xs
xsm
sm
md
lg

นิรโทษแม้ว-ยุติคดีจำนำข้าว เงื่อนไขปรองดองฝ่ายประชาธิปไตย !?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เชื่อว่าจนบัดนี้หลายคนอาจจะไม่รู้จัก หรือยังจดจำชื่อคณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อพิจารณาหาข้อยุติเรื่องการปรองดองสร้างความสามัคคีของคนในชาติได้มากนัก ไม่ว่าจะเป็นชื่อเต็มที่เรียกว่าคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติและการสร้างความสามัคคีปรองดอง หรือในชื่อย่อว่า "ป.ย.ป." ซึ่งก็น่าเห็นใจ เพราะจนบัดนี้ก็ยังไม่แน่ใจว่า ทั้งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่เป็นผู้ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการดังกล่าวขึ้นมาจะจดจำได้หรือไม่ รวมไปถึง "พี่ใหญ่" อย่าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ได้รับมอบหมายให้เป็นประธานคณะใหญ่ที่ว่า และทำหน้าที่กำกับดูแลทิศทางการทำงานจะจดจำชื่อ และกรอบหน้าที่ได้มากน้อยเพียงใด เพราะมีการแยกย่อยออกเป็นคณะกรรมการชุดต่างๆอีกมากมายหลายสิบคณะ
ยิ่งนานยิ่งแตกแขนงออกไปเรื่อยๆ มีหลายหน่วยงานเข้ามาร่วม มีทั้งฝ่ายทหาร โดยกระทรวงกลาโหมที่พิจารณาแล้วน่าจะเป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ มีการระดมความเห็นจากฝ่ายต่างๆ ทั้งฝ่ายการเมือง กลุ่มการเมือง ประชาชนทั่วประเทศ ล่าสุดยังมีการไปเปิดเวทีรับฟังความเห็นจากบรรดากำนันผู้ใหญ่บ้าน รวมทั้งมีตำถามเพิ่มเข้ามาอีก 10 ข้ออีกด้วย หากมองโลกในแบบสวยงามยามเข้าสดใส ก็ต้องบอกว่า "มันน่าสนุก" ได้เจอเพื่อนใหม่ เปิดมุมมองใหม่ อะไรประมาณนั้น
แต่หากพิจารณาจากสถานการณ์ตามความเป็นจริงก็ต้องบอกว่า "เสียเวลา เปลืองค่าน้ำค่าไฟ" เปล่าๆ หากต้องการให้เกิดมรรคผลเอาจริงเอาจังตามเป้าหมายที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ต้องการ และประเทศต้องการ แต่หากมีวัตถุประสงค์ให้ "พวกบ้าน้ำลาย" มีเวทีได้พูดจา นั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง
อย่างไรก็ดี สิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ รวมทั้ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กำลังจัดหาคนมาระดมความเห็น และการตั้งเวทีอยู่ในเวลานี้สิ่งที่เป็นไปได้ตามมาก็คือ ข้อสรุปความเห็นหรือแนวทางสำหรับการปฏิรูปและการปรองดองในรัฐบาลต่อไป ความหมายก็คือ เมื่อมีข้อสรุปแล้วก็เสนอต่อรัฐบาลใหม่ที่จะเกิดขึ้นหลังจากมีการเลือกตั้ง
คำถามก็คือ แล้วรัฐบาลใหม่จะสานต่อหรือไม่ หรือไม่ก็เป็นไปได้สูงว่าอาจจะมีการตั้ง "คณะกรรมการ" ขึ้นมาอีกชุดหนึ่ง เพื่อพิจารณาศึกษาปรับปรุงให้ "สอดคล้องกับสถานการณ์ใหม่" ซึ่งมักจะเป็นแบบนั้นทุกครั้ง แล้วก็เหลวไม่เป็นโล้เป็นพาย ความเคลื่อนไหวคราวนี้ ก็ไม่น่าจะต่างกัน เพราะเมื่อพิจารณาจากระยะเวลาที่เหลือของรัฐบาลชุดนี้ ที่มีเวลาเพียงแค่ปีเศษ แต่เมื่อพิจารณาจากภารกิจการศึกษาวางยุทธศาสตร์ชาติ ที่ครอบคลุมเอาเรื่องความสามัคคีปรองดองเข้าไปด้วยภารกิจ "ครอบจักรวาล" ในเวลาอันจำกัดแบบนี้ รับรองว่าสำเร็จตามเป้าหมายยาก นั่นคือนำไปปฏิบัติจริงได้ยาก
**อย่างไรก็ดี หากพิจารณาในเชิงการเมืองที่กลายเป็นคำถามว่า "จู่ๆทำไมถึงคิดตั้งเวทีปรองดองขึ้นมา " มีวัตถุประสงค์ใด "ซ้อน" เข้ามาด้วยหรือเปล่า เพราะทั้งอายุเวลาที่เหลือของรัฐบาลชุดนี้ที่มีจำกัด แม้ว่าในอนาคตเมื่อมีรัฐบาลใหม่ จะมี "นายกฯคนนอก" เป็นใครก็ตาม มันก็ต้องมีพรรคการเมือง มีนักการเมือง เข้ามาร่วมรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง นี่คือ"คำตอบ" ว่ามี "บางคน" ต้องการ "แตะมือ" เชื่อมกับพวกนักการเมืองรวมไปถึงการ "ลงจากหลังเสือ" ในอนาคตอันใกล้นี้ หรือไม่
เพราะหากจะปฏิรูปในเรื่องใหญ่ๆ เช่น ตำรวจ กระบวนการยุติธรรมทั้งระบบ ก็น่าจะดำเนินการทันทีเมื่อเข้ามา อีกทั้งมีผลศึกษามาแล้วสารพัด เพียงแค่นำมาปัดฝุ่นปรับปรุง ซึ่งผ่านมาเกือบสามปี ถึงตอนนี้น่าจะเสร็จเรียบร้อยหรือใกล้เสร็จสิ้นแล้วก็ได้ แต่สิ่งที่รัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ทำได้ก็คือ เตรียมใช้คำสั่ง มาตรา 44 ปรับเปลี่ยนการแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจโดยมีคณะกรรมการ "กลั่นกรอง" ขึ้นมาในทุกระดับ อ้างว่าเพื่อลดปัญหาการซื้อขายเก้าอี้ และการแทรกแซงของฝ่ายการเมืองในอนาคต
ขณะเดียวกัน เมื่อย้อนกลับมาที่เรื่องการปรองดองสามัคคีกันอีกรอบ ก็ต้องบอกว่าเริ่มมีข้อสังเกตเดิมๆ กลับมาให้เห็นอีก นั่นคือ "เงื่อนไขพิเศษ" จากฝ่ายที่เรียกตัวเองว่า "ฝ่ายประชาธิปไตย" แบบพิลึกพิลั่น คือ ฝ่ายของ ทักษิณ ชินวัตร ในนามของพรรคเพื่อไทย ที่แม้ว่าจะไม่ได้ระบุออกมาให้เห็นชัด แต่ตราบใดก็ตามหากการปรองดองแบบใดก็ตามหาก "นายใหญ่" ของพวกเขาไม่ได้ประโยชน์ มันก็ไม่มีทางเป็นไปได้ ซึ่งเงื่อนไขก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไร นั่นคือ หากไม่มีการนิรโทษกรรม และไม่ยุติการดำเนินคดีโครงการรับจำนำข้าว ที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ตกเป็นจำเลย และงวดเข้ามาทุกขณะ ก็ไม่ต้องมาพูดถึงสาระอื่น
**ดังนั้นหากจะปรองดองกับฝ่าย ทักษิณ ชินวัตร มันก็มีแค่สองเงื่อนไขหลักแค่นั้น ส่วนเรื่องอื่น หรือคนอื่น มันก็เรื่องรองไม่มีความหมาย แต่คำถามก็คือ จะดำเนินการหรือไม่ หรือถ้าจะทำแล้วจะตบตาชาวบ้านที่จ้องมองตาไม่พริบอยู่ได้อย่างไรมากกว่า !!
กำลังโหลดความคิดเห็น