xs
xsm
sm
md
lg

จี้รัฐทวง1.25แสนล.จากAIS

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต ส.ส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จากที่เคยเรียกร้องให้รัฐบาล และป.ป.ช. ดำเนินการบังคับใช้กฎหมาย ป.ป.ช. มาตรา103-4 และ 103/5 ในกรณีที่ขรก.หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ ร้องทุกข์กล่าวโทษผู้บังคับบัญชาที่มีพฤติกรรมทุจริต ทำผิดกม. หรือทำให้รัฐได้รับความเสียหาย ต้องได้รับการปกป้องคุ้มครอง เช่น กรณีอาจารย์ในมหาวิทยาลัยต่างๆ ทั่วประเทศ ที่พบเห็นผู้บริหาร หรืออธิการบดีทุจริต ใช้งบประมาณผิดวัตถุประสงค์ ทำให้รัฐเสียหาย แต่กลับถูกเลิกต่อสัญญาจ้าง โดยอ้างเหตุว่าทำให้มหาวิทยาลัยนั้นๆ เสื่อมเสียชื่อเสียง กลายเป็นว่าคนร้องเหตุทุจริตกลับถูกรังแกจนตกงาน ทั้งที่มีกฎหมายบังคับใช้อยู่แล้วในการปกป้องคนกล้า จึงขอให้รัฐบาลและป.ป.ช. เร่งบังคับใช้กฎหมายนี้ และเมื่อมีการยกร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการป.ป.ช.แล้ว ขอให้บัญญัติเรื่องเหล่านี้ไปในกฎหมายป.ป.ช.ใหม่ ให้มีผลบังคับใช้ด้วย
นายชาญชัย ยังกล่าวถึงกรณี คณะอนุกรรมาธิการปราบโกงของสปท. เคยทำรายงานต่อนายกฯ กรณีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาคดีที่ อ.1/2553 ที่ศาลมีคำพิพากษาว่า มีการแก้ไขสัญญาโดยมิชอบด้วยกฎหมายตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนรวม 5 ครั้ง รวมเป็นเงิน 88,359 ล้านบาท ซึ่งผู้ได้รับประโยชน์จากการแก้ไสัญญาครั้งนั้น คือ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส และยังมีการแก้ไข พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต โดยให้เอไอเอส นำเงินค่าภาษีมาหักออกจากเงินที่ต้องจ่ายเป็นค่าสัมปทานให้แก่รัฐ อีก 36,000 ล้านบาท รวม 2 รายการ เป็นเงิน 125,000 ล้านบาท แต่ปรากฏว่า หน่วยงานราชการของรัฐซึ่งเป็นผู้เสียหาย เป็นผู้บังคับใช้กฎหมาย ยังไม่มีการอายัดเงินดังกล่าวเป็นของรัฐจริง แม้ทั้งนายกฯ รองนายกฯ ฝ่ายกฎหมาย จะสั่งกำชับให้กระทรวงการคลัง กรมสรรพสามิต และ ทีโอที. ซึ่งเป็นองค์กรรัฐที่เสียหายติดตามหาตัวข้าราชการ หรือกลุ่มคณะบุคคลที่ทำผิด และ ละเว้นไม่ทำตามคำพิพากษาศาล ถามว่าหน่วยงานรัฐยังปล่อยให้เงิน 125,000 ล้านบาท อยู่ในมือของบริษัทเอกชนมานานถึง 7 ปีได้อย่างไร ทั้งที่ศาลฎีกาตัดสินคดีถึงที่สุดแล้ว และขอขอบคุณที่ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ที่ได้ทำหนังสือติดตามทวงถามความคืบหน้ากรณีนี้ ต่อกระทรวงการคลัง
นอกจากนี้ กรณีบริษัท คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ ซึ่งเช่าพื้นที่จากการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย (ทอท.) ที่ต้องจัดเก็บรายได้จากร้านค้าและบริการโดยต้องแบ่งรายได้ 15% จากยอดขายสินค้าและบริการให้ ทอท. แต่ปรากฏว่า บริษัท คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ กลับเก็บรายได้จากบริษัท คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ซอยรางน้ำ) ที่มาส่งสินค้าปลอดอากร ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ ที่ประมูลเช่าพื้นที่ของ ทอท. แค่ 3% หายไป 12% ทั้งที่เป็นสัญญาลักษณะเดียวกันกับที่ บริษัท คิงเพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี ที่ขายสินค้าและบริการที่สนามบินดอนเมืองที่จ่ายให้รัฐ 15% ดังนั้นยอดขายสินค้าและบริการอีก 12% ที่ไม่จ่ายให้รัฐ มีมูลค่านับหมื่นล้านบาท ตลอด 9 ปีที่ผ่านมา ซึ่ง สตง.ได้ตรวจสอบตามรายงานของอนุกมธ.ปราบโกง สปท. ที่ส่งให้นายกฯรับทราบ โดยกำชับให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ เรียก13 หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องแต่ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ ซ้ำยังมีการดึงข้อมูลออกจากวาระการประชุมด้วยซ้ำไป
กำลังโหลดความคิดเห็น