อาจารย์ ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์
สาขาวิชา Business Analytics and Intelligence
สาขาวิชาวิทยาการประกันภัยและการบริหารความเสี่ยง
คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
สาขาวิชา Business Analytics and Intelligence
สาขาวิชาวิทยาการประกันภัยและการบริหารความเสี่ยง
คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
สหรัฐอเมริกาเป็นดินแดนแห่งโอกาส ผู้เขียนเองเดินทางไปสหรัฐอเมริกาด้วยมือเปล่า ได้เรียน ได้ทำงาน ได้สอนหนังสือ และได้ใช้ชีวิตในอเมริกาอยู่ 6 ปี ได้ปริญญาแผ่นหนึ่ง มีเงินเก็บก้อนหนึ่ง (ทั้งๆ ที่เป็นนักเรียน และไม่เคยทำงานอะไรนอกมหาวิทยาลัยเลย) พอจะกะล่อมกะแล่มกลับบ้านได้ ผู้เขียนเองสำนึกบุญคุณของอเมริกามากที่ให้โอกาส หากไม่มีสหรัฐอเมริกาก็คงไม่มีผู้เขียนในวันนี้ เพื่อนของผู้เขียนที่เป็นอเมริกันชนเป็นคนดี คนน่ารักและคบหาได้อย่างสนิทใจ แต่รัฐบาลอเมริกันและนักการเมืองอเมริกันนั้นไม่ค่อยน่ารักเท่าไหร่นัก คงพอๆ กับนักการเมืองไทยหรืออาจจะเลวร้ายกว่า
ผมเองรู้สึกว่าตนเองตัดสินใจถูกต้องที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตที่ตัดสินใจเดินทางกลับประเทศไทยทั้งๆ ที่ตนเองมีโอกาสง่ายมากที่จะหางานทำและได้ใบเขียว (Green card) เนื่องจากจบปริญญาเอกในสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องกับ STEM (Sciences, Technology, Engineering and Mathematics) ซึ่งขาดแคลนแสนสาหัสในสหรัฐอเมริกา เพราะวิชาแบบนี้คนอเมริกันแท้ๆ ไม่นิยมเรียน มีแต่ผู้อพยพและนักเรียนต่างชาติโดยเฉพาะเอเชียเข้าไปเรียนและทำงานในสาขาวิชาเหล่านี้กันเต็มไปหมด และก่อนจบผมเองก็ได้สอนหนังสือให้กับนักศึกษาปริญญาเอกในมหาวิทยาลัยที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในสหรัฐอเมริกา จึงมีโอกาสที่จะหางานทำ ได้ใบเขียว แต่ผมเองตัดสินใจกลับประเทศไทย ทั้งๆ ที่ไม่ได้ติดทุนอะไรใดๆ ทั้งสิ้น เพราะมีความรู้สึกว่าพอแล้ว และน่าจะได้นำความรู้กลับมาพัฒนาประเทศไทยอันเป็นบ้านเกิดเมืองนอน ดีกว่าเป็นพลเมืองชั้นสองในสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะเมื่อเห็นสถานการณ์ปัจจุบันในสหรัฐอเมริกาแล้วยิ่งทำให้รู้สึกว่าตนเองตัดสินใจถูกต้องที่สุด
อันที่จริงการใช้ชีวิตในสหรัฐอเมริกาไม่ได้ยากลำบากอะไรและมีโอกาสหารายได้ที่ดี แต่การเลือกปฏิบัติ (Discrimination) และการได้รับการดูถูกนั้นมีอยู่แม้ว่ารัฐธรรมนูญสหรัฐอเมริกาจะห้ามทำเช่นนั้นก็ตาม เช่น ผมเดินข้ามถนน ก็มีคนเปิดหน้าต่างรถตะโกนด่าลงมาดังๆ โดยเราไม่ได้ไปทำอะไรเลยว่า Chink อันเป็นคำแสลงดูถูกเหยียดผิวคนเอเชียทำนองว่า “ไอ้เจ๊ก” ในมหานครนิวยอร์กเองก็มีคนที่เป็นพวกเหยียดผิว (Racist) วันดีคืนร้ายก็ผลักคนเอเชียลงไปให้รถไฟใต้ดินเหยียบให้แบนตายมาหลายคนแล้ว โดยไม่ได้มีสาเหตุแห่งความโกรธเคืองกันมาก่อน
คนเราแต่ละคนมีทางเลือก ความสุขและความจำเป็นในชีวิตที่แตกต่างกันไป หลายคนเลือกที่จะแสวงหาความก้าวหน้าหรือการทำงานหาเงินในสหรัฐอเมริกา บางคนไม่รู้ว่ากลับมาประเทศไทยแล้วจะทำมาหากินได้อย่างไรจึงจะได้รายได้ดีเท่ากับที่สหรัฐอเมริกา หลายคนก็มีความรักกับอเมริกันชนและเมื่อมีลูกหรือครอบครัวแล้วก็กลับมาประเทศไทยไม่ได้ ผมเคารพเหตุผลและความจำเป็นของพี่น้องชาวไทยในสหรัฐอเมริกาทุกคน แต่เชื่อหรือไม่ว่า พี่น้องชาวไทยในสหรัฐอเมริกามีความสำนึกในบุญคุณของแผ่นดินไทย มีความจงรักภักดีในราชวงศ์จักรี และต้องการมีส่วนร่วมในการทำบางสิ่งบางอย่างให้แผ่นดินไทย ค่อนข้างสูงมากเป็นส่วนใหญ่
พี่น้องคนไทยในสหรัฐอเมริกา บางคนก็อยู่อย่างถูกกฎหมาย ได้ใบเขียว ไปสอบเป็นพลเมืองอเมริกัน หลายคนก็อยู่เป็นโรบินฮู้ด ผิดกฎหมาย และหลายคนเป็นโรบินฮู้ดยาวนาน ทำงานหนัก ไม่ต้องใช้ความรู้มากนัก แต่ขยันประหยัด อดทน อยู่ยี่สิบกว่าปี สองคนผัวเมียก็ตัดสินใจกลับมาประเทศไทย กลายเป็นเจ้าของอพาร์ทเมนท์ขนาดร้อยห้องชานเมืองกรุงเทพได้ เก็บค่าเช่ากินสบายไปจนตาย ขณะที่โรบินฮู้ดบางคนแม้หาเงินได้ก็เล่นการพนัน ติดการพนันจนสิ้นเนื้อประดาตัว เจ็บป่วยมากลายเป็นคนไข้อนาถาในสหรัฐอเมริกาก็มีให้เห็น
เมื่อ Donald Trump มีนโยบายกีดกันและเลือกปฏิบัติต่อผู้อพยพ ย่อมทำให้ผู้น้องคนไทยได้รับผลกระทบไปในทางใดทางหนึ่ง อย่างน้อยก็ทางจิตใจ การออกคำสั่งห้ามพลเมืองจากเจ็ดประเทศมุสลิมเข้ามาในสหรัฐอเมริกา การออกนโยบายกั้นพรมแดนอเมริกากับเม็กซิโก นั้นส่งผลกระทบมากมาย นักเรียน นักศึกษา กลับไปเยี่ยมบ้านเกิด กลับเข้ามาเรียนต่อในสหรัฐอเมริกาไม่ได้ ผู้คนจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่มีการศึกษาสูง เช่น ในสถาบันอุดมศึกษา นักวิทยาศาสตร์ ในวงการ Information technology ก็ออกมาต่อต้านอย่างรุนแรง อย่าลืมว่า Steve Jobs เป็นลูกของผู้อพยพชาวซีเรีย และคณบดีมากกว่าครึ่งหนึ่งของ Harvard ก็เป็นผู้อพยพและลูกหลานผู้อพยพแทบทั้งสิ้น ล่าสุด Donald Trump ลุแก่อำนาจปลด Attorney general ลงจากตำแหน่งเนื่องจากไม่ยอมปฏิบัติตามนโยบายของ Trump เนื่องจากมีความเห็นว่านโยบายในการกีดกัน เหยียดชาติพันธุ์ เหยียดผิว เหยียดศาสนา นั้นไม่ถูกต้องตามกฎหมาย การลุแก่อำนาจเช่นนี้ทำให้ดูแล้ว คิมจองอิล ผู้นำเกาหลีใต้ดูเป็นผู้นำที่มีลูกบ้าน้อยลง และคุณชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ กลายเป็นคนเรียบร้อยอยู่ในร่องในรอยขึ้นมามากมายและทำให้คุณทักษิณ ชินวัตรกลายเป็นคนไม่ลุแก่อำนาจไปเลยทีเดียว
ว่ากันว่าแท้ที่จริงแล้ว Steve Bannon ซึ่ง Trump ตั้งมากับมือให้เป็น Chief Strategist ของตนเอง นั้นเป็น master mind ในเรื่องต่างๆ เหล่านี้ ตัว Bannon เองนั้นแม้แต่ John McCain จาก Republican เองก็ยอมรับไม่ได้ ล่าสุด Bannon ก็ออกมาพูดว่าในซิลิคอนวอลเลย์มี CEO จากเอเชียมากเกินไป
แม้ Trump จะไม่ได้ออกปากไล่คนเอเชียหรือยังไม่มีนโยบายกีดกันคนเอเชีย แต่เชื่อว่าจากทัศนคติของ Bannon ไม่นานนัก Trump คงมีนโยบายเด็ดดวงหลุดโลกที่ทำให้พี่น้องชาวไทยในสหรัฐอเมริกา ได้ตื่นเต้นและลำบากมากขึ้น ตัว Trump เองคนลืมไปว่าโคตรเหง้าบรรพบุรุษของตนก็ล้วนแต่เป็นผู้อพยพมาทั้งสิ้น Native American เจ้าของแผ่นดินที่แท้จริงคือคนอินเดียนแดงต่างหาก แล้วถ้าไม่มีผู้อพยพมา ภรรยาของ Trump เองจะมาจากไหน สหรัฐอเมริกาเติบโตแข็งแกร่งมาได้จนปัจจุบันก็ด้วยผู้อพยพแทบทั้งสิ้น เรื่องของ racial discrimination หรือการแบ่งแยกเชื้อชาตินั้นทุกคนต่างก็ทราบกันดีว่ามีอยู่จริงในสหรัฐอเมริกา มีประวัติการต่อสู้กันมาอย่างยาวนาน สุนทรพจน์อันลือลั่นและทรงพลังที่ชื่อว่า I have a dream ของ Martin Luther King Junior ในงาน March on Washington เป็นหนึ่งในตัวอย่างนั้น
พี่น้องคนไทยในสหรัฐอเมริกา ที่ได้กรีนการ์ดหรือได้เป็นพลเมืองอเมริกันแล้วคงได้รับผลกระทบไม่มาก แต่นักเรียนไทย นักศึกษาไทย น่าจะได้รับผลกระทบ การตรวจคนเข้าเมืองคงเข้มงวดขึ้นมาก และพี่น้องคนไทยที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมายคงจะลำบากมากยิ่งขึ้น อาจจะต้องหลบๆ ซ่อนๆ กันมากขึ้น เพราะนโยบายการตรวจคนเข้าเมือง ประกอบกับคนสหรัฐอเมริกาบางกลุ่มเองก็สนับสนุนนโยบายของ Trump ถ้าลองเปิดช่อง Fox News ก็จะเห็นความเป็นจริงข้อนี้ สื่อมวลชนในสหรัฐอเมริกา ก็เลือกข้าง ไม่ได้ต่างจากสมัยเรามี Blue Sky และ Asia Update แต่อย่างใด
สำหรับคนไทยหลายๆ คนก็คงรู้สึกสาแก่ใจที่ Donald Trump ขึ้นมารับตำแหน่งและเกิดเหตุวุ่นวายเหลือเกินในสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมัย Obama พวกข้าราชการและรัฐมนตรีของสหรัฐอเมริกาไม่ว่า จอห์น เคอรรี่ หรือเจน ซากี้ ก็เข้ามายุ่งวุ่นวายกิจการภายในของประเทศไทยมากมายเหลือเกิน อย่างไร้มารยาททางการฑูต และทำให้คนไทยโกรธแค้นมาก เรื่องนี้กรรมติดจรวด แต่ก็น่าเห็นใจอเมริกันชนเช่นกัน ไม้ล้มเราจึงไม่ควรข้าม หรือกระทืบซ้ำโดยความสาแก่ใจแต่อย่างใด
สถานการณ์ความวุ่นวายในสหรัฐอเมริกาคงจะไม่จบลงง่ายๆ นี่เพียงหนึ่งสัปดาห์ก็ยังโกลาหลกันเช่นนี้ ประเด็นเรื่อง Racial discrimination นั้นเป็นเรื่องใหญ่มาก สหรัฐอเมริกาปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยแบบอารยประเทศผู้พัฒนาและเจริญแล้ว ไม่นิยมการมานอนกลางดินกินกลางถนน ประท้วงรัฐบาลกันยาวๆ แบบของไทย แต่เชื่อได้ว่าจะใช้วิธีการลอบฆ่าประธานาธิบดีแทน ดังที่เกิดมาแล้วในสมัยของ John F. Kennedy และ Abraham Lincoln ดังนั้นเรื่องของการลอบสังหารประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาที่ชื่อ Donald Trump ก็อาจจะเป็นสิ่งเรามีโอกาสจะได้เห็นสูงมาก