด้าน นายเจเรมี ดักลาส ผู้แทนประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และแปซิฟิก UNODC กล่าวถึงความสำคัญของการเป็นทูตสันถวไมตรีของพระเจ้าหลานเธอฯ และแสดงความยินดีที่พระเจ้าหลานเธอฯ จะทรงเข้ามาร่วมในงานป้องกันอาชญากรรม และความขัดแย้งรูปแบบต่างๆ ที่สั่นคลอนเสถียรภาพในภูมิภาค โดยเชื่อว่าบทบาทของพระองค์ในภารกิจดังกล่าว สามารถส่งเสริมการตระหนักเรื่องความสำคัญของหลักนิติธรรมและความยุติธรรมที่ส่งผลต่อการพัฒนาทุกมิติได้อย่างชัดเจน