ประเดิมเริ่มแรกคงต้องขออนุญาตไปมองอะไรกว้างๆ...คือมองโลกทั้งโลกเอาไว้ก่อน เพราะโลกปี 2560 หรือ 2017 นั้น น่าจะต่างไปจากโลกเมื่อปีที่แล้ว หรือที่ผ่านๆ มาแบบชนิดเปลี่ยนจาก “หน้ามือเป็นหลังตีน” หรือ “หน้าตีนเป็นหลังมือ” ก็แล้วแต่จะนิยามกันเอาเอง...
รายของผู้นำสูงสุดแห่งโลกอย่างคุณพ่ออเมริกานั้น...แทบไม่ต้องเสียเวลาพูดถึง เพราะเปลี่ยนจาก “โอบามา” มาเป็น “ทรัมป์” ต้องเรียกว่า...เปลี่ยนลูกสูบ เปลี่ยนเครื่องยนต์ เปลี่ยนบอดี้ชนิดใหม่หมดทั้งแผง ส่วนยุโรปที่ถือเป็นพันธมิตรเคียงบ่า-เคียงไหล่อเมริกามาโดยตลอด การเลือกตั้งทั่วไปที่กำลังจะมาถึงในฝรั่งเศส เยอรมนี ในปีนี้ ไปจนถึงอิตาลีในปีหน้า อาจนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลง พอๆ กับอังกฤษเบร็กซิต หรืออเมริกาเบร็กซิต เอาเลยก็ไม่แน่!!! แต่แม้ความเปลี่ยนที่ว่า อาจไม่ได้ถูกแสดงออกด้วยผลการเลือกตั้ง “ความล้มเหลวของพวกเสรีนิยมใหม่” ในยุโรป ตามที่อภิมหานักคิดอย่าง “นอม ชอมสกี้” ว่าไว้ ย่อมต้องนำความเปลี่ยนแปลงในรูปหนึ่งรูปใด ปรากฏให้เห็นอย่างมิอาจปฏิเสธและหลีกเลี่ยงได้เลย...
ส่วนตะวันออกกลางอันถือเป็นจุด “ไฮไลต์” ของโลกมาโดยตลอด แค่ความเปลี่ยนแปลงฉากสถานการณ์สงครามกลางเมืองในซีเรีย ที่อาจยุติลงไปในอีกไม่ใกล้-ไม่ไกล การหนียะย่าย พ่ายจะแจของพวกผู้ก่อการร้ายไอซิสในเมืองโมซุลของอิรัก ยังไม่ถือเป็นความเปลี่ยนแปลงที่น่าตื่นเต้ลล์ล์ล์มากมายซักเท่าไหร่ เพราะเป็นเรื่องที่พอรู้ๆ กันมาตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่จุดที่อาจนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจ และถูกตั้งเป็นข้อสังเกตไว้โดยบรรณาธิการอาวุโสแห่งหนังสือพิมพ์ “Rai al-Youm” นาย “Abdel Bari Atwan” ผู้ได้ชื่อว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญโลกมุสลิมระดับเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไป ที่ได้ออกมาวิเคราะห์เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาว่า แนวโน้มที่พวกผู้ก่อการร้ายไอซิสจะหันปากกระบอกปืนกลับไปยังผู้ซึ่งเคยให้การสนับสนุนตัวเองมาโดยตลอด ด้วยการ “ล้างแค้น” ประเทศตุรกี รวมไปถึงการโจมตีสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐานต่อแหล่งผลิตน้ำมันในซาอุดีอาระเบีย ถือเป็นข้อสังเกตหรือข้อสมมติฐานที่อาจถือเป็น “จุดเปลี่ยน” สำคัญของตะวันออกกลางทั้งภูมิภาคเอาเลยก็ว่าได้...
พูดง่ายๆ ว่า...แทบไม่ต่างไปจากการสะท้อนถึงแนวโน้มการ “เปลี่ยนข้าง-ย้ายข้าง” บรรดาประเทศพันธมิตรของอเมริกาและยุโรปในตะวันออกกลาง ว่ามีความเป็นไปได้ชัดเจนยิ่งขึ้นเรื่อยๆ และถ้ามันเปลี่ยนไปถึงขั้นอภิมหาเจ้าพ่อน้ำมันอย่างซาอุดีอาระเบีย ตัดสินใจเลิกผูกราคาน้ำมันเอาไว้กับ “เงินดอลลาร์” โลกที่เคยท่วมท้นไปด้วยเงินดอลลาร์ หรือโลกที่ต้องตกอยู่ภายใต้ “เผด็จการดอลลาร์” มานานแสนนาน ย่อมต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับทั่วทั้งโลกอย่างมิอาจปฏิเสธได้โดยเด็ดขาด...
ส่วนแถบเอเชียบ้านเรา...แทบไม่ต้องพูดถึงการปักหม่งปักหมุดในเอเชีย (Pivot to Asia) ใดๆ ต่อไปอีกแล้ว เพราะฟิลิปปินส์นั้น...ไปแล้ว!!! แทบจะทั้งลิ่ม ทั้งยวง ไปจากความเป็นพันธมิตรอเมริกา ระดับไปไม่กลับ-หลับไม่ตื่น-ฟื้นไม่มี ไม่เพียงแต่ตัวประธานาธิบดี หรือทูตฟิลิปปินส์ประจำกรุงปักกิ่งคนล่าสุด จะออกมายืนยันถึงการเปลี่ยนข้าง ย้ายข้าง เอาไว้ค่อนข้างแจ่มแจ้งแดงแจ๋
ล่าสุด...อย่างที่ข่าว “เอเอสทีวี-ผู้จัดการ” เพิ่งรายงานไปหมาดๆ ว่าเรือต่อต้านเรือดำน้ำรัสเซีย ได้เข้าเทียบท่ากรุงมะนิลาเรียบโร้ยย์ย์ย์แล้ว พร้อมการให้สัมภาษณ์ของรองผู้บัญชาการกองเรือแปซิฟิกของรัสเซีย ว่ารัฐบาลทั้งสองประเทศกำลังหารือที่จะร่วมฝึกทางทะเลด้วยกัน หลังจากรัสเซียได้ร่วมฝึกทางทะเลกับกองทัพเรืออินโดนีเซียมาก่อนหน้านั้น หรือหลังจากจีนกับอินโดนีเซียได้ประกาศความเป็น “หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์” ในการร่วมผลักดันโครงการ “เส้นทางสายไหมใหม่แห่งศตวรรษที่ 21” ให้เป็นจริงเป็นจังยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ไม่ต่างไปจากมาเลเซียที่เพิ่งหันไปสั่งซื้ออาวุธจากจีนล็อตใหญ่ ส่วนสิงคโปร์ที่ถือเป็น “นายหน้าอเมริกัน” ประจำภูมิภาคนี้มาโดยตลอด ระหว่างการอวยพรปีใหม่ของนายกรัฐมนตรี “ลี เซียน ลุง” เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ก็อดไม่ได้ที่จะสารภาพออกมาตรงๆ ว่า ข้อตกลง “TPP” (Tran Pacific Partnership) ที่คิดจะสร้างขึ้นมาเพื่อกีดกันจีนโดยเฉพาะนั้น น่าจะ “เจ๊ง” แล้ว หรือลำบากแล้ว จนสิงคโปร์เลี่ยงไม่พ้นที่จะต้องหันไป “แสวงหาความร่วมมือทางเศรษฐกิจในรูปแบบอื่น”...
ท่ามกลางโลกที่กำลังเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังตีน หรือหน้าตีนเป็นหลังมือเช่นนี้...จึงนำไปสู่ “คำถาม” ที่ว่า แล้วประเทศไทยแลนด์แดนสยาม หรือ “ไทยแลนด์ 4.0” ของหมู่เฮาทั้งหลาย จะ “เดินหน้า” ไปในรูปไหนกันดี...
รายของผู้นำสูงสุดแห่งโลกอย่างคุณพ่ออเมริกานั้น...แทบไม่ต้องเสียเวลาพูดถึง เพราะเปลี่ยนจาก “โอบามา” มาเป็น “ทรัมป์” ต้องเรียกว่า...เปลี่ยนลูกสูบ เปลี่ยนเครื่องยนต์ เปลี่ยนบอดี้ชนิดใหม่หมดทั้งแผง ส่วนยุโรปที่ถือเป็นพันธมิตรเคียงบ่า-เคียงไหล่อเมริกามาโดยตลอด การเลือกตั้งทั่วไปที่กำลังจะมาถึงในฝรั่งเศส เยอรมนี ในปีนี้ ไปจนถึงอิตาลีในปีหน้า อาจนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลง พอๆ กับอังกฤษเบร็กซิต หรืออเมริกาเบร็กซิต เอาเลยก็ไม่แน่!!! แต่แม้ความเปลี่ยนที่ว่า อาจไม่ได้ถูกแสดงออกด้วยผลการเลือกตั้ง “ความล้มเหลวของพวกเสรีนิยมใหม่” ในยุโรป ตามที่อภิมหานักคิดอย่าง “นอม ชอมสกี้” ว่าไว้ ย่อมต้องนำความเปลี่ยนแปลงในรูปหนึ่งรูปใด ปรากฏให้เห็นอย่างมิอาจปฏิเสธและหลีกเลี่ยงได้เลย...
ส่วนตะวันออกกลางอันถือเป็นจุด “ไฮไลต์” ของโลกมาโดยตลอด แค่ความเปลี่ยนแปลงฉากสถานการณ์สงครามกลางเมืองในซีเรีย ที่อาจยุติลงไปในอีกไม่ใกล้-ไม่ไกล การหนียะย่าย พ่ายจะแจของพวกผู้ก่อการร้ายไอซิสในเมืองโมซุลของอิรัก ยังไม่ถือเป็นความเปลี่ยนแปลงที่น่าตื่นเต้ลล์ล์ล์มากมายซักเท่าไหร่ เพราะเป็นเรื่องที่พอรู้ๆ กันมาตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่จุดที่อาจนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจ และถูกตั้งเป็นข้อสังเกตไว้โดยบรรณาธิการอาวุโสแห่งหนังสือพิมพ์ “Rai al-Youm” นาย “Abdel Bari Atwan” ผู้ได้ชื่อว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญโลกมุสลิมระดับเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไป ที่ได้ออกมาวิเคราะห์เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาว่า แนวโน้มที่พวกผู้ก่อการร้ายไอซิสจะหันปากกระบอกปืนกลับไปยังผู้ซึ่งเคยให้การสนับสนุนตัวเองมาโดยตลอด ด้วยการ “ล้างแค้น” ประเทศตุรกี รวมไปถึงการโจมตีสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐานต่อแหล่งผลิตน้ำมันในซาอุดีอาระเบีย ถือเป็นข้อสังเกตหรือข้อสมมติฐานที่อาจถือเป็น “จุดเปลี่ยน” สำคัญของตะวันออกกลางทั้งภูมิภาคเอาเลยก็ว่าได้...
พูดง่ายๆ ว่า...แทบไม่ต่างไปจากการสะท้อนถึงแนวโน้มการ “เปลี่ยนข้าง-ย้ายข้าง” บรรดาประเทศพันธมิตรของอเมริกาและยุโรปในตะวันออกกลาง ว่ามีความเป็นไปได้ชัดเจนยิ่งขึ้นเรื่อยๆ และถ้ามันเปลี่ยนไปถึงขั้นอภิมหาเจ้าพ่อน้ำมันอย่างซาอุดีอาระเบีย ตัดสินใจเลิกผูกราคาน้ำมันเอาไว้กับ “เงินดอลลาร์” โลกที่เคยท่วมท้นไปด้วยเงินดอลลาร์ หรือโลกที่ต้องตกอยู่ภายใต้ “เผด็จการดอลลาร์” มานานแสนนาน ย่อมต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับทั่วทั้งโลกอย่างมิอาจปฏิเสธได้โดยเด็ดขาด...
ส่วนแถบเอเชียบ้านเรา...แทบไม่ต้องพูดถึงการปักหม่งปักหมุดในเอเชีย (Pivot to Asia) ใดๆ ต่อไปอีกแล้ว เพราะฟิลิปปินส์นั้น...ไปแล้ว!!! แทบจะทั้งลิ่ม ทั้งยวง ไปจากความเป็นพันธมิตรอเมริกา ระดับไปไม่กลับ-หลับไม่ตื่น-ฟื้นไม่มี ไม่เพียงแต่ตัวประธานาธิบดี หรือทูตฟิลิปปินส์ประจำกรุงปักกิ่งคนล่าสุด จะออกมายืนยันถึงการเปลี่ยนข้าง ย้ายข้าง เอาไว้ค่อนข้างแจ่มแจ้งแดงแจ๋
ล่าสุด...อย่างที่ข่าว “เอเอสทีวี-ผู้จัดการ” เพิ่งรายงานไปหมาดๆ ว่าเรือต่อต้านเรือดำน้ำรัสเซีย ได้เข้าเทียบท่ากรุงมะนิลาเรียบโร้ยย์ย์ย์แล้ว พร้อมการให้สัมภาษณ์ของรองผู้บัญชาการกองเรือแปซิฟิกของรัสเซีย ว่ารัฐบาลทั้งสองประเทศกำลังหารือที่จะร่วมฝึกทางทะเลด้วยกัน หลังจากรัสเซียได้ร่วมฝึกทางทะเลกับกองทัพเรืออินโดนีเซียมาก่อนหน้านั้น หรือหลังจากจีนกับอินโดนีเซียได้ประกาศความเป็น “หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์” ในการร่วมผลักดันโครงการ “เส้นทางสายไหมใหม่แห่งศตวรรษที่ 21” ให้เป็นจริงเป็นจังยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ไม่ต่างไปจากมาเลเซียที่เพิ่งหันไปสั่งซื้ออาวุธจากจีนล็อตใหญ่ ส่วนสิงคโปร์ที่ถือเป็น “นายหน้าอเมริกัน” ประจำภูมิภาคนี้มาโดยตลอด ระหว่างการอวยพรปีใหม่ของนายกรัฐมนตรี “ลี เซียน ลุง” เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ก็อดไม่ได้ที่จะสารภาพออกมาตรงๆ ว่า ข้อตกลง “TPP” (Tran Pacific Partnership) ที่คิดจะสร้างขึ้นมาเพื่อกีดกันจีนโดยเฉพาะนั้น น่าจะ “เจ๊ง” แล้ว หรือลำบากแล้ว จนสิงคโปร์เลี่ยงไม่พ้นที่จะต้องหันไป “แสวงหาความร่วมมือทางเศรษฐกิจในรูปแบบอื่น”...
ท่ามกลางโลกที่กำลังเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังตีน หรือหน้าตีนเป็นหลังมือเช่นนี้...จึงนำไปสู่ “คำถาม” ที่ว่า แล้วประเทศไทยแลนด์แดนสยาม หรือ “ไทยแลนด์ 4.0” ของหมู่เฮาทั้งหลาย จะ “เดินหน้า” ไปในรูปไหนกันดี...