xs
xsm
sm
md
lg

นราฯ-ปัตตานีท่วมหนัก "บิ๊กตู่"ลงพื้นที่สุราษฎร์ฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศูนย์ข่าวหาดใหญ่-พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อ่วมหนัก หลังน้ำป่าไหลทะลักเข้าท่วมอีกระรอก ผู้ว่าฯ นราธิวาส ประกาศ 13 อำเภอเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติฉุกเฉิน ขณะที่ชาวปัตตานีที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำปัตตานีและแม่น้ำสายบุรีต้องอพยพหนีวุ่นหลังระดับน้ำสูงกว่า 1 เมตร และเสียชีวิตแล้ว 1 ราย เตือนแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอีก เผย "บิ๊กตู่" เตรียมลงพื้นที่สุราษฎร์ฯ 26 ม.ค.นี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (23 ม.ค.) สถานการณ์น้ำท่วมหลายพื้นที่ในจังหวัดภาคใต้ได้กลับมาวิกฤตอีกครั้ง หลังจากช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาได้เกิดฝนตกลงมาอย่างหนัก ทำให้ชาวบ้านต้องได้รับความเดือดร้อนต่อเนื่อง โดยเฉพาะที่ จ.นราธิวาส นายสิทธิชัย ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ได้ประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติฉุกเฉินทั้งหมด 13 อำเภอ 74 ตำบล 470 หมู่บ้าน 2 เขตเทศบาล 44 ชุมชน มีผู้ประสบภัย 36,605 ครัวเรือน รวม 145,686 คน ผู้อพยพ 169 ครัวเรือน โรงเรียน 42 แห่งได้รับผลกระทบในจำนวนนี้ 13 แห่งต้องปิดทำการชั่วคราว

ทั้งนี้ ยังพบว่า บ้านเรือนประชาชนเสียหายบางส่วน 27 หลัง ดินสไลด์ 23 แห่ง ถนน 181 สาย สะพานและคอสะพาน 8 แห่ง ท่อระบายน้ำ 12 แห่ง อ่างเก็บน้ำ 2 แห่ง สถานที่ราชการ 6 แห่ง วัด 5 แห่ง มัสยิด 22 แห่ง สัตว์ตาย 935 ตัว บ่อเลี้ยงปลา 86 ไร่ สถานประกอบการ 2 แห่ง และพื้นที่ทางการเกษตร 19,316 ไร่ สำหรับมูลค่าความเสียหายกำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ

นายสิทธิชัยกล่าวว่า จังหวัดได้ระดมความช่วยเหลือในทุกช่องทาง ทั้งกำลังคน อุปกรณ์เครื่องมือ ยานพาหนะและเรือ รวมทั้งการแจกถุงยังชีพ และเปิดครัวฮาลาล เพื่อประกอบอาหารมาแจกจ่ายให้แก่ประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัย ซึ่งเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับน้ำท่วมนราธิวาสครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 4 ในระยะเวลาเพียง 2 เดือน ตั้งแต่ปลายเดือนธ.ค.ถึงเดือนม.ค. โดยครั้งนี้ชาวบ้านบอกว่าหนักสุด บางคนขนของหนีน้ำไม่ทัน เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านได้รับความเสียหาย แต่พอมีคณะเจ้าหน้าที่ระดับอำเภอ และระดับจังหวัดลงมาดูแล รวมทั้งให้กำลังใจบ่อยๆ ทำให้ชาวบ้านดีใจ และมีกำลังใจเพิ่มมากขึ้น

ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.ปัตตานี พบว่า มวลน้ำจาก จ.ยะลา และ จ.นราธิวาส ได้ไหลลงสู่แม่น้ำปัตตานีและแม่น้ำสายบุรี ทำให้มวลน้ำจำนวนมากไหลบ่าเข้ามาสมทบในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เช่น อ.ทุ่งยางแดง มายอ แม่ลาน ปะนาเระ สายบุรี ไม้แก่น โคกโพธิ์ และ อ.เมืองฯ โดยน้ำได้ไหลท่วมเข้าบ้านเรือนชาวบ้านและถนนหลายสายจนไม่สามารถสัญจรได้ โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำระดับน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร บางพื้นที่เกือบ 2 เมตร ประชาชนต้องขนย้ายสิ่งของขึ้นบนที่สูง บางรายต้องอพยพย้ายออกไปอาศัยกับญาติต่างพื้นที่ ขณะที่โรงเรียนใน จ.ปัตตานี ต้องปิดการเรียนการสอนถึง 10 โรง เนื่องจากน้ำท่วมสูงเด็กไม่สามารถเดินทางมาโรงเรียนได้

นอกจากนี้ ในพื้นที่ อ.ทุ่งยางแดง เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่าพบกลุ่มเด็กผู้ชาย 6 คนได้ออกไปพายเรือเล่นน้ำและเรือได้เกิดผลิกคว่ำ ทำให้เด็กจมน้ำเสียชีวิต 1 ราย รวมถึงได้รับบาดเจ็บอีก 5 ราย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้เข้าให้ความช่วยเหลือพร้อมนำตัวทั้งหมดส่งโรงพยาบาลทุ่งยางแดงแล้ว

ขณะที่ทางจังหวัด ได้ออกประกาศแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ท้ายเขื่อนปัตตานี ให้ระมัดระวังน้ำท่วมฉับพลันอย่างต่อเนื่อง เพราะมวลน้ำจำนวนมากยังคงไหลลงมาและอาจจะเพิ่มระดับสูงขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงที่อยู่ติดกับแม่น้ำทั้ง 2 สาย ประกอบด้วยแม่น้ำปัตตานี คือ อ.แม่ลาน อ.ยะรัง อ.หนองจิก และ อ.เมืองฯ และแม่น้ำสายบุรี คือ อ.สายบุรี และ อ.กะพ้อ

สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ริมทะเลสาบสงขลา ภาพรวมทั้ง 5 อำเภอของ จ.สงขลา ตั้งแต่ อ.ระโนด กระแสสินธุ์ สทิงพระ สิงหนคร และ อ.ควนเนียง ขณะนี้ทุกพื้นที่ระดับน้ำลดลงจนเกือบเข้าสู่ภาวะปกติทั้งหมดแล้ว เหลือเพียงชุมชนซึ่งอยู่ในที่ลุ่มน้ำติดริมทะเลสาบสงขลาจริงๆ ที่ยังมีน้ำท่วมขังอยู่บ้าง เช่น พื้นที่หมู่ 5 และหมู่ 6 ต.ท่าหิน อ.สทิงพระ เช่นเดียวกับโรงเรียนต่างๆ ขณะนี้สามารถกลับมาเปิดการเรียนการสอนได้ตามปกติแล้วเช่นกัน หลังจากที่บางแห่งต้องหยุดเรียนมากว่า 2 สัปดาห์

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์น้ำท่วมที่ จ.สงขลา ซึ่งยังหนักอยู่ที่หมู่ 1 บ้านแลแบง อ.สะบ้าย้อย หลังถูกน้ำท่วมระลอกที่ 4 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 21 ม.ค.ที่ผ่านมาและต้องอพยพชาวบ้านบางส่วนมาอาศัยอยู่ที่ศาลาประชาอำเภอสะบ้าย้อย เป็นการชั่วคราว

ในส่วนของ จ.สุราษฎร์ธานี ยังมีพื้นที่วิกฤตอยู่ 3 อำเภอ ประกอบด้วย อ.เคียนซา บ้านนาเดิม และ อ.พุนพิน โดยเฉพาะพื้นที่ อ.พุนพิน มีอยู่ 7 หมู่บ้านที่เป็นพื้นที่รองรับน้ำปลายน้ำยังมีน้ำท่วมสูงกว่าที่อื่นโดยเฉพาะริมแม่น้ำตาปีและมีน้ำทะเลหนุนสูงในบางช่วงทำให้ระดับน้ำยังสูงกว่า 1 เมตร ชาวบ้านบางส่วนยังอาศัยบนถนนทางหลวงสายเอเชีย สาย 41 และทางหลวง 401 สายสุราษฎร์ธานี-ตะกั่วป่าเช่นเดิม

นายอวยชัย อินทร์นาค ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้เรียกประชุมผู้เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมการต้อนรับนายกรัฐมนตรี ในโอกาสที่จะนำคณะเดินทางตรวจราชการติดตามสถานการณ์อุทกภัยและดินถล่มในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี ในวันที่ 26 ม.ค.นี้ โดยช่วงเช้าจะเยี่ยมชาวบ้าน ณ สถานีโรงไฟฟ้าสุราษฎร์ธานี หมู่ที่ 2 บ้านบางอ้อ ต.เขาหัวควาย อ.พุนพิน และลงเรือตรวจเยี่ยมพบปะ พร้อมมอบถุงยังชีพแก่ชาวบ้านที่ประสบอุทกภัย บริเวณริมแม่น้ำตาปี หมู่ที่ 4 บ้านหนองจอก ต.ท่าสะท้อน อ.พุนพิน

ส่วนช่วงบ่ายจะเดินทางไปยังกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (ส่วนหน้า) หมู่ที่ 2 ต.หนองไทร อ.พุนพิน เพื่อมอบนโยบาย/แนวทางการปฏิบัติในการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยแก่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ชุมพร นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี นราธิวาส ยะลา ตรัง กระบี่ ระนอง และ จ.ประจวบคีรีขันธ์
กำลังโหลดความคิดเห็น