พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. กล่าวถึงกรณีกระทรวงการคลังเตรียมเรียกเก็บภาษีสรรพสามิต วงเงินกว่า 3 พันล้านบาท จากบริษัท เชฟรอน (ประเทศไทย) จำกัด ว่า ปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษาทบทวนว่าเป็นอย่างไร เรื่องนี้เกิดมาหลายปีแล้ว ก่อนหน้าที่ตนเข้ามาเป็นนายกฯ แต่ละฝ่ายมีข้อสังเกตที่ตีความข้อกฎหมายไม่เหมือนกัน ดังนั้นต้องดูแผนที่ทางทะเลถึงจะชี้ชัดได้ ถ้าท่ออยู่ในเขตไทยก็จบ คือต้องเสียภาษี แต่ถ้าส่งออกเกินเขตประเทศไทย ก็มีกฎหมายกำหนดอยู่แล้ว อย่ากังวล อย่าเพิ่งไปพูดอะไรให้เขา (บริษัท เชฟรอนฯ) เสียหาย ถ้าเขาผิด ก็ต้องจ่าย ต้องแก้ปัญหาให้ได้ ทุกอย่างต้องใช้กระบวนการ และประเทศต้องเสียประโยชน์น้อยที่สุด คนไทยต้องได้รับประโยชน์มากที่สุด
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงความคืบหน้าโครงการรถเมล์เอ็นจีวี ว่า ต้องดูว่ากฎหมายว่าอย่างไร หากดำเนินการได้ แต่ว่าเรื่องผิดถูก ต้องไปพิจารณากัน เพราะเท่าที่ทราบคือ เป็นเรื่องของสัญญา ก็ได้บอกไปว่า ทำให้ทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ว่าทำได้ หรือไม่ได้ ทราบว่ามีคณะกรรมการตรวจสอบอยู่ ก็มีอยู่ 2 อย่างคือ สัญญาที่ทำกับขสมก. ต้องไปดูว่ามีผิดสัญญาตรงไหนหรือไม่ หากเป็นการสำแดงเท็จ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เป็นความผิดอีกเรื่องหนึ่ง ก็อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาเช่นกัน
"เราต้องหาทางทำให้ได้ในหลายๆเรื่อง ที่ทำไม่ได้ ตรงนี้ทำให้เห็นเป็นตัวอย่าง ถ้ากรมสรรพกร กระทรวงการคลัง เขาไม่ทำ จะเป็นอย่างไร ก็จะหลุดไปอีก สิ่งนี้คือสิ่งที่เขาพัฒนาตัวเองแล้ว ทำให้เห็นแล้วว่า เขาไม่ยอม แต่ทำไมบริษัทที่เข้ามาทำกับรัฐบาลถึงได้ทำอย่างนี้ ก็ต้องแก้ไขสองอย่าง ทั้งเจ้าหน้าที่ ต้องไม่มีส่วนในผลประโยชน์ และบริษัทภาคเอกชนต้องไม่แสวงหาผลประโยชน์แบบนี้ เพราะมันจะกลายเป็นการทุจริต ซึ่งวันนี้เท่าที่ได้รับรายงานมาคือ การประมูลก็ดีเป็นปกติ แต่พอมาถึงขั้นตอนการสำแดง กลายเป็นอีกเรื่อง ซึ่งก็ต้องไปพิจารณากัน"
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงความคืบหน้าโครงการรถเมล์เอ็นจีวี ว่า ต้องดูว่ากฎหมายว่าอย่างไร หากดำเนินการได้ แต่ว่าเรื่องผิดถูก ต้องไปพิจารณากัน เพราะเท่าที่ทราบคือ เป็นเรื่องของสัญญา ก็ได้บอกไปว่า ทำให้ทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ว่าทำได้ หรือไม่ได้ ทราบว่ามีคณะกรรมการตรวจสอบอยู่ ก็มีอยู่ 2 อย่างคือ สัญญาที่ทำกับขสมก. ต้องไปดูว่ามีผิดสัญญาตรงไหนหรือไม่ หากเป็นการสำแดงเท็จ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เป็นความผิดอีกเรื่องหนึ่ง ก็อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาเช่นกัน
"เราต้องหาทางทำให้ได้ในหลายๆเรื่อง ที่ทำไม่ได้ ตรงนี้ทำให้เห็นเป็นตัวอย่าง ถ้ากรมสรรพกร กระทรวงการคลัง เขาไม่ทำ จะเป็นอย่างไร ก็จะหลุดไปอีก สิ่งนี้คือสิ่งที่เขาพัฒนาตัวเองแล้ว ทำให้เห็นแล้วว่า เขาไม่ยอม แต่ทำไมบริษัทที่เข้ามาทำกับรัฐบาลถึงได้ทำอย่างนี้ ก็ต้องแก้ไขสองอย่าง ทั้งเจ้าหน้าที่ ต้องไม่มีส่วนในผลประโยชน์ และบริษัทภาคเอกชนต้องไม่แสวงหาผลประโยชน์แบบนี้ เพราะมันจะกลายเป็นการทุจริต ซึ่งวันนี้เท่าที่ได้รับรายงานมาคือ การประมูลก็ดีเป็นปกติ แต่พอมาถึงขั้นตอนการสำแดง กลายเป็นอีกเรื่อง ซึ่งก็ต้องไปพิจารณากัน"