"สุริยะใส" หนุนตั้งกก.ปฏิรูป-ปรองดอง แนะคสช.เอาจริงก่อนเข้าสู่เลือกตั้ง ห่วงประชาชนหมดหวัง หลังจากตั้งมาหลายคณะก่อนหน้านี้ แต่ผลงานไม่ชัด ด้านสนช.เล็งตั้งกก.ศึกษากม.ลูกล่วงหน้า เพื่อให้เสร็จตามกำหนด
นายสุริยะใส กตะศิลา รองคณบดีฯ วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต และ ผอ.สถาบันปฏิรูปประเทศไทย (สปท.) กล่าวว่า เห็นด้วยที่รัฐบาลเตรียมตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปและการปรองดองขึ้น เพราะทั้ง 2 เรื่อง ต้องทำไปพร้อมๆกัน ที่ผ่านมาเราเน้นกันเฉพาะการปฏิรูปในความหมายแคบๆ โดยเน้นเฉพาะการเขียนรัฐธรรมนูญกับการเขียนกฎหมายเท่านั้น แต่ลืมเรื่องการสร้างความสมานฉันท์ปรองดอง ซึ่งต้องไม่ลืมว่าเขียนกฎหมายดีแค่ไหน แต่ถ้าสังคมยังแตกแยกกันอยู่ หลังเลือกตั้ง ก็กลับไปสู่วังวนปัญหาเดิมๆ
ต้องยอมรับความจริงว่า หลังรัฐประหารความขัดแย้งในภาพรวมอาจจะดูคลี่คลายลงไป แต่ก็เป็นเพียงเปลือกนอก แต่เงื่อนไขสำคัญของความขัดแย้งยังมีอยู่เหมือนเดิมไม่ได้หายไปไหน ถ้าการปรองดองไม่ไปจัดการกับเงื่อนไขหลักๆ ก็เหมือนกับเชื้อไฟยังคงมีอยู่ และมีโอกาสคุโชนได้ตลอดเวลา
ในส่วนของการปฏิรูปประเทศนั้น ที่ผ่านมาไปผูกอยู่กับโรดแมปของการเขียนรัฐธรรมนูญ และกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญมากเกินไป ทำให้หลายเรื่องเริ่มต้นไม่ได้ เพราะต้องรอกฎหมาย ทั้งที่ข้อเสนอหรือพิมพ์เขียวของสปช.และสปท. หลายเรื่องก็เป็นข้อเสนอที่ดี ที่รัฐบาลสามารถเอามาดำเนินการได้เลย แต่กลับถูกพักเก็บไว้ จนเสียโอกาสไป
ที่ผ่านมาก็ตั้งคณะกรรมการมาทำเรื่องปฏิรูปและปรองดองกันหลายคณะ ประชาชนก็อาจมีข้อคำถามว่า ชุดที่จะตั้งขึ้นมาใหม่จะคาดหวังได้ขนาดไหน ครั้งนี้กับช่วงเวลาที่เหลืออยู่ หวังว่า คสช.จะจริงใจ ใช้เป็นโอกาสในการพิสูจน์ความตั้งใจจริง ถ้ากรรมการชุดนี้ไม่มีผลงาน ก็น่าเป็นห่วงว่าการเดินหน้าเข้าสู่เลือกตั้งโดยยังไม่มีการปฏิรูปและการปรองดองนั้น การเมืองไทยหลังเลือกตั้งจะมีอนาคตหรือไม่
ปี พ.ศ.2560 ถือเป็นช่วงโค้งสุดท้ายของคสช. การผลักดันทั้งเรื่องปฏิรูปและปรองดองจึงเป็นสิ่งสำคัญ ฉะนั้นคณะกรรมการทั้ง 2 ชุด ต้องตระหนักว่านี่เป็นภารกิจสำคัญในการเปลี่ยนผ่านสังคมการเมืองไทยครั้งสำคัญ ซึ่งต้องดำเนินการควบคู่ไปพร้อมๆกัน เพื่อให้ปรากฏผลเป็นรูปธรรม และผลงานของกรรมการชุดนี้ ก็จะพอคาดการณ์การเมืองไทยหลังเลือกตั้งได้เช่นกัน
**สนช.เล็งตั้งกก.ศึกษาก.ม.ลูกล่วงหน้า
นายเจตน์ ศิรธรานนท์ โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิป สนช.) กล่าวถึงการประชุม วิปสนช.ในวันนี้ (9 ม.ค.) ว่า วิปสนช. เตรียมพิจารณาข้อเสนอจากคณะกรรมาธิการสามัญพิจารณาศึกษา เสนอแนะ และรวบรวมความเห็นเพื่อการจัดทำร่างรธน. ที่เสนอให้มีการตั้งคณะกรรมการศึกษาพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญล่วงหน้า โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง 4 ฉบับ เพื่อศึกษาประเด็นที่อาจจะมีข้อถกเถียง อาทิ กกต.จังหวัด ควรจะมีหรือไม่ การสิ้นสุดสภาพและคุณสมบัติของกรรมการในองค์กรอิสระ เพื่อให้การพิจารณากม.ลูกมีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น เพราะสนช.เองก็กลัวว่าเวลาในการพิจารณากม.ลูก 60 วัน อาจจะน้อยเกินไป จนทำไม่ทัน หากตั้งคณะกรรมการศึกษาล่วงหน้าจะช่วยให้งานของสนช.เร็วและง่ายมากขึ้น ทั้งนี้ อำนาจในการตั้งคณะกรรมการชุดดังกล่าวอยู่ที่ประธานสนช. ว่าจะตั้งหรือไม่ และจะเป็นไปในลักษณะใด
นายสุริยะใส กตะศิลา รองคณบดีฯ วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต และ ผอ.สถาบันปฏิรูปประเทศไทย (สปท.) กล่าวว่า เห็นด้วยที่รัฐบาลเตรียมตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปและการปรองดองขึ้น เพราะทั้ง 2 เรื่อง ต้องทำไปพร้อมๆกัน ที่ผ่านมาเราเน้นกันเฉพาะการปฏิรูปในความหมายแคบๆ โดยเน้นเฉพาะการเขียนรัฐธรรมนูญกับการเขียนกฎหมายเท่านั้น แต่ลืมเรื่องการสร้างความสมานฉันท์ปรองดอง ซึ่งต้องไม่ลืมว่าเขียนกฎหมายดีแค่ไหน แต่ถ้าสังคมยังแตกแยกกันอยู่ หลังเลือกตั้ง ก็กลับไปสู่วังวนปัญหาเดิมๆ
ต้องยอมรับความจริงว่า หลังรัฐประหารความขัดแย้งในภาพรวมอาจจะดูคลี่คลายลงไป แต่ก็เป็นเพียงเปลือกนอก แต่เงื่อนไขสำคัญของความขัดแย้งยังมีอยู่เหมือนเดิมไม่ได้หายไปไหน ถ้าการปรองดองไม่ไปจัดการกับเงื่อนไขหลักๆ ก็เหมือนกับเชื้อไฟยังคงมีอยู่ และมีโอกาสคุโชนได้ตลอดเวลา
ในส่วนของการปฏิรูปประเทศนั้น ที่ผ่านมาไปผูกอยู่กับโรดแมปของการเขียนรัฐธรรมนูญ และกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญมากเกินไป ทำให้หลายเรื่องเริ่มต้นไม่ได้ เพราะต้องรอกฎหมาย ทั้งที่ข้อเสนอหรือพิมพ์เขียวของสปช.และสปท. หลายเรื่องก็เป็นข้อเสนอที่ดี ที่รัฐบาลสามารถเอามาดำเนินการได้เลย แต่กลับถูกพักเก็บไว้ จนเสียโอกาสไป
ที่ผ่านมาก็ตั้งคณะกรรมการมาทำเรื่องปฏิรูปและปรองดองกันหลายคณะ ประชาชนก็อาจมีข้อคำถามว่า ชุดที่จะตั้งขึ้นมาใหม่จะคาดหวังได้ขนาดไหน ครั้งนี้กับช่วงเวลาที่เหลืออยู่ หวังว่า คสช.จะจริงใจ ใช้เป็นโอกาสในการพิสูจน์ความตั้งใจจริง ถ้ากรรมการชุดนี้ไม่มีผลงาน ก็น่าเป็นห่วงว่าการเดินหน้าเข้าสู่เลือกตั้งโดยยังไม่มีการปฏิรูปและการปรองดองนั้น การเมืองไทยหลังเลือกตั้งจะมีอนาคตหรือไม่
ปี พ.ศ.2560 ถือเป็นช่วงโค้งสุดท้ายของคสช. การผลักดันทั้งเรื่องปฏิรูปและปรองดองจึงเป็นสิ่งสำคัญ ฉะนั้นคณะกรรมการทั้ง 2 ชุด ต้องตระหนักว่านี่เป็นภารกิจสำคัญในการเปลี่ยนผ่านสังคมการเมืองไทยครั้งสำคัญ ซึ่งต้องดำเนินการควบคู่ไปพร้อมๆกัน เพื่อให้ปรากฏผลเป็นรูปธรรม และผลงานของกรรมการชุดนี้ ก็จะพอคาดการณ์การเมืองไทยหลังเลือกตั้งได้เช่นกัน
**สนช.เล็งตั้งกก.ศึกษาก.ม.ลูกล่วงหน้า
นายเจตน์ ศิรธรานนท์ โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิป สนช.) กล่าวถึงการประชุม วิปสนช.ในวันนี้ (9 ม.ค.) ว่า วิปสนช. เตรียมพิจารณาข้อเสนอจากคณะกรรมาธิการสามัญพิจารณาศึกษา เสนอแนะ และรวบรวมความเห็นเพื่อการจัดทำร่างรธน. ที่เสนอให้มีการตั้งคณะกรรมการศึกษาพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญล่วงหน้า โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง 4 ฉบับ เพื่อศึกษาประเด็นที่อาจจะมีข้อถกเถียง อาทิ กกต.จังหวัด ควรจะมีหรือไม่ การสิ้นสุดสภาพและคุณสมบัติของกรรมการในองค์กรอิสระ เพื่อให้การพิจารณากม.ลูกมีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น เพราะสนช.เองก็กลัวว่าเวลาในการพิจารณากม.ลูก 60 วัน อาจจะน้อยเกินไป จนทำไม่ทัน หากตั้งคณะกรรมการศึกษาล่วงหน้าจะช่วยให้งานของสนช.เร็วและง่ายมากขึ้น ทั้งนี้ อำนาจในการตั้งคณะกรรมการชุดดังกล่าวอยู่ที่ประธานสนช. ว่าจะตั้งหรือไม่ และจะเป็นไปในลักษณะใด