ปวดหัวกับ “ข่าวจริง-ข่าวปลอม” ไม่ว่าในบ้านเรา หรือระดับโลกมาพอสมควรแล้ว...วันนี้ ลองเปลี่ยนบรรยากาศหันไปดู “ข่าวโจ๊ก” น่าจะเหมาะกว่า ซึ่งข่าวโจ๊กที่ว่า แน่นอน...ย่อมไม่ใช่ข่าวปลอมอยู่แล้วแน่ๆ ถือเป็นข่าวจริงแต่หนักไปทางหัวเราะมิออก-ร้องไห้มิได้ ก่อให้เกิดอาการผะอืดผะอม คลื่นเหียน วิงเวียน จนอาจต้องหัวเราะทั้งน้ำตา อะไรประมาณนั้น...
ข่าวที่ว่า...ก็คือข่าวผู้อำนวยการซีไอเอคนใหม่ “นายMike Pompeo” ซึ่งเพิ่งรับแต่งตั้งจาก “ชูวิทย์ ทรัมป์” ให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวไปหมาดๆ โดยได้ผ่านการรับรองจากวุฒิสภาด้วยคะแนนเสียง 66-32 เสียง เมื่อวันที่ 23 มกราคมที่ผ่านมานี่เอง ได้ตัดสินใจหอบรางวัล “George Tenet Award” อันเป็นรางวัลเกียรติยศที่สถาปนาขึ้นโดยองค์กรซีไอเอตามชื่อเสียงเรียงนามของอดีตผู้อำนวยการซีไอเอยุคคลินตัน-ยุคบุช เพื่อยกย่องเชิดชูองค์กร หรือบุคคลผู้ได้ชื่อว่ามีบทบาทในการ “ต่อสู้กับการก่อการร้าย” อันถือเป็นภัยคุกคามความมั่นคงที่ร้ายแรงเอามากๆ ของโลกทุกวันนี้ ไปมอบให้บุคคลผู้มีชื่อว่า เจ้าชาย “Mohammed Bin Nayef Abdulaziz Al-Saud” มกุฎราชกุมารแห่งราชวงศ์ “อัล-ซาอุด” ผู้ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย แห่งประเทศซาอุดีอาระเบียโน่นเลย...
อันนี้...เรียกว่า หนักซะยิ่งกว่าคณะกรรมการโนเบล ไพรซ์ ตัดสินใจมอบรางวัลโนเบล ไพรซ์สาขาสันติภาพให้กับอดีตประธานาธิบดี “โอมาบ้า” ตั้งแต่ยังไม่ทันได้เข้ารับตำแหน่ง หรือการมอบรางวัลโนเบล พีซ ไพรซ์ ให้กับศิลปินนักร้องอย่าง “บ๊อบ ดีแลน” โดยเจ้าตัวแทบไม่รู้อีโหน่อีเหน่ จนเกิดอาการตกอกตกใจมึนซ์ซ์ซ์ๆ งงง์ง์ง์ๆ ว่าเหตุใดบุญจึงหล่นใส่เท้า ชนิดชักหัวแม่ตีนหลบแทบไม่ทัน อะไรทำนองนั้น เพราะต่างเป็นที่รับรู้กันมาโดยตลอดว่า ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียนั้น ถือเป็นแหล่งสนับสนุนการก่อการร้ายและบรรดาผู้ก่อการร้ายกลุ่มต่างๆ ทั่วทั้งโลก อย่างเป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาของใครต่อใคร จนแทบไม่ต้องไปหาข้อพิสูจน์หลักฐานใดๆ มาอ้างอิงให้เสียเวลาอีกต่อไปแล้ว เพราะนับตั้งแต่การสนับสนุนองค์กรก่อการร้ายอย่าง “อัลกออิดะห์” ร่วมกับซีไอเอเพื่อให้ต่อต้านโซเวียตรัสเซียในอัฟกานิสถาน จนองค์กรที่ว่าเติบใหญ่เติบกล้ากลายมาเป็นผู้วางแผนสนับสนุนให้เกิดการก่อการร้ายในอเมริกา คือการถล่มตึกเวิลด์เทรด เซ็นเตอร์ ในกรณี 9/11 ชนิดเห็นจะจะคาตาจนชาวอเมริกันทั้งหลาย ถึงกับต้องคิดหาช่องหาทางฟ้องร้องเอาผิดทางกฎหมายกับรัฐบาลซาอุฯ จนตราบเท่าทุกวันนี้...
สนับสนุนการก่อการร้ายในซีเรีย จนทำให้องค์กรก่อการร้ายนานาชนิด ไม่ว่า “อัล-กออิดะห์” “อัล-นุสรา” เติบใหญ่ เติบกล้า แปรสภาพมาเป็นพวก “ไอเอส” “ไอซิส” หรือ “Daesh” ในทุกวันนี้ ท่ามกลางเลือดและน้ำตาชาวซีเรียที่ตายไปเป็นล้านๆเข้าไปแล้ว แถมยังพยายามชักลากให้กลุ่มดังกล่าว หันมาร่วมสังหารพร่าผลาญชาวเยเมนล้มตายไม่ต่ำกว่าเป็นแสนๆ และกำลังจะตายอีกนับสิบๆ ล้าน (18 ล้านคน หรือ 2 ใน 3 ของประชากรในประเทศ) เนื่องจากถูกกองทัพซาอุฯ รวมทั้งกลุ่มก่อการร้ายที่ซาอุฯ สนับสนุน ปิดล้อมไม่ให้ส่งอาหาร ส่งความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมใดๆ เข้าไปถึงมือผู้คนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ได้เลย และอีกไม่รู้จะกี่ต่อกี่กรณี ฯลฯ ที่สามารถพิสูจน์ ยืนยันได้ถึงความเป็น “รัฐแห่งการก่อการร้าย” ของซาอุดีอาระเบียที่แทบใหญ่ที่สุดในโลก โดยอาจเป็นรองแค่คุณพ่ออเมริกาเท่านั้น...
แต่ทั้งที่โลกทั้งโลกเห็นเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาเช่นนี้...ผู้อำนวยการซีไอเอของ “ทรัมป์” ยังอุตส่าห์หอบรางวัล “นักต่อสู้ผู้ก่อการร้าย” ไปส่งถึงมือเจ้าชาย “Mohammad Bin Nayef” อย่างชนิดหัวเราะแทบมิได้ ร้องไห้แทบมิออก เมื่อช่วงวันศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา โดยเจ้าชายของซาอุฯ รายนี้ ได้แสดงปฏิกิริยาตอบรับ ด้วยการกล่าวกับสำนักข่าว “Arab News” เอาไว้ว่า “รางวัลครั้งนี้...คือการแสดงออกถึงความยอมรับว่า ราชอาณาจักรซาอุฯ คือประเทศที่ไม่เห็นด้วยกับการก่อการร้ายโดยเด็ดขาด เราได้ต่อสู้อย่างสุดฤทธิ์กับความเชื่อผิดๆ ของพวกผู้ก่อการร้าย ที่เป็นผู้ไม่มีศาสนา และผู้ที่มีแนวคิดอุดมการณ์อันชั่วร้าย อีกทั้งยังเป็นการยืนยันด้วยว่าสัมพันธภาพระหว่างซาอุฯ และสหรัฐฯ ยังคงเป็นไปอย่างแน่นเหนียว” เรียกว่า...ถือโอกาสใช้รางวัลนี้ “ฟอกตัว” ในแบบใช้น้ำโคลนล้างโคลนอะไรประมาณนั้น...
“ข่าวจริง” ที่ออกไปทาง “ข่าวโจ๊ก” ชิ้นนี้...จึงส่งผลให้ชาวโซเชียลมีเดีย ระดับทั่วทั้งโลก หยิบเอามาชำแหละ มายำ ไม่น้อยไปกว่าข่าว “ลุงวิศวะ” ในบ้านเราเอาเลยถึงขั้นนั้น โดยเฉพาะรายหนึ่งที่เปรียบเทียบอุปมาอุปไมยไว้ได้สะใจไม่น้อย ด้วยข้อความที่ว่า “Giving a Saudi prince a medal for combating terrorism is the equivalent of giving McDonald’s medal for combating obesity.” หรือการมอบรางวัลนักต่อสู้ผู้ก่อการร้ายให้กับเจ้าชายซาอุฯ คราวนี้ แทบไม่ต่างอะไรไปจากการมอบรางวัลอาหารแดกด่วนแมคโดนัลด์ ให้กับการต่อสู้โรคอ้วนทำนองนั้น หรือสรุปง่ายๆว่า “ข่าวโจ๊ก” ชิ้นนี้...อาจพอใช้เป็นข้อสรุปได้ในอีกทางหนึ่ง ว่าประธานาธิบดีรายใหม่ และคณะผู้บริหารใหม่ของสหรัฐฯ นั้น น่าจะออกไปทาง “บ้าจริง” ไม่ใช่บ้าเล่นๆ หรือแค่บ้า...ก็บ้าก็วะ แต่เพียงเท่านั้น...