xs
xsm
sm
md
lg

หมดแล้ว...ลิเบอร่าน!!!

เผยแพร่:   โดย: ทับทิม พญาไท

สัปดาห์ที่แล้ว...ที่เริ่มต้นด้วยการขออนุญาต “มองโลก” เอาไว้ก่อน ไม่ใช่เพราะ “เวอร์” หรือคิดจะ “เก๋” แต่เป็นเพราะนับแต่โลกมันออกอาการ “โลกาภิวัตน์” มานานแล้ว ตั้งแต่ “อาจารย์ชัยอนันต์” (สมุทวณิช) ท่านยังไม่ได้บัญญัติคำว่า “โลกานุวัตร” และ “ราชบัณฑิต” ยังไม่ได้คิดจะแปลงเป็น “โลกาภิวัตน์” พลวัตแห่งความเป็นไปของโลกนั้น ต้องเรียกว่า...มันมีผลเอามากๆ ต่อ “ความเปลี่ยนแปลง” ภายในประเทศต่างๆ อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้

ไม่ว่าจะการปฏิวัติ 2475 เปลี่ยนระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นประชาธิปไตย ตามด้วยฝ่ายประชาธิปไตยหันมา “กัดกันเอง” จนประชาธิปไตยวนไป-วนมาเกือบร่วมศตวรรษเข้าไปแล้ว ไปจน 14 ตุลาฯ 6 ตุลาฯ อะไรก็แล้วแต่ ล้วนแต่มีอิทธิพลของโลกเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยกันทั้งสิ้น แม้นักวิชาการ วิชาเกิน บางกลุ่ม บางรายในบ้านเรา มักชอบตัดเรื่องโลกออกไปซะเกลี้ยง เพื่อจะได้หันมารุมยำใครต่อใครในประเทศแบบเต็มตีนถนัดๆ แต่สุดท้าย...คงปฏิเสธไม่ได้ว่าความเปลี่ยนแปลงภายใน หลายต่อหลายอย่าง มันมี “ปัจจัยภายนอก” เข้ามาสอดแทรกอยู่ด้วยเสมอๆ มากบ้าง น้อยบ้าง ไปตามสภาพ...

ส่วนโลกนับจากปี 2560 หรือ 2017 เป็นต้นไป...เป็นโลกที่บางรายพูดเอาไว้ว่า “ฝ่ายขวามาแรง” ซึ่งอันที่จริงน่าจะพูดผิด หรือพูดไม่หมด เพราะถ้าพูดให้ครบ น่าจะใช้คำว่า เป็นโลกที่ฝ่ายซ้ายของฝ่ายขวา หรือฝ่ายที่เรียกตัวเองว่าพวก “เสรีนิยมใหม่” (Neo-Liberal) หรือจะเรียกว่าพวก “ลิเบอร่าน” แบบสำนวนบ้านเราก็คงพอได้กำลังออกอาการ “หมดแรง” “เสื่อม” หรือ “ล้มเหลว” อย่างเห็นได้ชัด ดังที่อภิมหานักคิด “นอม ชอมสกี้” ว่าไว้เมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งสิ่งที่ว่านี้...คงไม่ใช่เรื่องใหม่ หรือเพิ่งเกิดขึ้นแบบปุบๆ ปับๆ เพราะอันที่จริงกระแสที่ว่านี้มันแสดงตัวให้เห็นมาตั้งนานแล้ว ตั้งแต่เกิด “การปะทะที่ซีแอตเติล” (The Battle of Seattle) ช่วงปลายปี ค.ศ. 1999 โน่นเลย อันทำให้การประชุม “ทุนนิยมโลก” ของพวกที่ถูกเรียกว่าพวก “โลกาภิวัตน์จากด้านบน” ซึ่งมักอาศัยพวก “ลิเบอร่าน” หรือพวกที่ชอบอ้าง “ประชาธิปไตย” หรือ “สิทธิมนุษยชน” เป็น “เครื่องมือ” มีอันต้องล้มคว่ำคะมำหงายมาตั้งแต่บัดนั้น...

กระแสที่ว่านี้...อันที่จริงมันไม่ได้มาจากพวกฝ่ายขวา เผด็จการ ชาตินิยม เหยียดผิว ฯลฯ ล้วนๆ แต่อย่างใด แต่มันมาจากพวกที่ “ไม่เอาโลกาภิวัตน์” ทั้งหลาย โดยเฉพาะ “โลกาภิวัตน์จากด้านบน” ที่ถูกขับเคลื่อนโดยทุนนิยม ไม่ว่าจะอ้างว่าเป็นทุนนิยม “เสรี” ขนาดไหนก็ตาม และหลังจากนั้นกระแสที่ว่านี้มันไม่ได้วูบหายไปเฉยๆ แต่ยังคงแสดงตัวตนของมันอย่างสม่ำเสมอ ในแต่ละรูปแบบ ไม่ว่าฉีกมาเป็นพวก “Occupy Wall street” ในอเมริกา เป็นพวก “Indignados” ในสเปน แทรกอยู่ในพวก “NEET” (Non in Education, Employment, or Training) ทั่วทั้งยุโรปหรือทั่วทั้งโลกก็ว่าได้ การประท้วงของกลุ่มคนเหล่านี้แต่ละที มันถึงได้มีคนออกมาร่วมพอๆ กับพวกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หรือ กปปส.ในบ้านเราซะทุกทีไป...

กระแสที่มันผสมผสานดึงเอาหลายกลุ่มหลายพวก เข้ามาร่วมแสดงออกถึงความไม่พอใจต่อพวก “ลิเบอร่าน” ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะฝ่ายค้าน หรือรัฐบาลก็ตามแต่ มันจึงกลายสภาพมาเป็นอังกฤษเบร็กซิต อเมริกาเบร็กซิต ตามด้วยอิตาลีเบร็กซิต และอาจต่อไปถึงฝรั่งเศส เยอรมนี ฯลฯ อีกไม่นานนับจากนี้ และเป็นกระแสที่น่าจะทำให้พวก “ลิเบอร่าน” ในบ้านเรา คงต้องเก็บมาคิด มาตระหนักให้เยอะๆ เข้าไว้ ว่าจะแค่พูดซ้ำ พูดซากถึง “ประชาธิปไตย” “สิทธิมนุษยชน” “เสรีภาพ” แบบนกแก้ว นกขุนทอง ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว โอกาสที่จะ “ตกเวทีประวัติศาสตร์” ต้องโดดไปขึ้น “เวทีรำวง” เซิ้งพะเยิบพะยาบอย่างเช่นทุกวันนี้ ย่อมมีความเป็นไปได้สูงยิ่งขึ้นเรื่อยๆ เพราะกระแสที่มาแรงแซงโค้งเอามากๆ ไม่ว่ามันจะปรากฏตัวอยู่ในรูปแบบใดๆ ก็ตาม ก็คือกระแสที่โหยหา เพรียกหาความเป็นไปตาม “ครรลองคลองธรรม” หรืออะไรก็ตามที่มันมี “ธรรมะ” สอดแทรกและรองรับเอาไว้อย่างจริงๆ จังๆ ถ้าเรียกกันตามสำนวนของ “สนธิ ลิ้มทองกุล” ก็คือกระแสที่ “เอาธรรมนำหน้า” นั่นเอง อันนี้นี่แหละ...ที่มันจะกลายเป็นตัวขับเคลื่อน “โลกาภิวัตน์จากด้านล่าง” และทำให้โลกทั้งโลกต้องเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม...
กำลังโหลดความคิดเห็น