ผู้จัดการรายวัน 360 - อัยการญี่ปุ่นส่งคดี รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา ให้ศาลพิจารณาแล้ว ในคดีขโมยภาพเขียนมูลค่า 15,00 บาทภายในโรงแรมกรุงเกียวโต “สมคิด” วอนอย่าเหมาเข่งข้าราชการไทย ชี้เป็นเรื่อง ด้านอัยการและตำรวจ พร้อมผู้บริหารโรงแรมคู่กรณี เตรียมเจรจา 27 ม.ค.นี้ ระบุคู่กรณีไม่ต้องการให้เรื่องบานปลาย แม้เป็นคดีอาญา แต่หากฝ่ายผู้เสียหายต้องการให้ผู้ก่อเหตุชดใช้ค่าเสียหาย ไม่ติดใจเอาความ ศาลสามารถพิจารณาปล่อยตัวได้ ด้านพณ.เล็งตั้งทีมสอบวินัย
นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผย ความคืบหน้ากรณีนายสุภัฒ สงวนดีกุล รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเมืองเกียวโต ควบคุมตัวหลังขโมยภาพเขียนมูลค่า 15,000 เยน หรือประมาณ 4,500 บาท ที่ประเทศญี่ปุ่น ว่า ล่าสุด อัยการได้ส่งเรื่องให้ศาลพิจารณาแล้ว ซึ่งเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมของญี่ปุ่น โดยในวันที่ 27 มกราคมนี้ ทางการญี่ปุ่นได้นัดให้ผู้แทนของสถานกงสุลใหญ่ไทย ณ นครโอซากา ไปเข้าพบผู้ต้องหาอีกครั้ง และหารือร่วมกับตำรวจ และอัยการต่อไป
“วานนี้ (26 ม.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวนายสุภัฒ ขึ้นศาล โดยไม่ได้พบกับเจ้าหน้าที่จากสถานกงสุลใหญ่แต่อย่างใด” นายเสข กล่าว
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องตัวบุคคล อย่าเหมารวมทั้งหมด ซึ่งกระทรวงพาณิชย์เองก็ดูแลอยู่แล้ว และต้องให้ความยุติธรรมกับข้าราชการคนดังกล่าว และกระทรวงพาณิชย์ต้องตรวจสอบต่อไป
ด้านน.ส.วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครโอซากา ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงพาณิชย์ของไทยได้ประสานตำรวจญี่ปุ่นเพื่อขอเข้าพบ ซึ่งจะทำให้ทราบข้อเท็จจริงมากขึ้น และขณะนี้กำลังรอการพิจารณาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจญี่ปุ่น ส่วนกรณีที่มีรายงานว่า กระบวนทางกฎหมายของประเทศญี่ปุ่น อาจะจะใช้เวลา 21 วันกว่าจะแจ้งข้อหาได้นั้น ขณะนี้รองอธิบดียังถือว่ายังอยู่ระหว่างการปฏิบัติงานและใช้สิทธิลาต่อ
สำหรับ ขั้นตอนหลังจากถูกควบคุมตัว ผู้ต้องสงสัย จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายของญี่ปุ่นอย่างเคร่งครัด เพื่อรออัยการยื่นเรื่องฟ้องร้องต่อศาล และหากศาลรับฟ้องก็ต้องถูกคุมขังเพื่อรอวันนัดไต่สวนคดี ขั้นตอนแรกนี้จะใช้เวลาตั้งแต่ 45-90 วัน จึงจะเข้าสู่การพิจารณาคดี ซึ่งหมายความว่าในช่วงนี้รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญายังไม่สามารถเดินทางกลับประเทศไทยได้
แหล่งข่าวจากกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น แจ้งความคืบหน้าล่าสุดมาที่กระทรวงการต่างประเทศแล้วว่า ศาลญี่ปุ่นตัดสินรับพิจารณาคดีของนายสุวัฒ สงวนดีกุล รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ก่อเหตุขโมยภาพเขียนมูลค่า 15,000 เยน จากโรงแรมในเมืองเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น แล้ว โดยให้ควบคุมตัว “นายสุวัฒ” เป็นเวลา 10 วัน เพื่อรอการไต่สวนคดี
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจเกียวโตแจ้งว่าผู้บริหารของโรงแรมที่เกิดเหตุ มีท่าทีค่อนข้างเป็นบวก และไม่อยากให้เกิดเป็นเรื่องราวใหญ่โต ดังนั้น อัยการและเจ้าหน้าที่ตำรวจเมืองเกียวโต พร้อมด้วยผู้บริหารโรงแรมดังกล่าว จะไปพูดคุยกับ “นายสุวัฒ” ที่สถานีตำรวจนากาเงียว ในวันที่ 27 ม.ค.นี้
โดยยินยอมให้เจ้าหน้าที่สถานกงสุลใหญ่ไทย ณ นครโอซากา เข้าร่วมฟังการหารือดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่กงสุลไทยจะถือโอกาสนี้สอบถามรายละเอียดของเรื่องที่เกิดขึ้นจาก นายสุวัฒด้วย ทั้งนี้ หากนายสุวัฒยินยอมขอโทษแสดงความสำนึกผิดต่อเรื่องที่เกิดขึ้น พร้อมกับยอมชดใช้ค่าเสียหาย ก็จะมีการเจรจาพร้อมร้องขอต่อศาลให้ปล่อยตัว นายสุวัฒ เพื่อส่งกลับประเทศไทยก่อนที่วีซ่าของนายสุวัฒจะหมดอายุ
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ นายสุวัฒได้บอกกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหลังถูกจับกุมว่าไม่ให้แจ้งต่อสถานเอกอัครราชทูตไทย และสถานกงสุลใหญ่ไทยฯ ขณะเดียวกัน ครอบครัวของนายสุวัฒ ที่เมืองไทยก็ไม่ได้ร้องขอทางกระทรวงฯ ให้ช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางไปเยี่ยมนายสุวัฒที่ญี่ปุ่นเช่นกัน
“ส่วนกรณีที่คดีดังกล่าวถูกมองว่าเป็นคดีอาญา ไม่น่าจะสามารถยอมความได้นั้น ตามกฎหมายของญี่ปุ่น คดีดังกล่าวแม้เป็นคดีอาญา แต่หากฝ่ายผู้เสียหายต้องการให้ผู้ก่อเหตุชดใช้ค่าเสียหายแล้วจะไม่ติดเอาความ ศาลก็สามารถพิจารณาให้ปล่อยตัวบุคคลนั้นได้” แหล่งข่าวกลาว
***เตรียมตั้งทีมสอบวินัย
นายทศพร ทังสุบุตร อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กล่าวว่า ตามกฎหมายแล้วอัยการญี่ปุ่นจะส่งฟ้องศาลภายใน 20 วัน ส่วนขั้นตอนระเบียบราชการต้องรอให้ข้าราชการคนดังกล่าวเดินทางกลับมาประเทศไทยเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด พร้อมทั้งจัดตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง ซึ่งตามระเบียบของข้าราชการหากมีการกระทำผิดจริงจะดำเนินการเอาผิดทางวินัย เช่น ภาคทัณฑ์ ลดเงินเดือน หรือปลดออกจากราชการ ทั้งนี้ ส่วนตัวแล้วเมื่อได้รับข่าวรู้สึกตกใจ และไม่อยากเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง เพราะข้าราชการคนดังกล่าวเป็นบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถมากของกระทรวงพาณิชย์ เป็นนักเรียนทุนรัฐบาลญี่ปุ่น เป็นคนทำงานจริงจัง และไม่เคยมีประวัติด่างพร้อย
นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผย ความคืบหน้ากรณีนายสุภัฒ สงวนดีกุล รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเมืองเกียวโต ควบคุมตัวหลังขโมยภาพเขียนมูลค่า 15,000 เยน หรือประมาณ 4,500 บาท ที่ประเทศญี่ปุ่น ว่า ล่าสุด อัยการได้ส่งเรื่องให้ศาลพิจารณาแล้ว ซึ่งเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมของญี่ปุ่น โดยในวันที่ 27 มกราคมนี้ ทางการญี่ปุ่นได้นัดให้ผู้แทนของสถานกงสุลใหญ่ไทย ณ นครโอซากา ไปเข้าพบผู้ต้องหาอีกครั้ง และหารือร่วมกับตำรวจ และอัยการต่อไป
“วานนี้ (26 ม.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวนายสุภัฒ ขึ้นศาล โดยไม่ได้พบกับเจ้าหน้าที่จากสถานกงสุลใหญ่แต่อย่างใด” นายเสข กล่าว
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องตัวบุคคล อย่าเหมารวมทั้งหมด ซึ่งกระทรวงพาณิชย์เองก็ดูแลอยู่แล้ว และต้องให้ความยุติธรรมกับข้าราชการคนดังกล่าว และกระทรวงพาณิชย์ต้องตรวจสอบต่อไป
ด้านน.ส.วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครโอซากา ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงพาณิชย์ของไทยได้ประสานตำรวจญี่ปุ่นเพื่อขอเข้าพบ ซึ่งจะทำให้ทราบข้อเท็จจริงมากขึ้น และขณะนี้กำลังรอการพิจารณาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจญี่ปุ่น ส่วนกรณีที่มีรายงานว่า กระบวนทางกฎหมายของประเทศญี่ปุ่น อาจะจะใช้เวลา 21 วันกว่าจะแจ้งข้อหาได้นั้น ขณะนี้รองอธิบดียังถือว่ายังอยู่ระหว่างการปฏิบัติงานและใช้สิทธิลาต่อ
สำหรับ ขั้นตอนหลังจากถูกควบคุมตัว ผู้ต้องสงสัย จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายของญี่ปุ่นอย่างเคร่งครัด เพื่อรออัยการยื่นเรื่องฟ้องร้องต่อศาล และหากศาลรับฟ้องก็ต้องถูกคุมขังเพื่อรอวันนัดไต่สวนคดี ขั้นตอนแรกนี้จะใช้เวลาตั้งแต่ 45-90 วัน จึงจะเข้าสู่การพิจารณาคดี ซึ่งหมายความว่าในช่วงนี้รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญายังไม่สามารถเดินทางกลับประเทศไทยได้
แหล่งข่าวจากกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น แจ้งความคืบหน้าล่าสุดมาที่กระทรวงการต่างประเทศแล้วว่า ศาลญี่ปุ่นตัดสินรับพิจารณาคดีของนายสุวัฒ สงวนดีกุล รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ก่อเหตุขโมยภาพเขียนมูลค่า 15,000 เยน จากโรงแรมในเมืองเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น แล้ว โดยให้ควบคุมตัว “นายสุวัฒ” เป็นเวลา 10 วัน เพื่อรอการไต่สวนคดี
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจเกียวโตแจ้งว่าผู้บริหารของโรงแรมที่เกิดเหตุ มีท่าทีค่อนข้างเป็นบวก และไม่อยากให้เกิดเป็นเรื่องราวใหญ่โต ดังนั้น อัยการและเจ้าหน้าที่ตำรวจเมืองเกียวโต พร้อมด้วยผู้บริหารโรงแรมดังกล่าว จะไปพูดคุยกับ “นายสุวัฒ” ที่สถานีตำรวจนากาเงียว ในวันที่ 27 ม.ค.นี้
โดยยินยอมให้เจ้าหน้าที่สถานกงสุลใหญ่ไทย ณ นครโอซากา เข้าร่วมฟังการหารือดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่กงสุลไทยจะถือโอกาสนี้สอบถามรายละเอียดของเรื่องที่เกิดขึ้นจาก นายสุวัฒด้วย ทั้งนี้ หากนายสุวัฒยินยอมขอโทษแสดงความสำนึกผิดต่อเรื่องที่เกิดขึ้น พร้อมกับยอมชดใช้ค่าเสียหาย ก็จะมีการเจรจาพร้อมร้องขอต่อศาลให้ปล่อยตัว นายสุวัฒ เพื่อส่งกลับประเทศไทยก่อนที่วีซ่าของนายสุวัฒจะหมดอายุ
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ นายสุวัฒได้บอกกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหลังถูกจับกุมว่าไม่ให้แจ้งต่อสถานเอกอัครราชทูตไทย และสถานกงสุลใหญ่ไทยฯ ขณะเดียวกัน ครอบครัวของนายสุวัฒ ที่เมืองไทยก็ไม่ได้ร้องขอทางกระทรวงฯ ให้ช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางไปเยี่ยมนายสุวัฒที่ญี่ปุ่นเช่นกัน
“ส่วนกรณีที่คดีดังกล่าวถูกมองว่าเป็นคดีอาญา ไม่น่าจะสามารถยอมความได้นั้น ตามกฎหมายของญี่ปุ่น คดีดังกล่าวแม้เป็นคดีอาญา แต่หากฝ่ายผู้เสียหายต้องการให้ผู้ก่อเหตุชดใช้ค่าเสียหายแล้วจะไม่ติดเอาความ ศาลก็สามารถพิจารณาให้ปล่อยตัวบุคคลนั้นได้” แหล่งข่าวกลาว
***เตรียมตั้งทีมสอบวินัย
นายทศพร ทังสุบุตร อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กล่าวว่า ตามกฎหมายแล้วอัยการญี่ปุ่นจะส่งฟ้องศาลภายใน 20 วัน ส่วนขั้นตอนระเบียบราชการต้องรอให้ข้าราชการคนดังกล่าวเดินทางกลับมาประเทศไทยเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด พร้อมทั้งจัดตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง ซึ่งตามระเบียบของข้าราชการหากมีการกระทำผิดจริงจะดำเนินการเอาผิดทางวินัย เช่น ภาคทัณฑ์ ลดเงินเดือน หรือปลดออกจากราชการ ทั้งนี้ ส่วนตัวแล้วเมื่อได้รับข่าวรู้สึกตกใจ และไม่อยากเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง เพราะข้าราชการคนดังกล่าวเป็นบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถมากของกระทรวงพาณิชย์ เป็นนักเรียนทุนรัฐบาลญี่ปุ่น เป็นคนทำงานจริงจัง และไม่เคยมีประวัติด่างพร้อย