ผู้จัดการรายวัน 360 - ปส.เร่งตรวจสอบเส้นทางธุรกรรมการเงิน “เบนซ์ เรซซิ่ง” หลังพบไม่มีการเสียภาษีรถหรู 20 คัน ด้าน “ไผ่ วันพอยท์” ร้อนตัว ร้อนตัว ดอดให้ปากคำพนักงานสอบสวน ยันไม่รู้จัก “เบนซ์ เรซซิ่ง” เป็นการส่วนตัว ส่วนตำรวจที่สื่อเผยภาพคู่ “ไซซะนะ” ถูกเด้งเข้ากรุ
วานนี้ (7 ก.พ.) พล.ต.ต.ชาตรี ไพศาลศิลป์ รองผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (รองผบช.ปส.) เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบธุรกรรมการเงินร้านแต่งรถ Area 51 ของนายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือ “เบนซ์ เรซซิ่ง” สามีของนักแสดงสาวชื่อดัง “แพท-ณปภา ตันตระกูล” พบว่า มีการซื้อขายรถยนต์หรูจำนวนกว่า 20 คัน แต่เมื่อตรวจสอบการเสียภาษีแล้วกลับไม่สมเหตุสมผล คือตัวการเสียภาษีไม่ตรงกับความเป็นจริง เจ้าหน้าที่จึงกำลังเร่งตรวจสอบธุรกรรมการเงินเพื่อตรวจสอบบัญชีย้อนหลังว่ามีการเสียภาษีถูกต้องหรือไม่ เพราะเบื้องต้นไม่พบว่ามีรายได้อยู่ในขั้นของการเสียภาษี อีกทั้งขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อเพิ่มเติมในเรื่องรายได้ในขีดความสามารถของการผ่อนชำระรถแลมบอร์กินีอีกด้วย
พล.ต.ต.ชาตรี กล่าวว่า จนถึงขณะนี้ “เบนซ์ เรซซิ่ง” ยังไม่มีหลักฐานใดๆ มายืนยันเพิ่มเติมเรื่องขีดความสามารถในการผ่อนชำระรถแลมบอร์กินี ส่วนที่อ้างว่ายืมเงิน “นายบอย” 6 ล้านบาทมาวางดาวน์ แต่ขณะเดียวกันเงินจาก “นายบอย” ที่เข้ามาในบัญชีของ “เบนซ์ เรซซิ่ง” เดือนละ 3แสนบาททุกเดือนนั้น ยอมรับว่ามีเงินโอนเข้ามาแต่ว่ายอดไม่ยืนยันและไม่ได้เป็นประจำทุกเดือน
พล.ต.ต.ชาตรี กล่าวด้วยว่า “เบนซ์ เรซซิ่ง” ให้การถึงเงินที่ “นายบอย” โอนเข้าบัญชีว่าเป็นค่าตกแต่งรถ จึงขอเรียนว่าทุกอย่างต้องรอ เพราะมีบัญชีของคนที่ทำธุรกรรมแทน โดย “นายบอย” อาจไม่ได้โอนเงินจากบัญชีตัวเองให้ “เบนซ์ เรซซิ่ง” คืออาจจะโอนบ้างแต่ก็เป็นส่วนหนึ่ง และอาจจะไม่พบชื่อของ “นายบอย” เพราะทราบว่าตัวเองมีหมายจับก็จะไม่ทำธุรกรรมอะไรที่เป็นหลักเป็นฐาน จึงอาจให้เครือข่ายทำแทน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้เรียก น.ส.ธัญญารัตน์ วีรเดช ผู้มีชื่อเป็นผู้ครอบครองทะเบียน กจ 51 และเป็นผู้ครอบครองรถโฟลค์สวาเก้นมาสอบปากคำหรือไม่ พล.ต.ต.ชาตรี ตอบว่า เชิญไปแล้วแต่ได้รับคำตอบว่าขอเลื่อนไปโดยไม่กำหนดเพราะยังติดธุระ
*** ส่งตำรวจ “ตม.เลย” เข้ากรุ หลังเผยภาพคู่ “ไซซะนะ” ***
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.45 น. พล.ต.ท.ณัฐธร เพราะสุนทร ผบช.สตม. ได้เดินทางมาที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เพื่อเข้าพบ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. โดยได้หารือเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว โดย พล.ต.ท.ณัฐธร ระบุว่า ไม่ได้นิ่งนอนใจเกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้นกับผู้ใต้บังคับบัญชาและได้สั่งการให้ผู้บังคับการในสังกัดดำเนินการออกคำสั่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงของ ร.ต.ท.วไลศักดิ์ อินทรักษ์ รอง สว.ตม.จ.เลย ซึ่งเริ่มดำเนินการแล้วตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน ยังให้ ผบก.ตม.2 ออกคำสั่งให้ ร.ต.อ.ภัทรพล ถ้วยทอง รอง สว.ฝ่ายตรวจคนเข้าเมือง ตม.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ที่ ศปก.บก.ตม.2 เพื่อให้สะดวกแก่การสืบสวนข้อเท็จจริงของคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงที่มีคำสั่งแต่งตั้งตั้งแต่วันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจาก ร.ต.อ.ภัทรพล ถูกกล่าวหาว่ามีพฤติการณ์เกี่ยวของกับ นายไซซะนะ โดยได้มีการโทรศัพท์ติดต่อกับผู้ร่วมขบวนการค้ายาเสพติดรายดังกล่าวในการรับฝากรถยนต์ของกลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดรายนี้ไว้เพื่อนำรถยนต์มาจอดในอาคารจอดรถท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หากเจ้าหน้าที่ทั้งสองนายผิดจริงก็จะมีบทลงโทษทั้งวินัยและอาญาไม่มีการละเว้น หรือให้การช่วยเหลืออย่างแน่นอน
ด้าน พล.ต.ต.ปฎิพันธ์ สุบรรณ ณ อยุธยา ผบก.ตม.4 เปิดเผยถึงกรณีที่ผู้ใต้บังคับบัญชาในสังกัดซึ่งปรากฏในภาพที่สื่อเผยแพร่คือ ร.ต.ท.วไลศักดิ์ อินทรักษ์ รอง สว.ตม.จ.เลย ว่า ตนขอชี้แจงเบื้องต้นว่าเป็นภาพที่ถูกบันทึกเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาซึ่งเป็นช่วงที่มีการจัดคาราวานแรลลี่ไป-กลับระหว่างชายแดนไทย-ลาว ด้าน จ.เลย โดยยังไม่ทราบว่า นายไซซะนะ เป็นนักค้ายาเสพติด
ส่วนกรณีที่ไม่พบข้อมูลของ นายไซซะนะ ในระบบคอมพิวเตอร์ของ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง นั้น ต้องขอเวลาตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนว่า เพราะเหตุใดถึงไม่บันทึกข้อมูลการเข้า-ออกทางด่านตรวจคนเข้าเมืองเลย รวมถึงให้ตรวจสอบหนังสือขออนุญาตว่ามีการจัดคาราวานแรลลี่ข้ามพรมแดนจริงหรือไม่ รวมถึงมีการประสานกันอย่างไร
พล.ต.ต.ปฎิพันธ์ เปิดเผยอีกว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมาได้พิจารณาออกคำสั่งให้ ร.ต.ท.วไลศักดิ์ ไปปฏิบัติราชการที่ ศปก.บก.ตม.4 เพื่อสะดวกต่อการตรวจสอบข้อเท็จจริงในส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยได้ออกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงแล้วเช่นกัน
*** “ไผ่ วันพอยท์” โร่มอบตัวแสดงความบริสุทธิ์ใจ ***
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) นายไผ่ ลิกค์ หรือ “ไผ่ วันพอยท์” ทายาทอดีตนักการเมืองและมีชื่อเสียงในวงการรถแข่ง เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน บช.ปส. เพื่อให้ข้อมูลกรณีรถยนต์สปอร์ตหรูยี่ห้อแลมบอร์กินีในความครอบครองของ “เบนซ์ เรซซิ่ง”
นายไผ่กล่าวยืนยันว่า ไม่รู้จักกับ “เบนซ์ เรซซิ่ง” และ “นายบอย” เป็นการส่วนตัว แต่เนื่องจากตนทำธุรกิจเกี่ยวกับการซื้อขายรถยนต์หรู อีกทั้งมีเครดิตความน่าเชื่อถือในการจัดหารถมาจำหน่าย เพื่อนของตนซึ่งรู้จักกับ “นายบอย” จึงได้ติดต่อให้ตนเป็นผู้จัดหารถแลมบอร์กินีให้เท่านั้น ส่วนการซื้อขายเป็นเรื่องระหว่าง”นายบอย” กับเต็นท์รถยนต์หรูมือสอง “เอก บลูโน” ย่านพระราม 3 โดยตกลงซื้อขายกันราคา 14 ล้านบาท ชำระเป็นเงินดาวน์ประมาณ 6 ล้านบาท
นายไผ่ยังยืนยันอีกว่า เคยพบกับ “นายบอย” เพียงครั้งเดียวซึ่งเป็นวันที่นัดดูรถแลมบอร์กินี และยังไม่เคยพบกับ “เบนซ์ เรซซิ่ง” ส่วนเหตุผลที่เดินทางมาในวันนี้เพราะได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่เพื่อมาให้ข้อมูลในฐานะพยาน ซึ่งตนก็ไม่ได้เตรียมหลักฐานใดๆ มา พร้อมกับไม่รู้สึกกังวลเพราะเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ใจ
วานนี้ (7 ก.พ.) พล.ต.ต.ชาตรี ไพศาลศิลป์ รองผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (รองผบช.ปส.) เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบธุรกรรมการเงินร้านแต่งรถ Area 51 ของนายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือ “เบนซ์ เรซซิ่ง” สามีของนักแสดงสาวชื่อดัง “แพท-ณปภา ตันตระกูล” พบว่า มีการซื้อขายรถยนต์หรูจำนวนกว่า 20 คัน แต่เมื่อตรวจสอบการเสียภาษีแล้วกลับไม่สมเหตุสมผล คือตัวการเสียภาษีไม่ตรงกับความเป็นจริง เจ้าหน้าที่จึงกำลังเร่งตรวจสอบธุรกรรมการเงินเพื่อตรวจสอบบัญชีย้อนหลังว่ามีการเสียภาษีถูกต้องหรือไม่ เพราะเบื้องต้นไม่พบว่ามีรายได้อยู่ในขั้นของการเสียภาษี อีกทั้งขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อเพิ่มเติมในเรื่องรายได้ในขีดความสามารถของการผ่อนชำระรถแลมบอร์กินีอีกด้วย
พล.ต.ต.ชาตรี กล่าวว่า จนถึงขณะนี้ “เบนซ์ เรซซิ่ง” ยังไม่มีหลักฐานใดๆ มายืนยันเพิ่มเติมเรื่องขีดความสามารถในการผ่อนชำระรถแลมบอร์กินี ส่วนที่อ้างว่ายืมเงิน “นายบอย” 6 ล้านบาทมาวางดาวน์ แต่ขณะเดียวกันเงินจาก “นายบอย” ที่เข้ามาในบัญชีของ “เบนซ์ เรซซิ่ง” เดือนละ 3แสนบาททุกเดือนนั้น ยอมรับว่ามีเงินโอนเข้ามาแต่ว่ายอดไม่ยืนยันและไม่ได้เป็นประจำทุกเดือน
พล.ต.ต.ชาตรี กล่าวด้วยว่า “เบนซ์ เรซซิ่ง” ให้การถึงเงินที่ “นายบอย” โอนเข้าบัญชีว่าเป็นค่าตกแต่งรถ จึงขอเรียนว่าทุกอย่างต้องรอ เพราะมีบัญชีของคนที่ทำธุรกรรมแทน โดย “นายบอย” อาจไม่ได้โอนเงินจากบัญชีตัวเองให้ “เบนซ์ เรซซิ่ง” คืออาจจะโอนบ้างแต่ก็เป็นส่วนหนึ่ง และอาจจะไม่พบชื่อของ “นายบอย” เพราะทราบว่าตัวเองมีหมายจับก็จะไม่ทำธุรกรรมอะไรที่เป็นหลักเป็นฐาน จึงอาจให้เครือข่ายทำแทน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้เรียก น.ส.ธัญญารัตน์ วีรเดช ผู้มีชื่อเป็นผู้ครอบครองทะเบียน กจ 51 และเป็นผู้ครอบครองรถโฟลค์สวาเก้นมาสอบปากคำหรือไม่ พล.ต.ต.ชาตรี ตอบว่า เชิญไปแล้วแต่ได้รับคำตอบว่าขอเลื่อนไปโดยไม่กำหนดเพราะยังติดธุระ
*** ส่งตำรวจ “ตม.เลย” เข้ากรุ หลังเผยภาพคู่ “ไซซะนะ” ***
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.45 น. พล.ต.ท.ณัฐธร เพราะสุนทร ผบช.สตม. ได้เดินทางมาที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เพื่อเข้าพบ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. โดยได้หารือเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว โดย พล.ต.ท.ณัฐธร ระบุว่า ไม่ได้นิ่งนอนใจเกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้นกับผู้ใต้บังคับบัญชาและได้สั่งการให้ผู้บังคับการในสังกัดดำเนินการออกคำสั่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงของ ร.ต.ท.วไลศักดิ์ อินทรักษ์ รอง สว.ตม.จ.เลย ซึ่งเริ่มดำเนินการแล้วตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน ยังให้ ผบก.ตม.2 ออกคำสั่งให้ ร.ต.อ.ภัทรพล ถ้วยทอง รอง สว.ฝ่ายตรวจคนเข้าเมือง ตม.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ที่ ศปก.บก.ตม.2 เพื่อให้สะดวกแก่การสืบสวนข้อเท็จจริงของคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงที่มีคำสั่งแต่งตั้งตั้งแต่วันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจาก ร.ต.อ.ภัทรพล ถูกกล่าวหาว่ามีพฤติการณ์เกี่ยวของกับ นายไซซะนะ โดยได้มีการโทรศัพท์ติดต่อกับผู้ร่วมขบวนการค้ายาเสพติดรายดังกล่าวในการรับฝากรถยนต์ของกลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดรายนี้ไว้เพื่อนำรถยนต์มาจอดในอาคารจอดรถท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หากเจ้าหน้าที่ทั้งสองนายผิดจริงก็จะมีบทลงโทษทั้งวินัยและอาญาไม่มีการละเว้น หรือให้การช่วยเหลืออย่างแน่นอน
ด้าน พล.ต.ต.ปฎิพันธ์ สุบรรณ ณ อยุธยา ผบก.ตม.4 เปิดเผยถึงกรณีที่ผู้ใต้บังคับบัญชาในสังกัดซึ่งปรากฏในภาพที่สื่อเผยแพร่คือ ร.ต.ท.วไลศักดิ์ อินทรักษ์ รอง สว.ตม.จ.เลย ว่า ตนขอชี้แจงเบื้องต้นว่าเป็นภาพที่ถูกบันทึกเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาซึ่งเป็นช่วงที่มีการจัดคาราวานแรลลี่ไป-กลับระหว่างชายแดนไทย-ลาว ด้าน จ.เลย โดยยังไม่ทราบว่า นายไซซะนะ เป็นนักค้ายาเสพติด
ส่วนกรณีที่ไม่พบข้อมูลของ นายไซซะนะ ในระบบคอมพิวเตอร์ของ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง นั้น ต้องขอเวลาตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนว่า เพราะเหตุใดถึงไม่บันทึกข้อมูลการเข้า-ออกทางด่านตรวจคนเข้าเมืองเลย รวมถึงให้ตรวจสอบหนังสือขออนุญาตว่ามีการจัดคาราวานแรลลี่ข้ามพรมแดนจริงหรือไม่ รวมถึงมีการประสานกันอย่างไร
พล.ต.ต.ปฎิพันธ์ เปิดเผยอีกว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมาได้พิจารณาออกคำสั่งให้ ร.ต.ท.วไลศักดิ์ ไปปฏิบัติราชการที่ ศปก.บก.ตม.4 เพื่อสะดวกต่อการตรวจสอบข้อเท็จจริงในส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยได้ออกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงแล้วเช่นกัน
*** “ไผ่ วันพอยท์” โร่มอบตัวแสดงความบริสุทธิ์ใจ ***
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) นายไผ่ ลิกค์ หรือ “ไผ่ วันพอยท์” ทายาทอดีตนักการเมืองและมีชื่อเสียงในวงการรถแข่ง เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน บช.ปส. เพื่อให้ข้อมูลกรณีรถยนต์สปอร์ตหรูยี่ห้อแลมบอร์กินีในความครอบครองของ “เบนซ์ เรซซิ่ง”
นายไผ่กล่าวยืนยันว่า ไม่รู้จักกับ “เบนซ์ เรซซิ่ง” และ “นายบอย” เป็นการส่วนตัว แต่เนื่องจากตนทำธุรกิจเกี่ยวกับการซื้อขายรถยนต์หรู อีกทั้งมีเครดิตความน่าเชื่อถือในการจัดหารถมาจำหน่าย เพื่อนของตนซึ่งรู้จักกับ “นายบอย” จึงได้ติดต่อให้ตนเป็นผู้จัดหารถแลมบอร์กินีให้เท่านั้น ส่วนการซื้อขายเป็นเรื่องระหว่าง”นายบอย” กับเต็นท์รถยนต์หรูมือสอง “เอก บลูโน” ย่านพระราม 3 โดยตกลงซื้อขายกันราคา 14 ล้านบาท ชำระเป็นเงินดาวน์ประมาณ 6 ล้านบาท
นายไผ่ยังยืนยันอีกว่า เคยพบกับ “นายบอย” เพียงครั้งเดียวซึ่งเป็นวันที่นัดดูรถแลมบอร์กินี และยังไม่เคยพบกับ “เบนซ์ เรซซิ่ง” ส่วนเหตุผลที่เดินทางมาในวันนี้เพราะได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่เพื่อมาให้ข้อมูลในฐานะพยาน ซึ่งตนก็ไม่ได้เตรียมหลักฐานใดๆ มา พร้อมกับไม่รู้สึกกังวลเพราะเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ใจ