xs
xsm
sm
md
lg

ม.44 “บิ๊กตู่” ปราบ “ทุจริต” ได้แน่นอน!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“สอดแนมการเมือง”
โดย “ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”

“ในหลวงรัชกาลที่ 9” ทรงมีพระบรมราโชวาทและพระราชดำรัส เกี่ยวกับ“การทุจริต” มากมาย

เพราะทุจริตโกงชาติ..เป็นสิ่งที่ชาวโลกเห็นตรงกันว่า คนทุจริตโกงชาตินั้น เป็นคนชั่วที่น่ารังเกียจอย่างยิ่ง ต้องช่วยกันเปิดโปง-ประณาม-ต่อต้าน-ต่อสู้อย่างกล้าหาญ เพื่อกำจัดคนชั่วเหล่านั้นให้ลดและหมดไปโดยเร็วที่สุด ที่สำคัญต้องไม่ให้คนชั่วพวกนี้ ได้ขึ้นปกครองชาติบ้านเมืองเด็ดขาด

เพราะการทุจริตโกงชาติ คือ หนึ่งในต้นเหตุการทำลายชาติอย่างแท้จริง!

ก่อนอื่น..ผู้มีอำนาจทุกคนที่ลั่นสัจจะวาจา ประกาศทำสงครามปราบพวกทุจริตโกงชาติ ฯลฯ ต้องทำตามพระบรมราโชวาทและพระราชดำรัส ของ “ในหลวงรัชกาลที่ 9” ดังนี้

“สัจจะวาจา นั้นเป็นรากฐานของการทำงาน หรือการดำรงชีวิตที่ดี ที่งาม ที่มีความก้าวหน้า มีความสำเร็จ “สัจ” เป็นการตั้งใจ ตั้งจิตใจ “วาจา” เป็นคำพูดออกมา แสดงถึงคำพูดนั้นต้องออกมาจากใจ คือ เป็นการตั้งใจที่จะทำอะไร เพื่อความสำเร็จในงานนั้น”

พระบรมราโชวาทในโอกาสพระราชทานแก่ผู้พิพากษาประจำกระทรวงยุติธรรม 18 มีนาคม 2525

“ความคิดนั้นสำคัญมาก ถือได้ว่าเป็นแม่บทใหญ่ของคำพูดและการกระทำทั้งปวง กล่าวคือ ถ้าคนเราคิดดี คิดถูกต้อง ทั้งตามหลักวิชาและคุณธรรม คำพูดและการกระทำก็เป็นไปในทางที่ดีที่เจริญ แต่ถ้าคิดไม่ดีไม่ถูกต้อง คำพูดและการกระทำก็อาจก่อให้เกิดความเสียหาย ทั้งแก่ตัวเองและส่วนรวมได้ ด้วยเหตุนี้ ก่อนที่บุคคลจะพูดจะทำสิ่งใด จำเป็นต้องหยุดคิดเสียก่อนว่า กิจที่จะทำ คำที่จะพูดนั้น ผิดหรือถูก เป็นคุณประโยชน์หรือเป็นโทษเสียหาย เป็นสิ่งที่ควรพูด ควรกระทำ หรือควรงดเว้น เมื่อคิดพิจารณาได้ดังนี้ ก็จะสามารถยับยั้งคำพูดที่ไม่สมควร หยุดยั้งการกระทำที่ไม่ถูกต้อง พูดและทำแต่สิ่งที่จะสัมฤทธิ์ผลเป็นคุณ เป็นประโยชน์ และเป็นความเจริญ”

พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 9 กรกฎาคม 2540

“ผู้หนักแน่นในสัจจะ พูดอย่างไร ทำอย่างนั้น จึงได้รับความสำเร็จ พร้อมทั้งความศรัทธาเชื่อถือและความยกย่องสรรเสริญ จากคนทุกฝ่าย การพูดแล้วทำ คือ พูดจริง ทำจริง จึงเป็นปัจจัยสำคัญในการส่งเสริมเกียรติคุณของบุคคลให้เด่นชัด และสร้างเสริมความดี ความเจริญ ให้เกิดขึ้นแก่บุคคลและส่วนรวม”

พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 10 กรกฎาคม 2540

“การดำเนินชีวิตโดยใช้วิชาการอย่างเดียวยังไม่เพียงพอ จะต้องอาศัยความรู้รอบตัวและหลักศีลธรรมประกอบด้วย ผู้ที่มีความรู้ดีแต่ขาดความยั้งคิด นำความรู้ไปใช้ในทางมิชอบ ก็เท่ากับเป็นบุคคลที่เป็นภัยแก่สังคมของมนุษย์”

พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 18 กันยายน 2504

“ความซื่อสัตย์สุจริตนี้ คือไม่โกง คือไม่คอรัปชั่น คือไม่ขโมย ไม่ทุจริต นี่ก็พูดได้ง่ายๆ แต่ปฏิบัติได้หรือเปล่า เพราะบางอย่างมันไม่ใช่ขโมย บางอย่างไม่ใช่คอรัปชั่น บางอย่างไม่ใช่ทุจริต แต่ว่าเป็นการทำให้คนอื่นเขาทุจริตได้”

พระราชดำรัสพระราชทานแก่คณะบุคคลที่เข้าเฝ้าฯ ณ ศาลาดุสิดาลัย 4 ธันวาคม 2521

อืม..ใช่เลย..คนมีอำนาจแต่ไม่ปราบไม่จับคนโกง ถือเป็นการกระทำเพื่อให้คนอื่นทุจริตจริงไหม?

“ความซื่อสัตย์สุจริตนั้น ขอวิเคราะห์ศัพท์ว่าความตรงไปตรงมาต่อสิ่งทั้งหลายน้อยใหญ่ ส่วนงานของราชการ ส่วนงานของตัวเองเป็นส่วนตัว ทั้งหมดคือความซื่อสัตย์สุจริต และคำว่าสุจริตนี้ก็มาจากคำว่าการท่องเที่ยวของจิตในทางที่ดี หรือคิดให้ดี คิดให้สุจริต ทั้งฉลาดด้วย ทั้งไม่เบียดเบียนผู้อื่นหรือการงานของตัว ทั้งไม่เบียดเบียนส่วนรวมด้วย จึงจะเป็นผู้สุจริต”

พระราชดำรัสพระราชทานแก่คณะผู้บังคับบัญชา อาจารย์และนายทหารนักเรียนโรงเรียนเสนาธิการทหารบก ชุดที่ 57 ณ พระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ 28 สิงหาคม 2522

“ผู้ที่มีความสุจริตและบริสุทธิ์ใจ แม้จะมีความรู้น้อย ก็ย่อมทำประโยชน์ให้แก่ส่วนรวมได้มากกว่าผู้มีความรู้มากแต่ไม่มีความสุจริต ไม่มีความบริสุทธิ์ใจ”

พระบรมราโชวาทพระราชทานแก่คณะคณาจารย์โรงเรียนต่างๆ ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน 18 มีนาคม 2523

“ทุกคนในชาติมีหน้าที่ของตัว และถ้าแต่ละคนทำให้ได้อย่างเข้มแข็ง ซื่อสัตย์ สุจริต ประเทศชาติก็ย่อมต้องปลอดภัย และก้าวหน้าไปอย่างดี”

พระราชดำรัสพระราชทานแก่คณะบุคคลต่างๆ ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย 4 ธันวาคม 2544

“การที่จะประกอบกิจใดๆ ให้เจริญเป็นผลดีนั้น ย่อมต้องอาศัยความอุตสาหะพากเพียร และความซื่อสัตย์เป็นรากฐานสำคัญ..”

พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 12 กรกฎาคม 2499

“ประการแรก คือ ความซื่อสัตย์ ประการที่สอง คือ การรู้จักข่มใจฝึกใจตนเอง ให้ประพฤติปฏิบัติอยู่ในความสัตย์ความดีนั้น ประการที่สาม คือ การอดทน อดกลั้น และอดออมที่จะไม่ประพฤติล่วงความสัตย์สุจริต ประการที่สี่ คือ การรู้จักละวางความชั่ว ความทุจริตและรู้จักสละประโยชน์ส่วนน้อยของตน เพื่อประโยชน์ส่วนรวม คุณธรรมสี่ประการนี้ถ้าแต่ละคนพยายามปลูกฝังและบำรุงให้เจริญงอกงาม จะช่วยให้ประเทศชาติบังเกิดความสุข ความร่มเย็นและมีโอกาสที่จะปรับปรุงพัฒนาให้มั่นคงก้าวหน้าต่อไป”

พระบรมราโชวาทในพิธีบวงสรวงสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้า 5 เมษายน 2535

“คุณสมบัติพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับทุกคนนั้น ที่สำคัญได้แก่ความรู้จักผิดชอบชั่วดี ความละอายชั่วกลัวบาป ความซื่อสัตย์สุจริต ทั้งในความคิดและการกระทำ ความไม่เห็นแก่ตัว ไม่เอารัดเอาเปรียบผู้อื่น ความไม่มักง่ายหยาบคาย กับอีกอย่างหนึ่งที่สำคัญเป็นพิเศษ คือความขยันหมั่นเพียรด้านความซื่อสัตย์สุจริต”

พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ณ สวนอัมพร 22 มิถุนายน 2522

ขอจบบทความนี้ด้วย พระราชดำรัสตอนหนึ่งของ “ในหลวงรัชกาลที่ 9” พระราชทานแก่คณะผู้ว่าราชการจังหวัด ในโอกาสเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณ เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2546

“ถ้าทุจริตแม้แต่นิดเดียว ก็ขอแช่งให้มีอันเป็นไป พูดอย่างนี้หยาบคาย แต่ว่าขอให้มีอันเป็นไป แต่ถ้าไม่ทุจริตสุจริตและมีความตั้งใจมุ่งมั่นสร้างความเจริญ ก็ขอให้ต่ออายุได้ถึง 100 ปี... ความสุจริตจะทำให้ประเทศไทยรอดพ้นอันตราย”

บทความนี้ “เหลี่ยม” และเครือข่าย ที่เคยยึดอำนาจรัฐด้วยเงินผ่านการเลือกตั้ง เป็นผู้สร้างมหากาพย์การโกงชาติไทยและล้มเจ้านั้น ไม่ต้องเสียเวลามาอ่าน..เพราะแก้สันดานขี้โกงไม่ได้แน่นอน!

แต่ชาวไทยทุกคนผู้เป็นเจ้าของประเทศ ต้องอ่านและต้องช่วยกันขจัดการทุจริตโกงชาติต่อไปอย่าหยุด!

ส่วนนายกรัฐมนตรี “บิ๊กตู่”- คสช.- ครม. และผู้มีอำนาจในปัจจุบันทุกคน ที่พร่ำพูดถึงความจงรักภักดีต่อ “พระเจ้าแผ่นดินผู้ทรงธรรม รัชกาลที่ 9” นั้น มิใช่แค่ต้องอ่านให้เข้าใจอย่างถ่องแท้เท่านั้น แต่ต้องลงมือปราบ “พวกโกงชาติบิ๊กเบิ้ม” ที่ทุจริตโกงชาติ ให้ได้ผลมากกว่านี้โดยเร็วที่สุดอีกด้วย

ทุจริตโกงชาติสารพัดทั้งใหญ่น้อย ตั้งแต่ “สากกะเบือยันเรือบิน” นั้น แก้ไขและจับคนทุจริตโกงชาติได้แน่นอน ถ้า “ท่านผู้นำ” รักชาติรักประชาชนจริงและตั้งใจทำจริงๆ

โดยเฉพาะ“นายกฯบิ๊กตู่” ที่มีมาตรา 44 อยู่ในมือ ปราบทุจริตได้แน่นอน.. ถ้าจะทำจริง..!!!


กำลังโหลดความคิดเห็น