ผู้จัดการรายวัน360- "ชาญชัย" จี้นายกฯ "บิ๊กตู่" เร่งสางคดีเลี่ยงภาษีขายหุ้นชินคอร์ปของ "พานทองแท้-พิณทองทา" ผ่านมา 10 ปีไม่คืบ พร้อมจับพิรุธรถไฟฟ้าสายสีแดง แพงเกินจริง ซ้ำผิดทั้งทีโออาร์ และกฎหมาย ลั่นขอความเป็นธรรมให้ประเทศ เสนอใช้ ม. 44 ล้างโกง ตามที่ได้ประกาศนโยบายเอาไว้ ระบุมีมือมืดเคยเตะถ่วง
วานนี้ (2ก.พ.) นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต ส.ส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ที่ประกาศนโยบายปราบโกง และจะมีการจัดประชุมศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) หลังนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมว.ยุติธรรม นั่งเป็นประธาน ศอตช. คนใหม่ ว่า ตนมี 2 เรื่อง ซึ่งเป็นการทุจริตที่มีใบเสร็จหลักฐานชัดเจน คือ
1. กรณีศาลอาญาพิพากษาจำคุก อดีต รมช.คลัง สมัยรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตผอ.สำนักกฎหมายกระทรวงการคลัง และเจ้าหน้าที่รวมทั้งสิ้น 4 ราย ที่ออกหนังสือยืนยันว่า นายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา ชินวัตร บุตรของนายทักษิณ ชินวัตร ซื้อขายหุ้นบริษัท ชินคอร์ป ไม่ต้องเสียภาษีให้รัฐ คนละ 5.7 พันล้านบาท ซึ่งกรณีนี้ ทางศาลอาญาได้ตัดสินให้ยึดทรัพย์ ซึ่งสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สามารถเข้ายึดอายัดทรัพย์ เพื่อตรวจสอบตามมูลฐานความผิดกฎหมายฟอกเงินได้ แต่ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ
ทั้งนี้ ตนทราบว่าในการประชุม ศอตช. เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 59 ได้มีคนที่เกี่ยวข้องดึงเรื่องนี้ออกจากแฟ้มวาระการประชุม ดังนั้น ในการประชุม ศอตช.ในสัปดาห์นี้ อย่าให้มีมือมืดดึงเรื่องการทุจริตต่างๆ รวมทั้งคดีของ คิง เพาเวอร์ ออกจากแฟ้มวาระการประชุมอีก ไม่เช่นนั้น ตนจะแถลงข่าวแฉให้สังคมทราบว่า ใครเป็นคนดึง และใครเกี่ยวข้องอย่างไร
" นี่ถือเป็นตัวอย่างของการทุจริต ที่มีอดีตรัฐมนตรี และเจ้าหน้าที่รัฐฝ่ายกฎหมายของกระทรวง เอื้อผลประโยชน์ให้ตัวเอง และพวกพ้อง หลบเลี่ยงการจ่ายภาษีแก่รัฐ แต่ไม่เข้าใจว่า คนระดับอธิบดีกรมสรรพากร กล้าประกาศผ่านสื่อว่า เลิกหาตัวคนชดใช้ภาษีคืนให้รัฐในกรณีซื้อขายหุ้นชินคอร์ปแล้ว เท่ากับว่า เข้าข่าย มาตรา 157 หรือไม่"
2. การทุจริตโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าชานเมือง สายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ที่คณะกรรมการกำหนดราคากลาง ตั้งงบฯก่อสร้างครั้งแรกเมื่อพ.ค. 51 รวมทั้งสิน 73,347 ล้านบาท ต่อมามีการตรวจสอบปรับลดวงเงิน โดยครม. อนุมัติเมื่อวันที่ 10 มี.ค. 52 เหลือ 61,278 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น 4 ช่วง ของการก่อสร้างตลอดเส้นทาง ซึ่งมี 4 บริษัทใหญ่เข้าประมูล ในวันที่ 4 ก.ค. 54 หลังประกาศผลการเลือกตั้งในปีนั้นเพียง 1 วัน
ทั้งนี้ บริษัทซิโน-ไทย กลัวว่าจะไม่ได้งาน จึงลดราคาจากการประมูลลงมาอีก 3,400 ล้านบาท ชี้ให้เห็นว่า ราคาประมูลงานนี้ บริษัทรับเหมาตั้งราคาประกวดสูงกว่าราคากลางที่ตั้งไว้มาก ยังสามารถลดลงได้อีก ปรากฏว่า สมัยรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทางผู้ว่าฯรฟท. และบอร์ด มีมติให้หาราคากลางที่เหมาะสม โดยอ้างว่า ระเบียบสามารถเพิ่ม หรือลดวงเงินได้อีก 10% คิดเป็นเงิน 7,500 ล้านบาท ซึ่งรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้มีมติเห็นชอบเพิ่มวงเงิน ทั้งที่ต้องกู้เงินลงทุนจาก ไจก้าของญี่ปุ่น ถือว่าเป็นการทำผิดระเบียบจัดซื้อจัดจ้างฯ ผิดทีโออาร์ และ ผิด พ.ร.บ.การเสนอราคา พ.ศ. 2542 (พ.ร.บ.ฮั้ว)
" ถือเป็น 2 ตัวอย่างโครงการทุจริต ที่ พล.อ.ประยุทธ์ ควรสะสางโดยเฉพาะโครงการสร้างรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ ในอดีต ที่มีการบวกตัวเลขจากราคากลางไว้มาก แม้จะส่งเรื่องร้องเรียนไปยังป.ป.ช. แล้ว แต่ก็ถูกดองเค็มไว้ ไม่ได้ทำอะไร ทั้งๆ ที่มีหน้าที่โดยตรง เพราะหลายหมื่นล้านบาท จากหลายๆ โครงการ รวมกันได้หลายแสนล้านบาท ที่ไม่มีการรักษาผลประโยชน์ให้รัฐ ผมจึงต้องขอความเป็นธรรมให้ประเทศไทย และขอให้นายกฯ ใช้ มาตรา 44 ย้ายคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริต ที่ยังนั่งอยู่ในตำแหน่งให้คุณและโทษได้ ออกไปก่อน พร้อมใช้กฎหมาย ปปง. เข้ายึด อายัดทรัพย์ เพื่อพิสูจน์ความถูกต้องของที่มาที่ไปของทรัพย์สิน การปราบโกงจึงจะสำเร็จ" นายชาญชัย กล่าว
วานนี้ (2ก.พ.) นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต ส.ส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ที่ประกาศนโยบายปราบโกง และจะมีการจัดประชุมศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) หลังนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมว.ยุติธรรม นั่งเป็นประธาน ศอตช. คนใหม่ ว่า ตนมี 2 เรื่อง ซึ่งเป็นการทุจริตที่มีใบเสร็จหลักฐานชัดเจน คือ
1. กรณีศาลอาญาพิพากษาจำคุก อดีต รมช.คลัง สมัยรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตผอ.สำนักกฎหมายกระทรวงการคลัง และเจ้าหน้าที่รวมทั้งสิ้น 4 ราย ที่ออกหนังสือยืนยันว่า นายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา ชินวัตร บุตรของนายทักษิณ ชินวัตร ซื้อขายหุ้นบริษัท ชินคอร์ป ไม่ต้องเสียภาษีให้รัฐ คนละ 5.7 พันล้านบาท ซึ่งกรณีนี้ ทางศาลอาญาได้ตัดสินให้ยึดทรัพย์ ซึ่งสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สามารถเข้ายึดอายัดทรัพย์ เพื่อตรวจสอบตามมูลฐานความผิดกฎหมายฟอกเงินได้ แต่ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ
ทั้งนี้ ตนทราบว่าในการประชุม ศอตช. เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 59 ได้มีคนที่เกี่ยวข้องดึงเรื่องนี้ออกจากแฟ้มวาระการประชุม ดังนั้น ในการประชุม ศอตช.ในสัปดาห์นี้ อย่าให้มีมือมืดดึงเรื่องการทุจริตต่างๆ รวมทั้งคดีของ คิง เพาเวอร์ ออกจากแฟ้มวาระการประชุมอีก ไม่เช่นนั้น ตนจะแถลงข่าวแฉให้สังคมทราบว่า ใครเป็นคนดึง และใครเกี่ยวข้องอย่างไร
" นี่ถือเป็นตัวอย่างของการทุจริต ที่มีอดีตรัฐมนตรี และเจ้าหน้าที่รัฐฝ่ายกฎหมายของกระทรวง เอื้อผลประโยชน์ให้ตัวเอง และพวกพ้อง หลบเลี่ยงการจ่ายภาษีแก่รัฐ แต่ไม่เข้าใจว่า คนระดับอธิบดีกรมสรรพากร กล้าประกาศผ่านสื่อว่า เลิกหาตัวคนชดใช้ภาษีคืนให้รัฐในกรณีซื้อขายหุ้นชินคอร์ปแล้ว เท่ากับว่า เข้าข่าย มาตรา 157 หรือไม่"
2. การทุจริตโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าชานเมือง สายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ที่คณะกรรมการกำหนดราคากลาง ตั้งงบฯก่อสร้างครั้งแรกเมื่อพ.ค. 51 รวมทั้งสิน 73,347 ล้านบาท ต่อมามีการตรวจสอบปรับลดวงเงิน โดยครม. อนุมัติเมื่อวันที่ 10 มี.ค. 52 เหลือ 61,278 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น 4 ช่วง ของการก่อสร้างตลอดเส้นทาง ซึ่งมี 4 บริษัทใหญ่เข้าประมูล ในวันที่ 4 ก.ค. 54 หลังประกาศผลการเลือกตั้งในปีนั้นเพียง 1 วัน
ทั้งนี้ บริษัทซิโน-ไทย กลัวว่าจะไม่ได้งาน จึงลดราคาจากการประมูลลงมาอีก 3,400 ล้านบาท ชี้ให้เห็นว่า ราคาประมูลงานนี้ บริษัทรับเหมาตั้งราคาประกวดสูงกว่าราคากลางที่ตั้งไว้มาก ยังสามารถลดลงได้อีก ปรากฏว่า สมัยรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทางผู้ว่าฯรฟท. และบอร์ด มีมติให้หาราคากลางที่เหมาะสม โดยอ้างว่า ระเบียบสามารถเพิ่ม หรือลดวงเงินได้อีก 10% คิดเป็นเงิน 7,500 ล้านบาท ซึ่งรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้มีมติเห็นชอบเพิ่มวงเงิน ทั้งที่ต้องกู้เงินลงทุนจาก ไจก้าของญี่ปุ่น ถือว่าเป็นการทำผิดระเบียบจัดซื้อจัดจ้างฯ ผิดทีโออาร์ และ ผิด พ.ร.บ.การเสนอราคา พ.ศ. 2542 (พ.ร.บ.ฮั้ว)
" ถือเป็น 2 ตัวอย่างโครงการทุจริต ที่ พล.อ.ประยุทธ์ ควรสะสางโดยเฉพาะโครงการสร้างรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ ในอดีต ที่มีการบวกตัวเลขจากราคากลางไว้มาก แม้จะส่งเรื่องร้องเรียนไปยังป.ป.ช. แล้ว แต่ก็ถูกดองเค็มไว้ ไม่ได้ทำอะไร ทั้งๆ ที่มีหน้าที่โดยตรง เพราะหลายหมื่นล้านบาท จากหลายๆ โครงการ รวมกันได้หลายแสนล้านบาท ที่ไม่มีการรักษาผลประโยชน์ให้รัฐ ผมจึงต้องขอความเป็นธรรมให้ประเทศไทย และขอให้นายกฯ ใช้ มาตรา 44 ย้ายคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริต ที่ยังนั่งอยู่ในตำแหน่งให้คุณและโทษได้ ออกไปก่อน พร้อมใช้กฎหมาย ปปง. เข้ายึด อายัดทรัพย์ เพื่อพิสูจน์ความถูกต้องของที่มาที่ไปของทรัพย์สิน การปราบโกงจึงจะสำเร็จ" นายชาญชัย กล่าว