xs
xsm
sm
md
lg

ความฝันอันสูงสุด

เผยแพร่:   โดย: ทับทิม พญาไท


อย่างที่ว่าไว้แล้วเมื่อวานนี้...ว่า “เศรษฐกิจพอเพียง” ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงนำเสนอเอาไว้ตั้งแต่เมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว นอกจากไม่ได้เป็นอะไรที่เชยซ์ซ์ซ์ ยังถือเป็นแนวคิดที่สุดแสนจะก้าวหน้าทันสมัย ไม่ต่างไปจากแนวคิดที่บรรดานักคิดยุคใหม่พยายามประดิษฐ์คิดค้นให้สอดคล้องรองรับกับความเป็นไปของโลก สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ ในขณะที่แนวคิดแบบ “ลัทธิทุนนิยม” มันกำลังใกล้จะหมดสภาพเต็มที...

แต่อย่างว่า...ตลอดช่วง 30 ปีที่ผ่านมา คงปฏิเสธไม่ได้ว่า “เศรษฐกิจพอเพียง” มักถูกนำไปใช้เป็นแค่ “ยันต์กันผี” หรือถูกนำไปพูด ไปอ้าง เพียงเพื่อให้ผู้พูด ผู้อ้าง ดูเก๋ หรือดูดีเข้าไว้ โอกาสที่จะส่งผลในเชิงปฏิบัติแทบไม่ปรากฏร่องรอยให้เห็นเป็นเนื้อ เป็นหนังแต่อย่างใด ต่างไปจากผู้นำจีนยุคใหม่ ที่ถึงกับต้องนำเอา “ความพอเพียง” ไปบรรจุไว้ใน “หลักการสี่ถ้วนทั่ว” พร้อมกับเลิกยึดติดการทำให้ตัวเลขจีดีพีโตๆ เข้าไว้ ตลอดไปจนการทุ่มทุนระดับนับล้านล้านหยวน เพื่อนำพาประเทศจีนไปสู่ “อารยธรรมแห่งนิเวศน์” ให้จงได้...

ส่วนประเทศไทยแลนด์แดนสยาม ของหมู่เฮาทั้งหลาย แม้ในช่วงที่รัฐบาลซึ่งไม่ได้มาจากการเลือกตั้งอย่าง “เผด็จการละมุนภัณฑ์” จะออกมาตอกย้ำความสำคัญของ “เศรษฐกิจพอเพียง” เอาไว้อย่างหนักแน่นไม่น้อย หรือนำไปเผยแพร่โฆษณากันในระดับโลก แต่คงต้องยอมรับว่า...ในทางปฏิบัตินั้น ยังออกไปทางเบลอๆ มองไม่เห็นรูปร่างหน้าตาชัดเจนมากมายซักเท่าไหร่ แถมยังต้องหาคำตอบ หาคำอธิบายกันเอาเอง ว่าสิ่งที่เรียกว่า “ไทยแลนด์ 4.0” หรือความพยายามทำให้มี “คนไทย 4.0” เยอะๆ เข้าไว้ มันเกี่ยวกับ “เศรษฐกิจพอเพียง” แบบไหนอย่างไรกันแน่ ไปจนกระทั่งความพยายามของ “ป๋าดัน” ที่พยายามดันตัวเลขจีดีพีแบบสุดลิ่มทิ่มริดสีดวงทวารชนิด “ประชารัฐ” ทำท่าว่าจะกลายเป็น “ประชานิยม” ไปในอีกรูปแบบ ฯลฯ อะไรต่อมิอะไรเหล่านี้มันจึงทำให้การ “เดินหน้าประเทศไทย” ยังต้องมีคำถามกันอีกเยอะ...

ยิ่งในช่วงที่ “เลือกตั้งที่รัก” กำลังใกล้จะมาถึงในปลายปีนี้หรือปีหน้า ท่ามกลาง “ประชาธิปไตยแบบผสมผสาน” อันประกอบไปด้วย “ผู้ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง”และ “ผู้ที่มาจากการเลือกตั้ง” จะต้องหา “จุดลงตัว” กันเอาเอง การเดินหน้าประเทศไทยให้สอดคล้องไปกับแนวคิด “เศรษฐกิจพอเพียง” จึงคงต้องลงทุนลงแรงกันอีกมิใช่น้อย เพราะไม่ว่า “ผู้ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง” หรือ “ผู้ที่มาจากการเลือกตั้ง” ก็ตาม ในแง่แนวคิด วิธีคิด โดยส่วนใหญ่แล้ว มักออกไปทางประเภทที่เรียกๆ กันว่า “Bureaucrat” หรือไม่ก็ “Mainstream” ต่างไปจากแนวคิดแบบ “เศรษฐกิจพอเพียง”ที่กล้าฉีกกรอบ สลัดตัวเองหลุดออกจากแนวคิดกระแสหลักมาตั้งแต่กว่า 30 ปีที่แล้ว...

ด้วยเหตุนี้...การทำให้แนวคิด “เศรษฐกิจพอเพียง” มีผลในเชิงปฏิบัติให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ จึงหนีไม่พ้นที่จะต้องอาศัยสิ่งที่เรียกว่า “ราชประชาสมาศัย” นั่นแหละเป็นสำคัญ หรือการเชื่อมโยงระหว่างพระราชดำริขององค์พระมหากษัตริย์ ลงไปยังบรรดาพสกนิกรทั้งหลายโดยตรง แม้จะไม่มีการบังคับ ยัดเยียด ชนิดต้องบรรจุเอาไว้ในเข็มมุ่งคำชี้นำของผู้มีอำนาจสูงสุดแห่งพรรค แต่ด้วยความรัก ความศรัทธา ความเทิดทูน ที่ปรากฏให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาชาวไทยและชาวโลก ก็ยังพอตั้งเป็น “ความหวัง” หรือ “ความใฝ่ฝันอันสูงสุด” ว่าวันใดวันหนึ่ง...ด้วยการเดินตามแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงตั้งแต่ระดับปัจเจกบุคคล สังคม ไปจนถึงประเทศชาตินั่นเอง ที่อาจทำให้ “แผ่นดินอันงดงาม” กลับคืนมาได้อย่างเป็นจริงเป็นจัง ส่วนระหว่างนี้...เอาเป็นว่า ก็ร้องเพลงคลอๆ กันไปก่อนก็แล้วกัน!!!
กำลังโหลดความคิดเห็น