ศูนย์ข่าวภาคใต้ - องคมนตรีอัญเชิญพระราชกระแสสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ห่วงใยประชาชนเผชิญน้ำท่วมภาคใต้ส่งถึงรัฐบาล "วิษณุ" เผย ม.ค.นี้ เปิด "ศูนย์ช่วยเหลือผู้สบภัยน้ำท่วมภาคใต้" เป็นทางการ นายกฯ ยันเยียวยาตามกฎหมาย ด้านสถานการณ์น้ำท่วม 11 ใต้ยังอ่วม ถนนเพชรเกษมเส้นทางขาขึ้น-ล่องใต้ตั้งแต่ประจวบฯ-ชมพรชะงักหลังน้ำป่าทะลักจาก 3 อ่างในบางสะพาน ตร.ถูกน้ำพัดดับ 1 ขณะปฏิบัติหน้าที่ ทหารเรือเร่งติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง คาดใช้เวลาระบายอย่างน้อย 15-20 วัน
เมื่อเวลา 16.30 น.วานนี้ (9 ม.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังองคมนตรี ประกอบด้วย พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ และนายวิรัช ชินวินิจกุล เดินทางเข้าหารือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาลว่า เป็นการอัญเชิญพระราชกระแสของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงห่วงใยประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ที่ประสบปัญหาอุทกภัยที่อาจจะลำบากในการเข้าช่วยเหลือประชาชน เพราะจะส่งเงินไปประชาชนก็ไม่สามารถนำเงินไปซื้อข้าวของได้ จะส่งข้าวสารไปก็ไม่มีไฟ ไม่มีน้ำ ในการหุงต้มจึงทำให้ลำบากไปหมดและมีแนวทางที่รัฐบาลรับใส่เกล้าใส่กระหม่อมนำไปดำเนินการ
ส่วนหลังจากองคมนตรีอัญเชิญพระราชกระแสมาแล้วรัฐบาลจะดำเนินการอย่างไรต่อไปนั้น นายวิษณุ กล่าวว่า จะให้ความช่วยเหลือประชาชน เพราะทรงห่วงใยว่าจะสามารถช่วยเหลือประชาชนได้อย่างไร เนื่องจากอาหารแจกจ่ายได้ไม่ทั่วถึงและแต่ละอำเภอมีปัญหาแตกต่างกัน บางแห่งได้ยินมาว่าราษฎรกว่า 2-3 หมื่นคน ต้องอพยพไปพักอยู่ในโรงแรมหรือโรงเรียนในที่เดียวกันเป็นการชั่วคราว กินอาหารวันละ 3 มื้อ ซึ่งแปลว่าต้องใช้งบประมาณเลี้ยงดูวันละประมาณ 1 ล้านบาท ตรงนี้รัฐบาลจะมาพิจารณาว่าจะมีการบริหารจัดการกันอย่างไร
"ในวันที่ 10 ม.ค.รัฐบาลจะเปิดศูนย์ช่วยเหลือผู้สบภัยน้ำท่วมภาคใต้ อย่างเป็นทางการ ตั้งอยู่ที่สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) และในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 10 ม.ค.หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย จะมีการเสนอมาตรการต่างๆในการช่วยเหลือเข้าที่ประชุม"
**นายกฯให้กำลังใจชาวใต้ถูกน้ำท่วม
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอเป็นกำลังใจให้ประชาชนทางภาคใต้ โดยประชาชนสามารถบริจาคเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ได้ ในส่วนของกรุงเทพฯ ก็สามารถบริจาคเป็นสิ่งของลงไปในพื้นที่ได้ ส่วนมาตรการเยียวยานั้นสำนักปลัดสำนักนายกฯ ได้ประกาศออกไปแล้ว โดยเยียวยาตามที่รัฐบาลสามารถให้ได้ตามกฎหมาย ซึ่งหากไม่เพียงพอก็ขอให้ส่งเรื่องของบประมาณเพิ่มเติมมาที่คณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาเพิ่มงบประมาณการเยียวยาอีกครั้ง
"ต้องยอมรับว่าน้ำท่วม 10 จังหวัดภาคใต้ถือว่าอาการหนักเนื่องจากมีปริมาณน้ำฝนมากที่สุดในรอบ 30 ปี และโดยรอบก็เป็นพื้นที่ภูเขาและทะเล เมื่อน้ำไหลลงมาจากภูเขาเข้าสู่เมืองจึงเกิดน้ำท่วม เพราะก่อนหน้านี้เมืองค่อนข้างจะสะเปะสะปะ เพราะทุกคนไม่ปฏิบัติตามกฎหมายก่อสร้างกีดขวางทางน้ำ โดยหลังจากน้ำลดรัฐบาลจะเร่งทำทุกอย่างเพื่อแก้ไขปัญหาการระบายน้ำลงทะเลให้ได้มากที่สุด ดังนั้น ขออย่าขัดขวางรัฐบาล และยังต้องการแก้ไขปัญหาทั้งระบบไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วม ฝนแล้ง เพราะเมื่อระบายน้ำออกหมดไม่นานก็จะเกิดปัญหาฝนแล้งอีก"
**น้ำป่าทะลักบางสะพาน ตร.ดับ 1
ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมหลายจังหวัดภาคใต้ยังอยู่ในขั้นวิกฤต โดยเฉพาะที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ ได้เกิดน้ำป่าไหลทะลักสันอ่างเก็บน้ำ 3 แห่งในพื้นที่ อ.บางสะพาน ได้แก่อ่างเก็บน้ำบ้านคลองลอย, อ่างเก็บน้ำโป่งสามสิบ และอ่างเก็บน้ำวังน้ำเขียว ทำให้น้ำไหลทะลักเข้าท่วมพื้นที่การเกษตร ถนน และบ้านเรือนประชาชนเป็นบริเวณกว้างทำให้ชาวบ้านหลายพื้นที่ไม่สามารถเข้าออกหมู่บ้านได้เนื่องจากถนนถูกน้ำกัดเซาะขาด และน้ำไหลเชียวแรง
ส่วนบริเวณถนนเพชรเกษม ช่วงหลัก กม.ที่ 397 หน้า สภ.บางสะพานทั้งฝั่งขาขึ้น กทม.และขาล่องใต้ถูกน้ำท่วมสูงกือบ 1 เมตร ส่งผลให้การจราจรบนถนนเพชรเกษม ไม่สามารถขึ้นและล่องลงภาคใต้ได้ ขณะเดียวกันตำรวจ สภ.ห้วยยาง อ.ทับสะแก ถูกกระแสน้ำพัดหายเข้าไปในท่อน้ำเสียชีวิต 1 นายขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่อำนวยความสะดวกด้านการจราจรบนถนนเพชรเกษมที่กำลังถูกน้ำท่วม คือ ร.ต.ท.ดุสิต สนทนาการ รอง สว.ปป.สภ.ห้วยยาง หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ระดมกำลังค้นหาใช้เวลาประมาณ 1 ชม.จึงพบร่างผู้เสียชีวิตในสวนมะห่างจุดเกิดเหตุ 15 เมตร
**ปิด "แยกปฐมพร" ประตูลงสู่ภาคใต้
ขณะที่เจ้าหน้าที่แขวงทางหลวงชุมพรแจ้งว่า สถานการณ์น้ำท่วมรุนแรงเพิ่มขึ้น ล่าสุดน้ำได้ทะลักเข้าท่วมถนนเพชรเกษม บริเวณประตูสู่ภาคใต้ สี่แยกปฐมพร เขต อ.เมืองชุมพร ขาล่องใต้ระยะทางประมาณ 3.5 กม. ระดับน้ำสูงกว่า 50 ซม.รถเล็กไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้ มีเพียงรถบรรทุกหรือรถยกสูงเท่านั้นที่สามารถผ่านได้ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องปิดป้ายประกาศห้ามผ่าน
ส่วนพื้นที่ อ.เมืองชุมพร, ท่าแซะ และ อ.ปะทิว น้ำจาก อ.บางสะพานของ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้ไหลเข้ามาสมทบกับปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ทำให้หลายจุดต้องประสบกับปัญหาน้ำท่วมขัง ส่วน อ.หลังสวนบริเวณ 5 ตำบลริมทะเล ต.พ้อแดง บางน้ำจืด บางมะพร้าว ปากน้ำ และ ต.แหลมทราย ยังมีน้ำท่วมขังสูงประชาชนต้องอาศัยสถานีอนามัยรวมถึงสถานที่ที่จังหวัดจัดหาให้อยู่เป็นการชั่วคราว
ขณะที่พระเอกชัย อุชุปัญโญ รักษาการเจ้าอาวาสวัดเทพเจริญ หรือวัดถ้ำรับร่อ ต.รับร่อ อ.ท่าแซะ ได้ขอความช่วยเหลือจากหน่วยกู้ภัยสายชลมูลนิธิชุมพร ช่วยย้ายโลงเก็บศพบนศาลา 2 ศพที่กำลังจะถูกน้ำที่ไหลเชี่ยวพัดจม ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องออกไปช่วยกันเคลื่อนย้ายโลงศพ 2 ศพไปไว้บนศาลาภายในวัดโดยเป็นศพของพลทหารที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ชายแดนภาคใต้และศพชาวบ้านลงเรือท้องแบนขึ้นมาบนถนนใส่รถกระบะนำไปฝากไว้ที่วัดใกล้เคียง เป็นไปอย่างทุลักทุเล
**ใช้เวลา15-20วันผลักดันน้ำปากพนัง
สภาพพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช หลายจุดระดับน้ำกำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องอีกครั้ง โดยเฉพาะพื้นที่ทางการเกษตร เช่น สวนส้มโอทับทิมสยาม ที่ก่อนหน้านี้เพียง 1 เดือนเกษตรกรพยายามกู้จากภาวะน้ำท่วมที่ส่งผลกระทบต่อสวนมาแล้ว 1 รอบ และกำลังเริ่มฟื้นตัวปรากฎว่าน้ำท่วมระลอกนี้ถึงขั้นอาจทำให้สวนส้มโอชื่อดังของปากพนัง ซึ่งทำรายได้จากการส่งออกไปยังประเทศในเอเซียหลายประเทศให้กับพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราชปีละนับพันล้านบาทอาจถึงขั้นล่มสลาย
ในขณะที่ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังทั้ง อ.หัวไทร เชียรใหญ่ ปากพนัง เฉลิมพระเกียรติ และ อ.เมืองนครศรีธรรมราช ระดับน้ำยังคงท่วมสูง ประชาชนได้ขนย้ายสิ่งของและทรัพย์สินมีค่าไว้ที่สูง
นายกรณรมย์ วรรณกุล ผอ.โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาปากพนังล่าง กล่าวว่า ขณะนี้มวลน้ำจากพื้นที่โซนภูเขา ได้ไหลลงมาถึงพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังแล้ว ทำให้มีประมาณน้ำท่วมขังสูงกว่าช่วงต้นเดือนธันวาคมประมาณ 20 ซม.มีปริมาณน้ำประมาณ 1,000 ล้านลูกบาศก์เมตร ทำให้การระบายน้ำนานขึ้น คาดว่าคงใช้เวลาประมาณ 15-20 วัน ซึ่งการที่กองทัพเรือได้สนับสนุนเรือผลักดันน้ำ 50 เครื่องมาช่วยผลักดันน้ำออกสู่ทะเลอ่าวไทยโดยตรงนั้นจะช่วยให้การระบายน้ำเร็วขึ้นประมาณ 15%
ที่ จ.สงขลา จนถึงขณะนี้ยังไม่คลี่คลาย และมีพื้นที่น้ำท่วมทั้งลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา รวมถึงลุ่มน้ำคลองอู่ตะเภา โดยพื้นที่อยู่ติดริมทะเลสาบสงขลา พบว่ารอบนี้ค่อนข้างหนัก มีบริเวณที่ถูกน้ำทะเลหนุนท่วมขยายวงกว้างเป็น 5 อำเภอทั้ง 2 ฝั่งไล่ตั้งแต่ อ.ระโนด กระแสสินธุ์ สทิงพระ สิงหนคร และ อ.ควนเนียง ปริมาณน้ำยังขึ้นลงตลอดเวลาจากมวลน้ำที่ไหลมาจาก จ.นครศรีธรรมราช และ จ.พัทลุง การระบายลงสู่อ่าวไทยค่อนข้างช้า ทำให้พื้นที่ส่วนใหญ่จึงยังจมอยู่ในน้ำต่อเนื่องมา 4 วัน
**เตือนฉ.47ใต้ตอนบนฝนตกหนัก
อย่างไรก็ตาม นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำท่วมจังหวัดภาคใต้ว่า จนถึงขณะนี้ 11 จังหวัดภาคใต้ยังคงประสบอุทกภัยน้ำท่วม ได้แก่ จ.พัทลุง นราธิวาส สงขลา ปัตตานี ตรัง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ชุมพร กระบี่ ประจวบคีรีขันธ์ และระนอง มีประชาชนได้รับผลกระทบ 330,415 ครัวเรือน 958,602 คน เสียชีวิต 21 ราย สูญหาย 2 ราย สถานที่ราชการเสียหาย 5 แห่ง ถนน 218 จุด คอสะพาน 59 แห่ง
กรมอุตุนิยมวิทยา ได้ประกาศเตือนฉบับที่ 47 ลงวันที่ 09 ม.ค.ว่าหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงปกคลุมบริเวณทะเลอันดามันตอนกลาง คาดว่าจะเคลื่อนตัวเข้าอ่าวมะตะบันและประเทศเมียนมาในวันนี้ (10 ม.ค.) ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคใต้ตอนบนยังคงมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งโดยเฉพาะ จ.เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ จึงขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และปริมาณฝนที่ตกสะสมที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากต่อเนื่องจนถึงวันที่ 10 ม.ค.60
*** น้ำท่วมใต้กระทบ1หมื่นล้านบาท
นายเจน นำชัยศิริ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.)กล่าวว่า ที่ประชุมได้หารือถึงผลกระทบน้ำท่วมภาคใต้ซึ่งทางสภาหอการค้าได้ประเมินผลกระทบอยู่ระหว่าง 1-1.5 หมื่นล้านบาทอย่างไรก็ตามปัญหาน้ำท่วมภาคใต้มองว่าจะไม่มีผลต่อภาวะเศรษฐกิจระดับมหภาพมากนักเพราะเชื่อว่าจะเป็นสถานการณ์ระยะสั้น ขณะเดียวกันก็จะมีเม็ดเงินลงทุนไปฟื้นฟูโดยเฉพาะถนน หนทาง ต่างๆ ที่เสียหาย ขณะที่การท่องเที่ยวเองแหล่งใหญ่ๆ ก็ไม่ได้เกิดภาวะน้ำท่วมจึงกระทบเพียงเล็กน้อยคาดว่าภายใน 1 เดือนทุกอย่างจะคลี่คลาย
นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า ประเด็นในแง่ของผลกระทบเมื่อคิดเป็นเม็ดเงินขณะนี้คงไม่เกิน 1 หมื่นล้านบาทซึ่งหากเทียบกับจีดีพีถือว่าน้อยมาก อย่างไรก็ตามเร็วๆ นี้สมาคมธนาคารคงจะได้หารือกันเพื่อหามาตรการช่วยเหลือด้านการเงินกับธุรกิจที่ถูกท่วมน้ำท่วม ซึ่งคงเป็นหลักการส่วนแต่ละธนาคารจะดำเนินการอย่างไรก็อยู่ที่การพิจารณา