ป้อมพระอาทิตย์
โดย โสภณ องค์การณ์
อืมม์...คุณท่านผู้นำออกอาการลมบ่จอยล้งเล้งเป็นงิ้วพิโรธวันก่อนเมื่อคำถามของผู้สื่อข่าวทำเนียบถามเรื่องสภาวะ “ดวงตก” ทำอะไรมีปัญหาอุปสรรคไม่ราบรื่น มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ด้านผลงาน ทั้งยังเป็นจังหวะไม่ดีเมื่อมีคนตั้งข้อสงสัยว่ารัฐบาลใกล้ “ถังแตก” เงินคงคลังร่อยหรอไปเยอะ
จากที่เคยมีมากเกือบ 5 แสนล้านช่วงเข้ามากุมอำนาจรัฐใหม่ ตอนนี้เหลือ 7.4 หมื่นล้านกว่า จึงมีคนสงสัยอยากรู้ว่าเอาเงินไปทำอะไรมากมายขนาดนั้นและยังไปกู้มาอีกกว่า 7 แสนล้านบาท
หลังจากเป็นกระแสฮือฮาสักพัก ก็มีนักวิชาการภาคเอกชนและรัฐบาลออกมาแลกภูมิรู้ น้ำลายเลอะพอสมควร เอาตัวเลขข้อมูลมาอธิบายความพอฟังได้น่าเชื่อระดับหนึ่ง ก็เลิกรากันไป
เข้าใจความรู้สึกของคุณท่านนะ ยามที่ผลงานไม่เข้าตาชาวบ้าน หรือมีผลงานเยอะแต่อ่อนงานประชาสัมพันธ์ ปัญหาเก่ายังแก้ไม่ได้ ปัญหาใหม่ใหญ่กว่าเดิมประดังเข้ามา ย่อมทำให้หงุดหงิดได้
ตัวคุณท่านเองก็ยอมรับว่ามีสารพัดเรื่องเข้ามากดดัน ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ ก็อยู่ในสภาวะน็อตหลุด จากนั้นก็พูดเสียงอ่อน ขอโทษผู้สื่อข่าวซึ่งตกเป็นเหยื่อของอารมณ์ขุ่นมัว
สภาพแบบนี้เกิดขึ้นหลายครั้งนับตั้งแต่เป็นผู้นำรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร การแถลงข่าวเชิงตอบโต้ กระแทกเสียง แสดงให้เห็นอารมณ์ขุ่นมัว ช่วงแรกชาวบ้านเห็นแล้วตกใจ ไม่เคยเห็นลีลาสไตล์แบบนี้มาก่อน ทั้งในประเทศไทยและในประชาคมโลก นักข่าวฝรั่งยังอ้าปากค้าง
คนไทยชินแล้ว ไม่เห็นเป็นความแปลกแต่อย่างใด! คิดได้แต่ว่า เอาละวะ... เมื่อคุณท่านทนพฤติกรรมของตัวเองได้ คนไทยไม่มีทางเลือกต้องอยู่ในสภาวะจำยอม ปิดโทรทัศน์ประหยัดไฟ พวกที่คิดว่านี่เป็นสภาพที่ไม่เคยเกิดขึ้นก่อนในสังคมผู้นำประเทศ จึงมองว่าเป็นที่น่าสนใจ
หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว เป็นฉากงิ้วพิโรธ ว้ากเพ้ย โดยไม่ต้องเขียนหน้าแต่งองค์ทรงเครื่อง
เข้าใจได้นะ ช่วงนี้มีแต่เรื่องร้ายๆ กระแสติดลบ ส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือ ศรัทธาของประชาชนต่อรัฐบาล เว้นแต่พวกที่ชื่นชมผู้นำ พร้อมให้โอกาสและกำลังใจให้คุณท่านสู้ๆๆ!
ยิ่งเป็นเรื่องเกี่ยวโยงกับการทุจริต คอร์รัปชั่น ตัวเลขไม่ลด ดัชนีคนขี้โกงไม่ลดด้วยแล้วดูแล้วยิ่งหน้าอาย เท่าเป็นการประจานว่าการทุจริต คอร์รัปชั่นในยุคของท่านยังไปได้อีกไกล
ช่วงนี้ประชาชนยังให้โอกาส เพราะไม่มีทางเลือก การหวนกลับคืนสู่อำนาจโดยนักการเมืองยังเป็นเรื่องน่าสยดสยอง กลัวพวกงาบหนักจะมาโกงกินคำโตกว่าเดิม ทั้งตกเบิกย้อนหลังและหักดิบ จะไม่ให้น่ากลัวได้อย่างไร เพราะพวกหลังลายยังอยู่กันพร้อมหน้า มีคดีแต่ยังไม่มีใครเข้าคุกสักคน
พวกสมุนท่านเหลี่ยมเร่ร่อนยังคึกคะนองลำพอง เชื่อมั่นว่าถ้ามีมหกรรมเลือกตั้งเมื่อไหร่ก็จะมีช่องทางให้ทุ่มเงินซื้อเสียง ให้ได้ ส.ส. มากพอสำหรับเป็นแกนจัดตั้งรัฐบาล และมีทางเป็นไปได้มากเสียด้วยเพราะที่ผ่านมาก็เป็นเช่นนั้น กระแสพรรคเหลี่ยมยังแรงอยู่ แม้จะถูกสกัดในปัจจุบัน
ผลัดกันออกมาใช้น้ำลายกัดเซาะฐานรัฐบาลบ่อยๆ!
ชาวบ้านเห็นภาพเช่นนี้ จึงอยากถามดังๆ ว่าอนาคตประเทศนี้ยังมีมั้ย แนวโน้มจะเป็นอย่างไร ดูแล้วยังอึมครึม ความพยายามจัดการสานความปรองดองในกลุ่มต่างๆ ยังไม่ไปถึงไหน มีเสียงท้วงติงว่า “ท่านสามารถจูงควายไปที่แอ่งน้ำได้ แต่บังคับควายให้กินน้ำไม่ได้”
ยังมีเสียงถามย้ำซ้ำซากว่า “จะให้ใครปรองดองกับใคร ใครมีปัญหากับใคร” ไม่มีค้ำชี้แจงให้ชัดเจนว่า ทุกวันนี้มีฝ่ายใดสร้างปัญหา และผู้มีอำนาจได้จัดการอย่างไรหรือยัง
อันนี้ยังต้องแยกอีกว่า ผู้มีอำนาจและผู้มีความสามารถนั้น เป็นกลุ่มเดียวกันหรือไม่
ที่น่าสยดสยองสุดๆ คือพวกที่ถูกชักจูงให้ปรองดองคือเครือข่ายของท่านเหลี่ยมเร่ร่อน ในสภาพซากพรรคการเมืองที่โดนศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบ 2 ครั้ง เพราะเป็นปฏิปักษ์ต่อกระบวนการประชาธิปไตย และพวกหน้าเดิมยังเคยถูกทหารรัฐประหารตกจากอำนาจมาแล้ว 2 ครั้ง
ครั้งแรกก็เป็นกลุ่มรุ่นพี่คุณท่าน ครั้งที่ 2 คุณท่านลงมือทำเอง! ยังไม่ถอนรากถอนโคน
เป็นกลุ่มเดียวในประวัติศาสตร์การเมืองโลก และอาจมีครั้งที่ 3 ด้วย เพราะพวกมหาวายร้ายเสือหิวหน้าด้านยังอยู่กันเยอะ มีล้มหายตายจากไปบ้าง แต่ไม่มีตัวหลักติดคุก มีแต่ตามนายไปอยู่ต่างประเทศ สร้างปัญหาต่อเนื่อง จนผู้ใหญ่ผู้โตในบ้านเมืองเดือดร้อนเมื่อโดนขู่ฆ่าข้ามประเทศ
ถ้ามีเลือกตั้ง จะห้ามไม่ให้พวกนี้เป็นใหญ่ได้อย่างไร เงินทุนมีมหาศาล ต้องทุ่มชิงเอาอำนาจให้ได้ ถ้าทำได้สำเร็จน่าจะเห็นการคิดบัญชีเอาคืน หรือเกี้ยเซี๊ยะ แบ่งอำนาจกัน
เป็นแบบนั้น ชาวบ้านจะยอมมั้ย?
ดังนั้น สภาวะอารมณ์ของคุณท่านน่าจะเป็นเพราะชาวบ้านระแวง มีคนรู้ทันมากขึ้น ดูออกว่าอะไรเป็นปาหี่แหกตาชาวบ้าน เป็นการ “เยี่ยวไม่สุด” อีกนั่นแหละ เพียงแต่ยังดูเหมือนเยี่ยวอยู่
ยุคนี้คนรู้ทันมีเยอะ แต่ทำเป็นไม่รู้ทัน หรือรู้ทันแต่ทำอะไรไม่ได้ ไม่มีทางเลือก ต้องเงียบ!
ได้แต่มองลีลาการใช้เสียงคำรามกลบเกลื่อนความ ...เอ่อ...แววของความล้มเหลว?
ความพยายามเดินหน้าปฏิรูปล่าช้าเป็นเต่าขาเจ็บเดินต้วมเตี้ยม ทั้งๆ ที่เป็นหัวใจของการฟื้นฟูระบบต่างๆ ให้ดีขึ้น โดยเฉพาะปัญหาในกระบวนการยุติธรรม ระดับตำรวจและอัยการ
สร้างภาพให้ชาวบ้านรู้สึกว่ามีความตั้งใจ จัดกิจกรรมคึกคัก แต่ไม่มีอะไรเปลี่ยนเป็นสาระสำคัญที่ทำให้เชื่อได้ว่ามีความตั้งใจจริง ไม่เป็นมหกรรมปาหี่วงใหญ่แหกตาชาวบ้าน
หลายเรื่องยังค้าง สร้างความสั่นคลอนต่อศรัทธา ความเชื่อมั่น ความน่าเชื่อถือ ทั้งเรื่องนิกายชิตังเมขาดำ ความฉาวโฉ่เรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่น เรื่องสินบนโรลส์-รอยซ์ ความใจเย็นของรัฐบาลต่อปัญหาการบินไทย ซื้อเครื่องบินเสียเงินเป็นแสนล้านบาท เอามาซุกหลบสายตาชาวบ้าน
เครื่องบิน 14 ลำ จอดทิ้งที่สนามบินอู่ตะเภาไม่มีคำอธิบายว่าใครจัดการอย่างไร จะสอบสวนเอาผิดใคร การไม่รู้ร้อนรู้หนาวจึงทำให้ชาวบ้านไม่เชื่อว่ารัฐบาลต้องการปราบการทุจริตจริง
อ้างอย่างไรก็แล้วแต่ กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนาอย่างที่ว่ากัน
คุณท่านผู้นำหงุดหงิด ระบาย ระเบิดอารมณ์ใส่ผู้สื่อข่าวให้ชาวบ้านได้เห็นบ่อยๆ ได้ ชาวยอมจำทน ปัญหาอยู่ที่ว่าเมื่อชาวบ้านหงุดหงิดกับผลงานไม่เข้าตาของพวกคุณท่าน การทุจริตที่ยังไม่มีใครจัดการได้ ปัญหาอื่นๆ สารพัด ไม่รู้ว่าจะระบายอารมณ์กับใคร
จะเดินขบวนก็ไม่ได้มีกฎหมากดหัว สื่อก็จะได้รับ “ความคุ้มครอง” โดยไม่มีใครร้องขออีกด้วย!
หงุดหงิดเรื่องพวกนี้ไปแล้ว ผู้ใหญ่ผู้โตมีอำนาจไม่ใส่ใจนี่! แม่นบ่?
โดย โสภณ องค์การณ์
อืมม์...คุณท่านผู้นำออกอาการลมบ่จอยล้งเล้งเป็นงิ้วพิโรธวันก่อนเมื่อคำถามของผู้สื่อข่าวทำเนียบถามเรื่องสภาวะ “ดวงตก” ทำอะไรมีปัญหาอุปสรรคไม่ราบรื่น มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ด้านผลงาน ทั้งยังเป็นจังหวะไม่ดีเมื่อมีคนตั้งข้อสงสัยว่ารัฐบาลใกล้ “ถังแตก” เงินคงคลังร่อยหรอไปเยอะ
จากที่เคยมีมากเกือบ 5 แสนล้านช่วงเข้ามากุมอำนาจรัฐใหม่ ตอนนี้เหลือ 7.4 หมื่นล้านกว่า จึงมีคนสงสัยอยากรู้ว่าเอาเงินไปทำอะไรมากมายขนาดนั้นและยังไปกู้มาอีกกว่า 7 แสนล้านบาท
หลังจากเป็นกระแสฮือฮาสักพัก ก็มีนักวิชาการภาคเอกชนและรัฐบาลออกมาแลกภูมิรู้ น้ำลายเลอะพอสมควร เอาตัวเลขข้อมูลมาอธิบายความพอฟังได้น่าเชื่อระดับหนึ่ง ก็เลิกรากันไป
เข้าใจความรู้สึกของคุณท่านนะ ยามที่ผลงานไม่เข้าตาชาวบ้าน หรือมีผลงานเยอะแต่อ่อนงานประชาสัมพันธ์ ปัญหาเก่ายังแก้ไม่ได้ ปัญหาใหม่ใหญ่กว่าเดิมประดังเข้ามา ย่อมทำให้หงุดหงิดได้
ตัวคุณท่านเองก็ยอมรับว่ามีสารพัดเรื่องเข้ามากดดัน ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ ก็อยู่ในสภาวะน็อตหลุด จากนั้นก็พูดเสียงอ่อน ขอโทษผู้สื่อข่าวซึ่งตกเป็นเหยื่อของอารมณ์ขุ่นมัว
สภาพแบบนี้เกิดขึ้นหลายครั้งนับตั้งแต่เป็นผู้นำรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร การแถลงข่าวเชิงตอบโต้ กระแทกเสียง แสดงให้เห็นอารมณ์ขุ่นมัว ช่วงแรกชาวบ้านเห็นแล้วตกใจ ไม่เคยเห็นลีลาสไตล์แบบนี้มาก่อน ทั้งในประเทศไทยและในประชาคมโลก นักข่าวฝรั่งยังอ้าปากค้าง
คนไทยชินแล้ว ไม่เห็นเป็นความแปลกแต่อย่างใด! คิดได้แต่ว่า เอาละวะ... เมื่อคุณท่านทนพฤติกรรมของตัวเองได้ คนไทยไม่มีทางเลือกต้องอยู่ในสภาวะจำยอม ปิดโทรทัศน์ประหยัดไฟ พวกที่คิดว่านี่เป็นสภาพที่ไม่เคยเกิดขึ้นก่อนในสังคมผู้นำประเทศ จึงมองว่าเป็นที่น่าสนใจ
หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว เป็นฉากงิ้วพิโรธ ว้ากเพ้ย โดยไม่ต้องเขียนหน้าแต่งองค์ทรงเครื่อง
เข้าใจได้นะ ช่วงนี้มีแต่เรื่องร้ายๆ กระแสติดลบ ส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือ ศรัทธาของประชาชนต่อรัฐบาล เว้นแต่พวกที่ชื่นชมผู้นำ พร้อมให้โอกาสและกำลังใจให้คุณท่านสู้ๆๆ!
ยิ่งเป็นเรื่องเกี่ยวโยงกับการทุจริต คอร์รัปชั่น ตัวเลขไม่ลด ดัชนีคนขี้โกงไม่ลดด้วยแล้วดูแล้วยิ่งหน้าอาย เท่าเป็นการประจานว่าการทุจริต คอร์รัปชั่นในยุคของท่านยังไปได้อีกไกล
ช่วงนี้ประชาชนยังให้โอกาส เพราะไม่มีทางเลือก การหวนกลับคืนสู่อำนาจโดยนักการเมืองยังเป็นเรื่องน่าสยดสยอง กลัวพวกงาบหนักจะมาโกงกินคำโตกว่าเดิม ทั้งตกเบิกย้อนหลังและหักดิบ จะไม่ให้น่ากลัวได้อย่างไร เพราะพวกหลังลายยังอยู่กันพร้อมหน้า มีคดีแต่ยังไม่มีใครเข้าคุกสักคน
พวกสมุนท่านเหลี่ยมเร่ร่อนยังคึกคะนองลำพอง เชื่อมั่นว่าถ้ามีมหกรรมเลือกตั้งเมื่อไหร่ก็จะมีช่องทางให้ทุ่มเงินซื้อเสียง ให้ได้ ส.ส. มากพอสำหรับเป็นแกนจัดตั้งรัฐบาล และมีทางเป็นไปได้มากเสียด้วยเพราะที่ผ่านมาก็เป็นเช่นนั้น กระแสพรรคเหลี่ยมยังแรงอยู่ แม้จะถูกสกัดในปัจจุบัน
ผลัดกันออกมาใช้น้ำลายกัดเซาะฐานรัฐบาลบ่อยๆ!
ชาวบ้านเห็นภาพเช่นนี้ จึงอยากถามดังๆ ว่าอนาคตประเทศนี้ยังมีมั้ย แนวโน้มจะเป็นอย่างไร ดูแล้วยังอึมครึม ความพยายามจัดการสานความปรองดองในกลุ่มต่างๆ ยังไม่ไปถึงไหน มีเสียงท้วงติงว่า “ท่านสามารถจูงควายไปที่แอ่งน้ำได้ แต่บังคับควายให้กินน้ำไม่ได้”
ยังมีเสียงถามย้ำซ้ำซากว่า “จะให้ใครปรองดองกับใคร ใครมีปัญหากับใคร” ไม่มีค้ำชี้แจงให้ชัดเจนว่า ทุกวันนี้มีฝ่ายใดสร้างปัญหา และผู้มีอำนาจได้จัดการอย่างไรหรือยัง
อันนี้ยังต้องแยกอีกว่า ผู้มีอำนาจและผู้มีความสามารถนั้น เป็นกลุ่มเดียวกันหรือไม่
ที่น่าสยดสยองสุดๆ คือพวกที่ถูกชักจูงให้ปรองดองคือเครือข่ายของท่านเหลี่ยมเร่ร่อน ในสภาพซากพรรคการเมืองที่โดนศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบ 2 ครั้ง เพราะเป็นปฏิปักษ์ต่อกระบวนการประชาธิปไตย และพวกหน้าเดิมยังเคยถูกทหารรัฐประหารตกจากอำนาจมาแล้ว 2 ครั้ง
ครั้งแรกก็เป็นกลุ่มรุ่นพี่คุณท่าน ครั้งที่ 2 คุณท่านลงมือทำเอง! ยังไม่ถอนรากถอนโคน
เป็นกลุ่มเดียวในประวัติศาสตร์การเมืองโลก และอาจมีครั้งที่ 3 ด้วย เพราะพวกมหาวายร้ายเสือหิวหน้าด้านยังอยู่กันเยอะ มีล้มหายตายจากไปบ้าง แต่ไม่มีตัวหลักติดคุก มีแต่ตามนายไปอยู่ต่างประเทศ สร้างปัญหาต่อเนื่อง จนผู้ใหญ่ผู้โตในบ้านเมืองเดือดร้อนเมื่อโดนขู่ฆ่าข้ามประเทศ
ถ้ามีเลือกตั้ง จะห้ามไม่ให้พวกนี้เป็นใหญ่ได้อย่างไร เงินทุนมีมหาศาล ต้องทุ่มชิงเอาอำนาจให้ได้ ถ้าทำได้สำเร็จน่าจะเห็นการคิดบัญชีเอาคืน หรือเกี้ยเซี๊ยะ แบ่งอำนาจกัน
เป็นแบบนั้น ชาวบ้านจะยอมมั้ย?
ดังนั้น สภาวะอารมณ์ของคุณท่านน่าจะเป็นเพราะชาวบ้านระแวง มีคนรู้ทันมากขึ้น ดูออกว่าอะไรเป็นปาหี่แหกตาชาวบ้าน เป็นการ “เยี่ยวไม่สุด” อีกนั่นแหละ เพียงแต่ยังดูเหมือนเยี่ยวอยู่
ยุคนี้คนรู้ทันมีเยอะ แต่ทำเป็นไม่รู้ทัน หรือรู้ทันแต่ทำอะไรไม่ได้ ไม่มีทางเลือก ต้องเงียบ!
ได้แต่มองลีลาการใช้เสียงคำรามกลบเกลื่อนความ ...เอ่อ...แววของความล้มเหลว?
ความพยายามเดินหน้าปฏิรูปล่าช้าเป็นเต่าขาเจ็บเดินต้วมเตี้ยม ทั้งๆ ที่เป็นหัวใจของการฟื้นฟูระบบต่างๆ ให้ดีขึ้น โดยเฉพาะปัญหาในกระบวนการยุติธรรม ระดับตำรวจและอัยการ
สร้างภาพให้ชาวบ้านรู้สึกว่ามีความตั้งใจ จัดกิจกรรมคึกคัก แต่ไม่มีอะไรเปลี่ยนเป็นสาระสำคัญที่ทำให้เชื่อได้ว่ามีความตั้งใจจริง ไม่เป็นมหกรรมปาหี่วงใหญ่แหกตาชาวบ้าน
หลายเรื่องยังค้าง สร้างความสั่นคลอนต่อศรัทธา ความเชื่อมั่น ความน่าเชื่อถือ ทั้งเรื่องนิกายชิตังเมขาดำ ความฉาวโฉ่เรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่น เรื่องสินบนโรลส์-รอยซ์ ความใจเย็นของรัฐบาลต่อปัญหาการบินไทย ซื้อเครื่องบินเสียเงินเป็นแสนล้านบาท เอามาซุกหลบสายตาชาวบ้าน
เครื่องบิน 14 ลำ จอดทิ้งที่สนามบินอู่ตะเภาไม่มีคำอธิบายว่าใครจัดการอย่างไร จะสอบสวนเอาผิดใคร การไม่รู้ร้อนรู้หนาวจึงทำให้ชาวบ้านไม่เชื่อว่ารัฐบาลต้องการปราบการทุจริตจริง
อ้างอย่างไรก็แล้วแต่ กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนาอย่างที่ว่ากัน
คุณท่านผู้นำหงุดหงิด ระบาย ระเบิดอารมณ์ใส่ผู้สื่อข่าวให้ชาวบ้านได้เห็นบ่อยๆ ได้ ชาวยอมจำทน ปัญหาอยู่ที่ว่าเมื่อชาวบ้านหงุดหงิดกับผลงานไม่เข้าตาของพวกคุณท่าน การทุจริตที่ยังไม่มีใครจัดการได้ ปัญหาอื่นๆ สารพัด ไม่รู้ว่าจะระบายอารมณ์กับใคร
จะเดินขบวนก็ไม่ได้มีกฎหมากดหัว สื่อก็จะได้รับ “ความคุ้มครอง” โดยไม่มีใครร้องขออีกด้วย!
หงุดหงิดเรื่องพวกนี้ไปแล้ว ผู้ใหญ่ผู้โตมีอำนาจไม่ใส่ใจนี่! แม่นบ่?