ฮื่ออ์อ์อ์...อย่างที่คุณพี่ “โสภณ องค์การณ์” ท่านว่าไว้ในคอลัมน์ “ป้อมพระอาทิตย์” เมื่อวันวานนั่นแหละว่า ที “ปฏิรูป” ในเรื่องอื่น ยังออกไปทาง “ปฏิรูด” หรือยังพอ “ถอกเข้า-ถอกออก” ไปได้เรื่อยๆ โดยเฉพาะ “ปฏิรูปตำรวจ” ที่รูดแล้วรูดอีก แต่กว่าจะถึง “จุดออกัสซั่ม” คงประมาณชาติหน้าบ่ายๆ ไม่ต่ำกว่า 3 โมงแก่ๆ โน่นแหละ ด้วยเหตุนี้...สำหรับการ “ปฏิรูปสื่อ” อะไรมันจะต้องซอยยิกๆ ไปได้ถึงปานนั้น...
คือถ้าดูจากสีหน้าสีตาของ “อาจารย์ป๋อง” “เฮียหยุ่น” และ “เฮียหย่อง” ตลอดไปจนถึง “น้องแว่น” ฯลฯ หรือบรรดาตัวแทนสื่อถึง 30 องค์กร ที่ออกมาไขว้ไม้ไขว้มือแสดงความไม่เห็นด้วยกับพ.ร.บ.ปฏิรูปสื่อ ของคณะกรรมการสปท.หรือคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ ซึ่งคงปฏิเสธไม่ได้ว่า...รัฐบาล คสช.เองนั่นแหละที่เป็นผู้แต่งตั้งวางตัวเอาไว้ตั้งแต่แรก คงต้องยอมรับว่า...ออกอาการเอาจริงเอาจัง ขมึงถึงตึงเครียดมิใช่น้อย ดังนั้น อะไรที่มันพอพูดจากันได้ ก็น่าที่จะเจ๊าะๆ แจ๊ะๆ ค่อยๆ รูด ค่อยๆ คลึงไปตามแบบฉบับของผู้ซึ่ง “ยึดถือผลประโยชน์ส่วนรวม” หรือ “ผลประโยชน์แห่งชาติ” เป็นที่ตั้ง ไม่ใช่ดาหน้าออกมาโต้แบบชนิดดอกต่อดอก แสดงอาการกะจะเอาให้ได้ กะจะเอาให้อยู่ อะไรประมาณนั้น...
บรรยากาศระหว่างตัวแทนสื่อ (30 องค์กร) กับตัวแทนรัฐบาล (สปท.)...มันจึงออกไปทางไม่น่าพิสมัยซักเท่าไหร่ และคงหนีไม่พ้นต้องกลายเป็นเรื่อง เป็นราว ทั้งๆ ที่มันไม่น่าจะได้เรื่องได้ราวอะไรมากมายนัก คือแทนที่จะร่วมมือ ร่วมใจร่วมผลักดันสิ่งต่างๆ ให้ผ่านไปในช่วง “ระยะผ่าน” ตามแบบฉบับลีลา “ประชารัฐ” ไผทของไทยทุกส่วน อยู่ดำรงคงหมายให้ได้ทั้งมวล ด้วยทะนวนหมาย (ไทยล้วนหมาย) ทำนองนั้น ซึ่งคงต้องอาศัยความพร้อมอกพร้อมใจหรือ “ยินยอมพร้อมใจ”ของสื่อเป็นที่ตั้งอย่างมิอาจปฏิเสธได้ และคงไม่ใช่เรื่องลำบากยากเย็น หรือคอขาดบาดตายอะไรมากมาย ที่จะต้องเอาให้ได้ เอาให้อยู่ กันในจังหวะนี้...
แน่ล่ะว่า...สื่อช่วงนี้ ในแง่ “เครดิต” อาจจะไม่เหมือนก่อน คือเป็นสื่อที่อาจเหินห่าง “มวลชน” มานาน จนมวลชนหันมาด่าว่าแบบเสียๆ หายๆ อยู่ไม่น้อย เมื่อต้องมายกกำปั้นไขว้มือไขว้ไม้ใส่ “เผด็จการละมุนภัณฑ์” ซึ่งกำลังมีคะแนนนิยมพุ่งโด่เด่ระดับรับประทานไวอะกร้าวันละ 3 เวลาหลังอาหาร โอกาสที่จะ “เหยียบเบรก” ให้หัวทิ่มหัวตำกันไปข้าง มันคงเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วแน่ๆ แต่ถึงกระนั้นก็ใช่ว่า...การไม่คิดจะสร้างความยินยอมพร้อมใจ แสวงหาความยอมรับจากสื่อให้เป็นไปโดยเอกภาพ มันจะเป็นอะไรที่ “ชั่งมัน...ฉันไม่แคร์” ได้โดยตลอด เพราะโดยอดีตผ่านมา ไม่ว่ารัฐบาลไหนต่อรัฐบาลไหนก็เถอะ ดันไป “มีเรื่อง” กับสื่อ ล้วนแล้วแต่อยู่ยากซ์ซ์ซ์ อยู่ลำบากไปด้วยกันทั้งสิ้น...
ด้วยเหตุนี้...ยังไงๆ ลองหันไปฟังคำเตือนของ “นาย Henry Kissinger”อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศอเมริกา ผู้เคยเผชิญปัญหาความขัดแย้งแตกต่างระดับโลกมาโดยตลอด แม้กระทั่งกำลังใกล้แง้มฝาโลงเต็มที ซึ่งเคยกล่าวถ้อยคำเก๋ๆ และน่าคิดน่าสะกิดใจมิใช่น้อย ที่ระบุไว้ว่า “The Great Tragedies of History Occur Not When Right Confronts Wrong But When Two Rights Confront Each Other.” และ “อาจารย์กรุณา กุศลาศัย” ท่านถอดความเป็นภาษไทยเอาไว้ว่า “โศกนาฏกรรมสำคัญๆ ในประวัติศาสตร์ มิได้เกิดขึ้นเมื่อฝ่ายถูกเผชิญหน้ากับฝ่ายผิด แต่เกิดขึ้นเมื่อฝ่ายถูกทั้งสองประจันกัน” อะไรประมาณนั้น...
พูดง่ายๆ ว่า...ระหว่างที่ “รูดตำรวจ” “รูดพลังงาน” “รูดศาสนา” หรือ “รูดธรรมกาย” ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ ยังไม่แล้วเสร็จ คงไม่ถึงกับต้องมาขะมักเขม้น ถอกเข้า-ถอกออกประดุจกะจะให้เกิดการ “ออกัสซั่ม” ในวงการสื่อให้จงได้เพราะสื่อทุกวันนี้...มันไปไกลเกินกว่าที่ใครจะสามารถ “ควบคุมการหลั่ง” ได้อย่างเดิมๆ อีกต่อไปแล้ว อะไรที่มันไม่ได้เรื่องได้ราว ก็อย่าไปเสียเหงื่อเสียแรง โดยใช่เหตุ เพราะไอ้ที่ต้องลงทุนลงแรงถึงขั้นต้อง “รวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย”มันยังมีอีกเยอะ!!!