xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวปนคน คนปนข่าว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ใครปล่อยผี “เบสท์ริน”??
จนต้องนับหนึ่งใหม่“เมล์เอ็นจีวี”




ก็ชัดเจนดี เมื่อ"พิชิต อัคราทิตย์"รมช.คมนาคม บอกว่า องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ร่อนหนังสือแจ้งบอกเลิกสัญญารถเมล์เอ็นจีวี 489 คัน ไปยัง บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด ผู้ชนะการประมูลไปแล้ว ตั้งแต่ต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยการยกเลิกสัญญาจะมีผลในวันนี้ ครบ 30 วัน ตามสัญญาที่ต้องแจ้งล่วงหน้า เนื่องจาก“เบสท์ริน”ส่งมอบรถให้ตามสัญญาไม่ได้ ติดขัดถูกกรมศุลลากร กักรถอยู่ที่ท่าเรือ หลังมีหลักฐานว่าสำแดงแหล่งกำหนดสินค้าเป็นเท็จ เอา“รถจีน”ที่ต้องเสียภาษีนำเข้า 40% มาย้อมแมว อ้างว่าประกอบรถใน“มาเลเซีย” หวังใช้สิทธิพิเศษ“อาฟตา”ภาษี 0% แทน วันสองวันมานี้ ทาง“เบสท์ริน”ดิ้นเฮือกสุดท้าย เดินสายยื่นเรื่องร้องเรียนหลายแห่ง ประมาณว่าถูกกรมศุลกากร กลั่นแกล้ง ก็ว่ากันไป เพราะที่สุดเรื่องนี้ถึงศาลแน่นอน แต่ที่ปิ๋วแน่ๆ ก็เงินประกัน 330 ล้านบาท 10% ของมูลค่าสัญญา ที่ต้องถูกยึดตามระเบียบ แถมอาจจะโดนคดีอีกเพียบ
งานนี้จำเลยที่ 1 หนีไม่พ้นทาง“เบสท์ริน”ที่ถูกหลักฐานของกรมศุลฯมัดแน่นว่า“คิดไม่ซื่อ”แต่จะโทษเอกชนฝ่ายเดียวก็ไม่ถูก ต้องมาดูด้วยว่าเรื่องราวมันมั่วซั่วจนเสียเวลา-เสียโอกาสกันอีกแล้ว ไม่ต้องย้อนไปไกลเหมือน“สินบนโรลส์-รอยส์”เสียด้วย แค่ไปถามเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เมื่อครั้งล้มประมูลเมื่อเดือนเม.ย.58 แล้วใครเป็นคนปล่อยให้“เบสท์ริน”ได้ไป ทั้งที่ไม่ควรจะได้เข้าร่วมประมูลด้วยซ้ำ เพราะมีคดีความผิดคล้ายๆกันมาก่อน ... วันนั้น รมว.คมนาคม ไม่ใช่ใคร ชื่อพล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง นั่นเอง ส่วนรมช.คมนาคม ก็คือ อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการคนปัจจุบัน
+++++++++++++++

คุ้นกันดีกับโครงการรถเมล์เอ็นจีวี 4 พันคัน ที่รัฐบาลยุคหนึ่งเคยใช้หาเสียงไว้ดิบดี แต่ผ่านมาเป็นสิบปีก็ไม่วี่แววว่าจะมีรถเมล์เอ็นจีวี มาวิ่งแก้ไขปัญหาหารจราจรในกทม. มาตั้งลำเป็นเรื่องเป็นราวได้ก็ในยุคคสช. ที่มีการเปิดประมูลได้ แต่ลดจำนวนเหลือแค่ 489 คัน ผลประมูลครั้งนั้นได้กลุ่ม JVCC ซึ่งมีบริษัท ช.ทวี ดอลลาเซียน จำกัด ร่วมอยู่ด้วย บริษัท ด้านการขนส่งชื่อดัง เป็นผู้ชนะไป เมื่อเดือนเม.ย.58 ครั้งนั้น “เบสท์ริน”ก็ร่วมประมูลด้วย แต่เสนอราคาสูงกว่า ก่อนจะร้องเรียนว่า“ทีโออาร์”ไม่ชัดเจน จนเป็นที่มาของการล้มประมูลครั้งนั้น แล้วเปิดประมูลใหม่ ก็แข่งกันระหว่าง“ช.ทวีฯ –เบสท์ริน”คราวนี้กลายเป็นฝ่ายหลังคว้าชัยไป ด้วยราคาที่ต่ำกว่าราคากลาง 6 ร้อยกว่าล้านบาท เลยทีเดียว...ก่อนจะมาโดนจับได้ไล่ทัน งานนี้ก็ต้องให้เครดิตกรมศุลกากร ภายใต้การนำของ อธิบดี "กุลิศ สมบัติศิริ" ที่ไล่ตรวจสอบยิบ ไม่มีล้มมวยอย่างที่ถูกปรามาสไว้ตอนแรก

++++++++++++++++++

นี่ก็เรื่องไม่เป็นเรื่องแท้ๆ กับปม“เงินคงคลัง”ของรัฐบาลลดฮวบฮาบ น่าสนใจว่า หนนี้ต้นเรื่องไม่ได้มาจากฝ่ายตรงข้ามแฮะ แต่คนที่เปิดชายโครงจนรัฐบาล คสช. ถูกกระหน่ำไล่ตี ไล่แทงไม่ยั้ง กลับเป็น“นายพลไก่อู”พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกรัฐบาล ที่อุตส่าห์ไปคุ้ยข้อมูลตัวเลขเงินคงคลัง ว่ายังมีเหลือตั้ง 7 หมื่นกว่าล้าน กะจะเอามาตอบโต้เสียงวิจารณ์ที่ว่า รัฐบาลขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องบินภายในประเทศ เพราะ“ถังแตก” แต่ก็ต้องหงายเงิบ เมื่อมีคนออกมาเปิดเผยข้อมูลว่า ก่อนที่คสช.จะเข้ามา เงินคงคลังมีเกือบๆ 5 แสนล้านบาท กว่าจะตั้งหลักอธิบายว่า มีมากมีน้อย ผลดีผลเสียต่างกันยังไง ก็ถูกด่าฟรีๆ อยู่นานสองนาน
ก็อย่างที่ “นายกฯตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา บ่นอยู่บ่อยๆ แหละว่า เป็นทหารมาทั้งชีวิต ไม่ได้ถนัดเรื่องเศรษฐกิจ แต่ก็ระมัดระวังคำพูดตลอด เรื่องไหนไม่ชัวร์ ก็โบ้ยต่อให้ผู้เกี่ยวข้องทันที ผิดกับ“ท่านไก่อู”ที่คิดว่าสวมหมวก“โฆษกรัฐบาล”แล้วต้องจ้อได้ทุกเรื่อง ทั้งที่มี“ทีมโฆษกด้านเศรษฐกิจ”ที่ตั้งมาช่วยงานอยู่ แต่ก็ไม่ยักกะใช้ จนกลายเป็นเรื่องขึ้นมา และคงไม่ใช่เรื่องเศรษฐกิจอย่างเดียวที่ทหารไม่ถนัด งานพีอาร์ ประชาสัมพันธ์ ก็ดูท่าจะไม่รอด ก็อย่าง“กรมประชาสัมพันธ์”ที่ พล.ท.สรรเสริญ ท่านนั่งควบเป็นอธิบดีอยู่ ก็ยังไม่เห็นมีความเปลี่ยนแปลงในเรื่องการทำงานอย่างที่เคยประกาศไว้ เมื่อตอนได้เข้ามาคุม “กรมกร๊วก”ใหม่ๆ แถมแว่วว่า ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเดิม ข้าราชการเจ้าถิ่นไม่ค่อยแฮปปี้กับแนวทางของ“อธิบดีไก่อู”ที่เข้ามาปรับนู่น จูนนี่ จนเสียระบบ เม้าต์กันว่า มีหลายหนที่“หักหน้า”แสดงเห็นแย้งจน“หัวโต๊ะ”ทนไม่ไหว กระชากเนคไทตัวเอง แล้ววอล์กเอ้าต์ ออกจากที่ประชุมก็มี คล้ายๆ กับที่เคยเกิดขึ้นที่ สำนักโฆษกทำเนียบรัฐบาล ยังไง ยังงั้นเลย .
กำลังโหลดความคิดเห็น