ช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา...มีข่าวต่างประเทศอยู่ชิ้นหนึ่ง ที่น่าคิด น่าสนใจไม่น้อยไปกว่าข่าว “ทรัมป์” ตัดสินใจเตรียมสร้าง “กำแพงเม็กซิโก” เพียงแต่บ้านเรา...อาจไม่ได้มีใครคิดหยิบเอามาเป็นข่าวซักเท่าไหร่ นั่นก็คือข่าวของสำนักข่าว “รอยเตอร์” ที่ได้อ้างว่า “นาย Ted Malloch” หรือ “Theodore Roosevelt Malloch” ผู้ที่คาดๆ กันว่า อาจได้รับการแต่งตั้งจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ ให้ไปดำรงตำแหน่งเป็นทูตสหรัฐฯ ประจำ EU ในอีกไม่ใกล้-ไม่ไกล แต่กลับออกมาให้สัมภาษณ์โทรทัศน์ BBC เมื่อไม่กี่วันมานี้ ว่าแนวโน้มที่ระบบเงินตราสกุลเดียวของ EU หรือเงินยูโรนั้น... อาจต้องถึงกาลล่มสลายภายในอีก 18 เดือนข้างหน้า!!!
อันนี้...คงไม่ใช่ “ข่าวปลอม” ประเภท “Fake News” ทั้งหลาย คือ “นาย Ted” นั้นแกพูดจริง ให้สัมภาษณ์จริง แต่ส่วนข้อวิเคราะห์แนวคิด หรือคำทำนายของแกจะจริงหรือปลอม คงต้องเก็บไปนั่งคิดกันเอาเอง และโดยตัวตนของ “นาย Ted” ดูๆ ก็ไม่น่าจะถึงกับ “บ้า” แบบเดียวกับ “ทรัมป์” มากมายซักเท่าไหร่นัก ออกจะมีหลักมีฐาน มีประสบการณ์ด้านเศรษฐศาสตร์อยู่พอสมควร คือเป็นถึงศาสตราจารย์มหาวิทยาเยลและอ๊อกซฟอร์ด เป็นประธานบริหารกลุ่มบริษัทธุรกิจ “Roosevelt Group” บริษัท “LLC” และ “Global Fiduciary Governance” ฯลฯ เคยมีผลงานการเขียนหนังสือด้านธุรกิจ เศรษฐกิจที่ขายดิบขายดีหลายต่อหลายเล่ม หรือเรียกว่ามี “ดีกรี” พอที่จะ “บ้า...ก็...บ้าวะ” ได้สบายๆ แถมยังได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่มีความสนิทสนมคุ้นเคยกับพวกนายทุนวอลล์สตรีทมาโดยตลอด โดยเฉพาะกลุ่มบริษัท “Salomon Brother”...
อีกทั้งตัว “นาย Ted” เองได้อ้างไว้ว่า...ไม่ใช่แต่เฉพาะตัวเองเท่านั้น ที่เห็นว่าระบบเงินยูโรกำลังใกล้จะ “เจ๊ง” ภายในอีก 18 เดือนข้างหน้า เพราะแม้แต่นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดัง อย่าง “Joseph Stiglitz” แห่งธนาคารโลก ก็เคยแสดงความเห็นทำนองนี้ไว้ในหนังสือที่เขียนขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ แต่ที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้น ก็คือว่า...ตัวเก็งผู้ดำรงตำแหน่งทูตสหรัฐฯ ประจำ EU รายนี้ ได้กล่าวถึงสิ่งที่ตัวอยากเห็น หรืออยากให้ปรากฏขึ้นมา หลังจากที่อาจต้อง “เทขาย” เงินสกุลยูโรลงไปให้เกลี้ยงทั้งแผง ก็คือ “ความเป็นไปได้” ที่จะเกิดการ “ควบรวมกิจการ” หรือการสร้างข้อตกลง “เขตการค้าเสรี” ระหว่างประเทศอังกฤษที่กำลังใกล้จะถอนตัวจาก EU ในอีกไม่นานไม่ช้า กับประเทศอเมริกาโดยตรง โดยบรรยายฉากเหตุการณ์ที่อาจกำลังเกิดขึ้นเอาไว้ด้วยว่า “ขอให้นึกถึงภาพการควบรวมของข้อตกลงการค้าที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ พวกเราบางคนที่ทำงานอยู่ในวอลล์สตรีทรู้ดีว่า ถ้าหากสามารถหาผู้คนที่เหมาะๆ วางตัวไว้ในสถานที่ที่เหมาะๆ โดยมีข้อมูลที่ถูกต้อง และมีพลังมากพอ เราก็อาจสร้างความสำเร็จให้กับฉากสถานการณ์เหล่านี้ได้ และประธานาธิบดีทรัมป์ ก็ถือว่าเป็นบุคคลที่มีพลังอย่างแท้จริง...”
นี่... บ้าไม่บ้า คงต้องไปนั่งคิดนอนคิดกันเอาเอง แต่ที่แน่ๆ ก็คือ...ความบ้า หรือความคิดแผลงๆ ชนิด “ไม่อาจคาดเดาได้” ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ รายใหม่ รวมทั้งบรรดาผู้ที่อยู่รายรอบทั้งหลาย ทำให้ฉากสถานการณ์ของโลกทั้งโลก เกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับแทบตามไม่ทันเอาเลยทีเดียวเจียว ยิ่ง “ตัวละคร” ที่มีบุคลิก ลักษณะทำนองนี้ ดูจะโผล่หน้าโผล่ตาขึ้นมาเป็นแผงๆ ในไม่รู้กี่ต่อกี่ประเทศ ไม่ว่าในอเมริกา ยุโรป ตุรกี หรือแม้แต่ใกล้ๆ บ้านเราอย่างฟิลิปปินส์ก็ตาม ยิ่งน่าจะมีส่วนทำให้ฉากสถานการณ์ระหว่างประเทศ ยิ่งเป็นอะไรที่ “คาดเดาได้ยากซ์ซ์ซ์” ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ เป็นฉากสถานการณ์ที่ทำให้ประเทศเล็กๆ อย่างไทยแลนด์แดนสยาม ของหมู่เฮา น่าที่จะหันไปให้ความสำคัญกับคำพูดที่ถือเป็นอุธาหรณ์สอนใจของนักปรัชญาชาวกรีกแห่งลัทธิสโตอิก “Epictetus” ตั้งแต่เมื่อเกือบ 2,000 ปีที่แล้ว ที่ว่าไว้ว่า... “Fortify yourself with contentment, for this an impregnable fortress.” และ “อาจารย์กรุณา กุศลาสัย” ได้ถอดความเอาไว้เป็นภาษาไทยว่า “จงสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ตัวท่านด้วยความสันโดษ (พอเพียง) เพราะนี่...คือป้อมปราการที่มิมีผู้ใดจะตีแตก” นั่นแล...