xs
xsm
sm
md
lg

มีอะไรต้องกลัวสื่อขุดคุ้ยหรือ...?

เผยแพร่:   โดย: โสภณ องค์การณ์

เป็นเรื่องขึ้นมาแล้วไงครับ เมื่อ 30 องค์กรเกี่ยวกับอาชีพสื่อมวลชนออกมาผนึกกำลังต่อต้านร่างกฎหมายฉบับใหม่ของสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ออกแถลงการณ์ไม่เห็นด้วย นับเป็นการเคลื่อนไหวขององค์กรสื่ออีกครั้งอย่างมีพลังแข็งแกร่ง

จะว่าเป็นงานเข้ารัฐบาลโดยไม่คาดฝันก็ได้ หรือคาดไว้อยู่แล้วว่าจะต้องมีแรงต้านร่างกฎหมายที่ว่านี้ แต่ไม่นึกว่าจะมีองค์กรสื่อออกมามากมาย เป็นเอกภาพขนาดนั้น

ใครก็ตามที่เป็นหัวโจก หัวหอก คิดเรื่องออกกฎหมายควบคุมสื่อ แสดงว่าไม่ได้ดูว่าประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการต่อสู้ของสื่อในเมืองไทยว่าเป็นอย่างไร เหนียวแน่น ต่อเนื่องด้วยศักยภาพแค่ไหน เขย่าความมั่นคงและความนิยมของประชาชนที่มีต่อรัฐบาลอย่างไร

และเมื่อเห็นอย่างนี้แล้ว คนต้นคิดร่างกฎหมายนี้ยังมีความเชื่อมั่น ลำพอง ผยองในอำนาจของตัวเอง นึกว่า “เอาอยู่” เพราะรัฐบาลคุณท่านมีกฎหมายพิเศษอยู่ บอกได้เลยว่าคิดผิดอย่างจัง ที่เห็นกันมาตลอดก็คือรัฐบาลใดที่อยู่ตรงข้ามกับสื่อนั้น ไปได้ยากจริงๆ

รัฐบาลคุณท่านคงปฏิเสธได้อย่างเต็มปากว่า “ไม่รู้เรื่อง” เป็นเรื่องของ สปท. ว่ากันมาเอง คิดอ่านกันเอง รอให้เสนอมาตามลำดับก่อน แล้วค่อยมาว่ากันอีกทีว่าจะเอาไง

ตอนนี้คุณท่านรู้เรื่องแล้ว น่าจะเริ่มคิดถึงทางหนีทีไล่ให้พร้อมว่าจะไปกันอย่างไร หรือถ้าไม่อยากให้เป็นเรื่องยืดเยื้อ คุณท่านก็ “แช่เย็น” ไว้ได้ เหมือนร่างกฎหมายอื่นๆ เป็นทางออกแบบไทยๆ ในยามที่รัฐบาลคุณท่านต้องอาศัยสื่อเพื่อการรณรงค์เรื่องปรองดอง

ที่เป็นเรื่องฮือฮาตอนนี้ก็เป็นเพราะคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนประเทศด้านการสื่อสารมวลชนได้ยกร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวแพลมๆ เป็นระยะๆ อยู่แล้ว

ชื่อเต็ม ฟังแล้วดูเหมือนดีคือ “ร่างพระราชบัญญัติการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน พ.ศ. ...” เพื่อเสนอให้สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศรับรอง จากนั้นก็จะส่งให้คณะรัฐมนตรีและสภานิติบัญญัติแห่งชาติตามลำดับ

ในสภาวะปกติ รัฐบาลจะไม่มีความหวังดีประสงค์ร้าย หรืออยากยุ่งกับสื่อ ยกเว้นมีพวกกินข้าวอิ่มแล้วไม่มีอะไรทำ อยากเอาหน้า หรือได้รับสัญญาณมาจากผู้มีอำนาจกลุ่มใดหวังจะควบคุมสื่อ โกงเยอะ หวาดระแวง เป็นวัวสันหลังหวะ มีแผลเยอะ กลัวถูกจิกคุ้ย

ยิ่งถ้าเป็นพวกอ้างว่า “ไม่รู้เรื่อง” แล้วมารับหน้าเสื่อเรื่องละเอียดอ่อนอย่างนี้ด้วยแล้ว ยิ่งต้องถูกสงสัยไว้ก่อนเลยว่า “รับงานมา” ไม่ใช่เป็นเรื่องจัดการงานนอกสั่งแน่นอน การทำให้คนทำสื่ออยู่ในสภาวะตั้งป้อมเป็นปฏิปักษ์กับรัฐบาลโดยตรง ไม่ใช่เรื่องที่ควรทำ

และหน้าที่หลักของ สปท. คือการ “ปฏิรูป” อะไรก็ตามที่มีปัญหา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาครัฐ เช่นองค์กรของรัฐซึ่งมีภาพลักษณ์ติดลบอย่างร้ายแรง มีเสียงเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งปฏิรูปอย่างเร่งด่วนจริงจัง แต่ไม่ได้รับการตอบสนอง มีแต่ความนิ่งเงียบเฉย

มีอย่างน้อย 2 เรื่อง คือปฏิรูปองค์กรในกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะตำรวจและอัยการ ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์มาก ว่าเป็นต้นตอของปัญหาการเมือง สังคมทุกวันนี้ ทำให้เกิดวิกฤตการเมืองร้ายแรงหลายครั้ง มีปัญหาในการปฏิบัติหน้าที่ ไร้ความเที่ยงธรรม

ประชาชนเรียกร้องให้รัฐบาลคุณท่านได้ปฏิรูปด้านนี้ แต่ยังไม่มีความเคลื่อนไหว เหตุผลหรือข้ออ้างแต่ละครั้งรับฟังไม่ได้ ทั้งๆ ที่รู้ว่าการปรองดองที่รัฐบาลเรียกร้องนั้นจะไม่ยั่งยืน เป็นเพียงปาหี่ชั่วคราว ถ้าเกิดข้อขัดแย้งขึ้นแล้วเจ้าหน้าที่บ้านเมืองเลือกปฏิบัติ

ในทุกสังคมทุกระดับ ทุกประเทศย่อมมีข้อขัดแย้ง การเป็นปฏิปักษ์ระหว่างกลุ่ม ถ้าเจ้าหน้าที่บ้านเมืองจัดการด้วยความเที่ยงธรรม ก็ไม่มีปัญหา ที่ผ่านมานักการเมืองโกงบ้านกินเมือง แต่เจ้าหน้าที่ไม่ทำหน้าที่จริงจัง ประชาชนคนดีต้องออกมาเดินขบวนขับไล่นักการเมืองชั่วได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่อิงการเมืองเพื่อความก้าวหน้าลงมือทำร้ายประชาชน เป็นคดีความอยู่จนทุกวันนี้ และเจ้าหน้าที่อีกนั่นแหละที่ยังพยายามกลบเป่าคดีเพื่อช่วยเหลือผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดให้รอดพ้นจากคดีอาญา แต่ยังไม่สำเร็จ

รัฐบาลนี้แหละได้ออกกฎหมายควบคุมการชุมนุมของประชาชน ซึ่งในอนาคตรัฐบาลชั่วร้ายจะให้กฎหมายนี้สกัดกั้นไม่ให้ประชาชนชุมนุมเดินขบวน รวมทั้งร่างกฎหมายเรื่องสื่อย่อมจะถูกรัฐบาลชั่วร้ายใช้เป็นเครื่องมือจัดการสื่อมวลชนเช่นกัน       

อีกเรื่องซึ่งประชาชนเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งปฏิรูปเพื่อผลประโยชน์ของบ้านเมืองคือ “กิจการพลังงาน” ทุกวันนี้ประชาชนต้องจ่ายค่าพลังงานในราคาแพงกว่าเพื่อนบ้าน และมีการฉกฉวยเอาผลประโยชน์อย่างมหาศาลโดยกลุ่มต่างๆ ซึ่งเกี่ยวโยงกับธุรกิจพลังงาน

ทุกวันนี้ยังไม่คืบหน้าไปไหน อะไรที่ประชาชนต้องการ รัฐบาลไม่ทำ อะไรที่ไม่มีการร้องขอ กลับมีความพยายามยัดเยียดจัดให้ เพราะกฎหมายควบคุมการชุมนุม ควบคุมสื่อไม่มีวันจะออกมาได้โดยรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ต้องมีอำนาจพิเศษ ปูทางให้เท่านั้น

กฎหมายควบคุมการชุมนุม ควบคุมสื่อ มีเป้าหมายเหมือนกัน คือจำกัดสิทธิในการเคลื่อนไหว การรับรู้ของประชาชน รัฐบาลชั่วร้ายได้ประโยชน์จากกฎหมายแบบนี้ ทำให้เกิดคำถามว่า “รัฐบาลคุณท่าน” หวังดีต่อรัฐบาลโกง ประสงค์ร้ายต่อประชาชนเช่นนั้นหรือรัฐบาลดีไม่ควรกลัวสื่อทั้งดีและเลว สื่อดีย่อมไม่เล่นงานรัฐบาลดี ถ้ามีสื่อเลวรัฐบาลมีอำนาจตามกฎหมายจัดการได้อยู่แล้ว มีแต่รัฐบาลชั่วร้ายเกรงกลัวการขุดคุ้ยเปิดโปง กลัวการเดินขบวนขับไล่ ไล่ก็ไม่ไป ต้องให้คุณท่านผู้นำกองทัพทำรัฐประหารไล่ออกนั่นไงล่ะ

สื่อมวลชนอยู่ได้เพราะความน่าเชื่อถือ รัฐบาลชั่วร้ายอยากอยู่ต้องใช้อำนาจอธรรม เรื่องกฎหมายคุมสื่อจะพิสูจน์เจตนาของรัฐบาลคุณท่าน และความน่าเชื่อถือด้วยเช่นกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น