ผู้จัดการรายวัน360- ภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันของชาติ (ภตช.) ยื่นหนังสือ จี้"อาคม"เร่งยกเลิกสัญญารถเมล์ NGV เพื่อรักษาประโยชน์ของรัฐ หลัง เบสท์รินฯ จงใจสำแดงภาษีเป็นเท็จและเลี่ยงภาษี รวมถึงทำผิดสัญญากับ ขสมก.แล้ว "มงคลกิตติ์"เผยหากขสมก.ตรวจรับมอบรถเมล์ NGv จะยื่นป.ป.ช.สอบทันที
วานนี้ (26 ม.ค.) นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าคณะทำงานตรวจสอบการทุจริตการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เลขาธิการคณะกรรมการ ภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นของชาติ (ภตช.) ได้ยื่นหนังสือต่อนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เพื่อขอให้เร่งวินิจฉัยตัดสินใจยกเลิกสัญญาเพื่อรักษาประโยชน์ทางราชการ ในโครงการจัดซื้อรถโดยสารที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง (NGV) ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กับ บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด เนื่องจากผิดเงื่อนไขในสัญญาข้อ 2.1 และอ้างถึงพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2469 และความเชื่อมโยงของบริษัท เบสท์รินฯ กับ บริษัทซุปเปอร์ซาร่า จำกัด
นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า จากที่ ภตช.ได้ตรวจสอบจากสื่อมวลชนและได้รับร้องเรียนจากภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ว่า โครงการจัดซื้อรถเมล์ใหม่ที่ใช้ก๊าซ NGV เป็นเชื้อเพลิงจำนวน 489 คันของขสมก. ซึ่ง เบสท์รินฯ เป็นผู้ชนะประมูลและนำเข้าโดยบริษัท ซุปเปอร์ซาร่า วงแผนจงใจสำแดงภาษีเป็นเท็จและเลี่ยงภาษี โดยเมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 2559 นายชัยยุทธ คำคูณ รองอธิบดีกรมศุลกากร ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร ได้แถลงข่าวกรณีกรมศุลกากรไม่ยอมปล่อยรถเมล์ NGV ที่มีการนำเข้ามาที่ท่าเรือแหลมฉบัง จำนวน 100 คัน และได้ตรวจสอบพบว่า รถเมล์ NGV ดังกล่าว ไม่ได้เป็นไปตามข้อตกลงสนธิสัญญาเขตการค้าเสรีกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน (From D) แต่เป็นการนำเข้าสำเร็จรูปจากประเทศจีน ผ่านประเทศมาเลเซียและเข้าสู่ไทย
ต่อมาวันที่ 6 ธ.ค. 2559 นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยถึงกรณีอายัดรถโดยสาร NGV โดยได้ส่งเจ้าหน้าที่ศุลกากรไปประสานตรวจสอบข้อมูลที่มาเลเซียพบว่า ซุปเปอร์ซาร่า นำเข้ารถเมล์ NGV จำนวน 489 คัน โดยทยอยส่งออกจาก กลุ่มที่ 1 (1 +99 คัน) สำแดงแหล่งกำเนิดเป็นเท็จ เป็นความผิดตาม มาตรา 99,27 แห่งพ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2469 ส่วนกลุ่ม 2 รวม 389 คัน ยังไม่ถือว่าเป็นความผิด เนื่องจากผู้นำเข้ายังไม่ได้ยื่นเอกสารนำเข้า ซึ่ง การกระทำดังกล่าวนอกจากผิดกฎหมายศุลกากรแล้ว ยังผิดพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 3 ตามความผิดมูลฐาน (7) ความผิดเกี่ยวกับการลักลอบหนีศุลกากรตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากรมีบทลงโทษตามหมวด7 มาตรา 60,61
ส่วนกรณี รถเมล์NGV 489 คัน ที่ต้องส่งมอบวันที่ 29 ธ.ค. 2559 จนถึงขณะนี้ เบสท์รินฯ ยังไม่ส่งมอบให้ขสมก. ได้ตามที่ตกลงกันไว้ ข้อสรุปที่รถเมล์ NGV ไม่ได้ประกอบที่มาเลเซีย แต่เป็นรถที่นำเข้าจากจีน โดยมีการนำรถ 1 คันผ่านพิธีการศุลกากร โดยนำหนังสือค้ำประกันจากธนาคารวางเป็นหลักประกันค่าภาษีและค่าปรับ และนำรถไปจดทะเบียนที่กรมขนส่งฯ เมื่อ 30 ธ.ค. 59 ส่วนล็อต 2 อีก 291 คัน ซุปเปอร์ซาร่าได้ยื่นใบขนสินค้าพร้อมกับชำระค่าภาษีนำเข้า 40% มูลค่า 427 ล้านบาท เมื่อ 11 ม.ค. 60 ซึ่งต่างจากล็อตแรกเพราะ 291 คันนี้ ไม่ได้ใช้ใบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าขอยกเว้นภาษี AFTA แต่อย่างใด โดยยื่นสำแดงเป็นรถนำเข้าจากมาเลเซีย ขณะที่กรมศุลฯ ตั้งข้อสังเกตเป็นรถที่ผลิตจากจีนเหมือนล้อตแรก ซึ่งซุปเปอร์ซาราขอใช้สิทธิเรียกร้องขอคืนภาษีอากรภายหลังตามมาตรา 10 วรรค 5 แห่งพ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2469
ขณะที่ นายสุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล ผู้อำนวยการ ขสมก. ทำหนังสือสอบถามอัยการสูงสุด ว่า จะรับมอบรถ NGV ได้หรือไม่ ยังไม่ได้คำตอบจากอัยการ เบสท์รินฯ ทยอยนำรถ NGV ไปจดทะเบียน เพื่อส่งมอบ และขณะนี้อยู่ที่คณะกรรมการตรวจรับรถฯที่มีนายสมควร นาสนม ผู้ช่วยผอ.ขสมก.เป็นประธาน จะตกลงรับรถหรือไม่ อย่างไรก็ตาม กรณีดังกล่าวจะเห็นว่า เบสท์รินฯทำผิดเงื่อนไข TOR ทำผิดสัญญาอย่างชัดเจนและขสมก.สามารถยกเลิกสัญญาได้ แต่กลับไม่ตัดสินใจ ดังนั้น หากที่สุดคณะกรรมการตรวจรับฯตกลงรับมอบรถที่นำเข้ามาอย่างไม่ถูกต้องและผิดเงื่อนไขสัญญา จะถือว่ามีความผิดไปด้วยซึ่งทาง ภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตฯ จะยื่นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ทันที
วานนี้ (26 ม.ค.) นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าคณะทำงานตรวจสอบการทุจริตการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เลขาธิการคณะกรรมการ ภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นของชาติ (ภตช.) ได้ยื่นหนังสือต่อนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เพื่อขอให้เร่งวินิจฉัยตัดสินใจยกเลิกสัญญาเพื่อรักษาประโยชน์ทางราชการ ในโครงการจัดซื้อรถโดยสารที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง (NGV) ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กับ บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด เนื่องจากผิดเงื่อนไขในสัญญาข้อ 2.1 และอ้างถึงพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2469 และความเชื่อมโยงของบริษัท เบสท์รินฯ กับ บริษัทซุปเปอร์ซาร่า จำกัด
นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า จากที่ ภตช.ได้ตรวจสอบจากสื่อมวลชนและได้รับร้องเรียนจากภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ว่า โครงการจัดซื้อรถเมล์ใหม่ที่ใช้ก๊าซ NGV เป็นเชื้อเพลิงจำนวน 489 คันของขสมก. ซึ่ง เบสท์รินฯ เป็นผู้ชนะประมูลและนำเข้าโดยบริษัท ซุปเปอร์ซาร่า วงแผนจงใจสำแดงภาษีเป็นเท็จและเลี่ยงภาษี โดยเมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 2559 นายชัยยุทธ คำคูณ รองอธิบดีกรมศุลกากร ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร ได้แถลงข่าวกรณีกรมศุลกากรไม่ยอมปล่อยรถเมล์ NGV ที่มีการนำเข้ามาที่ท่าเรือแหลมฉบัง จำนวน 100 คัน และได้ตรวจสอบพบว่า รถเมล์ NGV ดังกล่าว ไม่ได้เป็นไปตามข้อตกลงสนธิสัญญาเขตการค้าเสรีกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน (From D) แต่เป็นการนำเข้าสำเร็จรูปจากประเทศจีน ผ่านประเทศมาเลเซียและเข้าสู่ไทย
ต่อมาวันที่ 6 ธ.ค. 2559 นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยถึงกรณีอายัดรถโดยสาร NGV โดยได้ส่งเจ้าหน้าที่ศุลกากรไปประสานตรวจสอบข้อมูลที่มาเลเซียพบว่า ซุปเปอร์ซาร่า นำเข้ารถเมล์ NGV จำนวน 489 คัน โดยทยอยส่งออกจาก กลุ่มที่ 1 (1 +99 คัน) สำแดงแหล่งกำเนิดเป็นเท็จ เป็นความผิดตาม มาตรา 99,27 แห่งพ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2469 ส่วนกลุ่ม 2 รวม 389 คัน ยังไม่ถือว่าเป็นความผิด เนื่องจากผู้นำเข้ายังไม่ได้ยื่นเอกสารนำเข้า ซึ่ง การกระทำดังกล่าวนอกจากผิดกฎหมายศุลกากรแล้ว ยังผิดพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 3 ตามความผิดมูลฐาน (7) ความผิดเกี่ยวกับการลักลอบหนีศุลกากรตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากรมีบทลงโทษตามหมวด7 มาตรา 60,61
ส่วนกรณี รถเมล์NGV 489 คัน ที่ต้องส่งมอบวันที่ 29 ธ.ค. 2559 จนถึงขณะนี้ เบสท์รินฯ ยังไม่ส่งมอบให้ขสมก. ได้ตามที่ตกลงกันไว้ ข้อสรุปที่รถเมล์ NGV ไม่ได้ประกอบที่มาเลเซีย แต่เป็นรถที่นำเข้าจากจีน โดยมีการนำรถ 1 คันผ่านพิธีการศุลกากร โดยนำหนังสือค้ำประกันจากธนาคารวางเป็นหลักประกันค่าภาษีและค่าปรับ และนำรถไปจดทะเบียนที่กรมขนส่งฯ เมื่อ 30 ธ.ค. 59 ส่วนล็อต 2 อีก 291 คัน ซุปเปอร์ซาร่าได้ยื่นใบขนสินค้าพร้อมกับชำระค่าภาษีนำเข้า 40% มูลค่า 427 ล้านบาท เมื่อ 11 ม.ค. 60 ซึ่งต่างจากล็อตแรกเพราะ 291 คันนี้ ไม่ได้ใช้ใบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าขอยกเว้นภาษี AFTA แต่อย่างใด โดยยื่นสำแดงเป็นรถนำเข้าจากมาเลเซีย ขณะที่กรมศุลฯ ตั้งข้อสังเกตเป็นรถที่ผลิตจากจีนเหมือนล้อตแรก ซึ่งซุปเปอร์ซาราขอใช้สิทธิเรียกร้องขอคืนภาษีอากรภายหลังตามมาตรา 10 วรรค 5 แห่งพ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2469
ขณะที่ นายสุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล ผู้อำนวยการ ขสมก. ทำหนังสือสอบถามอัยการสูงสุด ว่า จะรับมอบรถ NGV ได้หรือไม่ ยังไม่ได้คำตอบจากอัยการ เบสท์รินฯ ทยอยนำรถ NGV ไปจดทะเบียน เพื่อส่งมอบ และขณะนี้อยู่ที่คณะกรรมการตรวจรับรถฯที่มีนายสมควร นาสนม ผู้ช่วยผอ.ขสมก.เป็นประธาน จะตกลงรับรถหรือไม่ อย่างไรก็ตาม กรณีดังกล่าวจะเห็นว่า เบสท์รินฯทำผิดเงื่อนไข TOR ทำผิดสัญญาอย่างชัดเจนและขสมก.สามารถยกเลิกสัญญาได้ แต่กลับไม่ตัดสินใจ ดังนั้น หากที่สุดคณะกรรมการตรวจรับฯตกลงรับมอบรถที่นำเข้ามาอย่างไม่ถูกต้องและผิดเงื่อนไขสัญญา จะถือว่ามีความผิดไปด้วยซึ่งทาง ภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตฯ จะยื่นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ทันที