xs
xsm
sm
md
lg

พยาน“ครูแพะ”โผล่อีกราย สาบานยันคนชนเป็นผู้ชาย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน360 - พยานคดี “ครูแพะ”โผล่อีกราย! "ครูจอมทรัพย์" ให้การในชั้นศาล ยืนยัน "คนขับรถชนเป็นผู้ชาย" เผยวันเกิดเหตุนั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์เพื่อนที่เป็นพยานกลับบ้าน มีรถยนต์แซงอย่างแรงแล้วเห็นชนจักรยานผู้ตายซ้ำ และเดินลงมาดูก่อนเร่งเครื่องหลบหนี ยกมือท่วมหัวสาบานพระธาตุพนมคำให้การเป็นความจริง รมว.ยธ. ระบุคดี “ครูจอมทรัพย์” ยื่นรื้อฟื้นตาม พ.ร.บ.คดีอาญาการรื้อฟื้นคดีใหม่ โดยเฉพาะเรื่องคุ้มครองสิทธิฯ“พล.ต.อ.ปัญญา” ยันมีขบวนการหาประโยชน์คดี “ครูจอมทรัพย์” จริง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.00 น. วานนี้ (19 ม.ค.) นางทองเรศ วงศ์ศรีชา อายุ 51 ปี อาศัยบ้านเลขที่ 57 บ.นาคู่ หมู่ 2 ต.นาคู่ อ.นาแก จ.นครพนม 1 ใน 2 พยานสำคัญที่เห็นเหตุการณ์รถชน นายเหลือ พ่อบำรุง ผู้ตาย กล่าวว่า ได้ไปเป็นพยานให้การในชั้นศาลคดีนางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อายุ 56 ปี ครูโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร ที่ถูกกล่าวหาว่าขับรถชนคนตาย เมื่อวันที่ 11 มี.ค. 48 เนื่องจากเป็นผู้ที่เห็นเหตุการณ์ และเป็นพยานชั้นศาลในคดีดังกล่าว

ทั้งนี้ วันเกิดเหตุนางทัศนีย์ ซึ่งเป็นเพี่อนได้ชักชวนตนไปร่วมงานบุญแจกข้าวที่ ต.ท่าลาด อ.เรณูนคร ซึ่งตนได้นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้า ดรีม สีขาว ของนางทัศนีย์ กระทั่งเวลาเดินทางกลับบ้าน นาคู่ ต.นาคู่ ขณะที่นางทัศนีย์ขับรถขึ้นถนนทางหลวงหมายเลข 2031 สายธาตุน้อย-นาเหนือ ช่วง บ้านสร้างเม็ก ต.ท่าลาด มีรถยนต์วิ่งมาด้วยความเร็วสูง ขับแซงรถจักรยานยนต์ที่ตนซ้อนท้ายไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นไม่นานก็เห็นรถยนต์คันดังกล่าวพุ่งชนรถจักรยานที่ นายเหลือ พ่อบำรุง ผู้ตาย จนร่างนายเหลือกระเด็นตกพื้น

ต่อมาก็เห็นคนขับรถยนต์ ซึ่งตอนนั้นไม่ได้สังเกตว่าเป็นรถกระบะหรือรถเก๋ง เนื่องจากตนเองนั่งซ้อนท้ายและอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 30 เมตร แต่แสงไฟหน้ารถจักรยานยนต์ของนางทัศนีย์ส่องเห็นถึง เปิดประตูรถฝั่งคนขับเดินลงมา คนขับมีลักษณะท้วม สวมรองเท้าหนัง เสื้อแขนยาวสีดำ เดินลงมาดูนายเหลือ คนถูกรถชนแล้วก็เดินขึ้นรถเร่งเครื่องขับหลบหนีไป

นางทองเรศกล่าวต่อว่า ภายหลังจากเหตุการณ์ผ่านไป นางทัศนีย์ได้เล่าให้ฟังว่าหลังที่พวกตนพบเห็นเหตุในวันนั้น ตนเองยืนยัน และคุยกันกับนางทัศนีย์ว่า ผั้ขับรถชนนายเหลือเป็นผู้ชาย แต่มารู้ภายหลังว่าคนที่ต้องโทษจำคุกกลับกลายเป็นผู้หญิง แต่ก็ไม่ใส่ใจอะไร กระทั่งมีหมายศาลเรียกให้ตนไปเป็นพยานชั้นศาล ขณะที่ครูที่ถูกกล่าวหาว่าขับรถชนคนตายทราบภายหลังว่าติดคุกไปแล้ว

“ตนไปขึ้นศาลในวันนั้นเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวพร้อมกับนางทัศนีย์ และยังพบเห็นนายสับ วาปี ซึ่งทราบว่าเป็นผู้ออกมารับสารภาพว่าเป็นผู้ขับรถชนตัวจริง พบเห็นตัวและเดินผ่านกัน แต่ไม่ได้คุยกันเพราะอยู่กันคนละห้อง และศาลได้เรียกเข้าห้องพิจารณาทีละคน ซึ่งก็เห็นด้วยว่านายสับก็มีรูปร่างลักษณะท้วม ต่อมาเมื่อถึงเวลาให้การเป็นพยานในศาล ศาลได้ถามว่าคนขับรถคันก่อเหตุเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ตนตอบศาลไปว่าลักษณะคนขับรถชนเป็นผู้ชาย ไม่ใช่ผู้หญิง ซึ่งศาลก็ถามแค่นี้สั้นๆ ไม่ได้ซักถามอะไรต่อ" นางทองเรศระบุ

รายงานข่าวแจ้งว่า ระหว่างที่นางทองเรศให้สัมภาษณ์พูดคุยกับผู้สื่อข่าวอยู่นั้น ได้ยกมือพนมไหว้และกล่าวสาบานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์และพระธาตุพนมว่า ทุกถ้อยคำที่ตนพูดและให้การในศาลไปนั้นไม่มีผู้หนึ่งผู้ใดมาเสนอหรือให้สินจ้างเพื่อให้พูดช่วยเหลือฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดทั้งสิ้น ซึ่งตนก็ได้พูดตามความจริงที่พบทั้งหมด

วันเดียวกัน นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (ยธ.) กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีดังกล่าวว่า กระทรวงยุติธรรมเข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีนี้ 2-3 เรื่อง คือ การช่วยเหลือเพื่อเข้าถึงสิทธิ และความยุติธรรมของทุกกลุ่มทุกฝ่าย ซึ่งดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายค่าทนายและค่าธรรมเนียมศาล จนกระทั่งมีการรื้อฟื้นคดีขึ้นมาใหม่ ทั้งนี้ ยธ.ได้เข้าไปเกี่ยวตามอำนาจหน้าที่ที่กฎหมายให้ยธ.สามารถทำได้ โดยเฉพาะเรื่องของการคุ้มครองสิทธิและต้องเตรียมการไว้ เนื่องจากขณะนี้คดีอยู่ในชั้นศาลแล้ว คิดว่าต้องดูที่ศาลว่าจะพิจารณาคดีถึงที่สุดแล้วจะออกมาเป็นอย่างไร

พล.ต.อ.ปัญญา มาเม่น จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานตรวจสอบกรณีดังกล่าว กล่าวว่า เมื่อวันที่ 18 ม.ค.ที่ผ่านมาได้เรียกประชุมคณะทำงานที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 (บช.ภ.4) โดยมี พล.ต.ท.จตุพล ปานรักษา ผบช.ภ.4 รอง ผบช.และคณะทำงาน จนได้ข้อสรุปว่าเรื่องนี้กระบวนการต่างๆ ไปถึงศาลแล้ว โดยศาลอุทธรณ์นัดไต่สวนข้อเท็จจริงวันที่ 8-10 ก.พ. นี้ ขณะที่ทางตำรวจจะสนับสนุนข้อมูลต่างๆ ที่ได้จากการสืบสวนให้แก่ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการสืบสวนสอบสวน รวมทั้งการดำเนินการในส่วนอื่นๆ ในส่วนของตำรวจก็ดำเนินการต่อไปอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ จากการสืบสวนสอบสวนจนถึงขณะนี้ยืนยันได้ว่ามีขบวนการแสวงหาผลประโยชน์จากเรื่องนี้จริง มีพยานหลักฐานที่สามารถพิสูจน์เรื่องนี้ได้ แต่รายละเอียดต่างๆ ไม่ขอเปิดเผย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งข้อมูลดังกล่าวไปที่ทางส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อประกอบการไต่สวน
กำลังโหลดความคิดเห็น