น้ำท่วมหลายจังหวัดภาคใต้วิกฤต "นครศรีธรรมราช" หนักสุดถูกน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมหนัก ย่านการค้าในอำเภอพระพรหมจมบาดาล ถนนสาย 401 น้ำท่วมสูง จนท.ต้องเร่งเข้าช่วยเหลือประชาชน อีกทั้งยังมีรถไฟสายใต้ 4 ขบวนต้องหยุดเดินรถที่สถานีชุมทางทุ่งสง ด้าน สธ.เผยรพ.รับผลกระทบ 65 แห่ง แต่กลับมาให้บริการได้แล้ว
วานนี้ (4 ม.ค.) หลายจังหวัดภาคใต้ยังคงได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมอย่างหนัก ขณะที่บางจังหวัดอยู่ในขั้นวิกฤตโดยเฉพาะที่ จ.นครศรีธรรมราช ได้ส่งผลกระทบกับการเดินรถไฟสายใต้แล้ว 4 ขบวนเนื่องจากน้ำท่วมสันรางจนไม่สามารถเดินรถได้ คือขบวน กทม.-กันตัง 2 ขบวน และ กทม.-นครศรีธรรมราช 2 ขบวน โดยรถไฟทั้ง 4 ขบวนหยุดเดินรถที่สถานีชุมทางทุ่งสง โดยการรถไฟได้จัดรถบัสคอยอำนวยความสะดวกตอนขนถ่ายผู้โดยไปยังสถานีปลายทาง
ขณะที่ย่าน ต.ที่วัง อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ระดับน้ำได้ท่วมสูงโดยเฉพาะละแวกสถานีรถไฟที่วัง เจ้าหน้าที่ต้องใช้เชือกผูกโยงเพื่อให้ประชาชนใช้เป็นแนวยึดป้องกันน้ำซัด ขณะเดินออกมาเพื่อหาซื้ออาหาร ส่วนทางรถไฟนั้นได้รับความเสียหายเป็นระยะทางหลายร้อยเมตร
ขณะเดียวกันน้ำป่ายังไหลหลากเข้าท่วมหลายพื้นที่ของ จ.นครศรีธรรมราช อีก โดยเฉพาะในพื้นที่ ต.ไชยมนตรี อ.เมืองฯ และ ต.นาสาร, ท้ายสำเภา, นาพรุ อ.พระพรหม หากมองจากภาพมุมสูงจะพบมวลน้ำจำนวนมากกำลังไหลหลากเข้าสู่พื้นที่ย่านชุมชน และย่านมหาวิทยาลัยรามคำแหง สาขาวิทยบริการนครศรีธรรมราช โดยเฉพาะถนนสาย 401 นครศรีธรรมราช-ร่อนพิบูลย์ การจราจรเป็นไปอย่างยากลำบากเนื่องจากถูกน้ำท่วมในระดับสูง เจ้าหน้าที่ต้องปิดการจราจรเป็นระยะเนื่องจากรถยนต์ทุกชนิดไม่สามารถใช้การได้ ขณะที่ฝนยังคงตกหนักและระดับน้ำสูงมากขึ้นเรื่อยๆ
**ยะลาอ่วมหลังฝนตกติดต่อหลายวัน
ส่วนในพื้นที่ จ.ยะลา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลาเขต 1 แจ้งว่าว่า มีโรงเรียนในสังกัดได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมจำนวน 12 แห่งในพื้นที่ อ.รามัน จ.ยะลา และโรงเรียนบ้านทุ่งเหรียง อ.เมือง จ.ยะลา ซึ่งโรงเรียนทั้ง 12 แห่งนี้จะต้องปิดการเรียนการสอนอย่างไม่มีกำหนดจนกว่าสถานการณ์น้ำจะคลี่คลาย
ขณะที่ในพื้นที่ ต.ท่าธง อ.รามัน มีพื้นที่ที่ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วมประกอบด้วยพื้นที่บ้านโต๊ะพราน ม.1 บ้านจะรังตาดง ม.2 บ.พรุ ม.3 บ้านป่าบอน ม.4 ต.ท่าธง อ.รามัน จ.ยะลา ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวมีประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วมที่รอรับการช่วยเหลือเป็นจำนวนมาก นอกจากนั้น ที่บริเวณ สภ.ท่าธงหลังเก่า ซึ่งปัจจุบันใช้เป็นหน่วยบริการประชาชนของตำรวจตระเวนชายแดน ก็ถูกน้ำท่วมขังโดยรอบด้วย
ขณะที่ปริมาณน้ำในแม่น้ำสายบุรี ซึ่งไหลผ่าน อ.รามัน จ.ยะลา ทำให้พื้นที่ริมแม่น้ำ ต.ตะโละหะลอ ต.อาซ่อง ต.กายูบอเกาะ ต.ท่าธง ถูกน้ำเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่ และบ้านเรือนของประชาชนริมแม่น้ำสายบุรี ซึ่งขณะนี้ยังมีมวลน้ำก้อนใหญ่ที่ไหลจาก อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส กำลังไหลลงสู่แม่น้ำสายบุรี ซึ่งจะทำให้ปริมาณน้ำเพิ่มสูงอีกใน 1-2 วันนี้
**น้ำป่าเขาบรรทัดหลากท่วมนาโยง
ด้านสถานการณ์น้ำป่าจากเขาบรรทัด ซึ่งกั้นระหว่าง จ.พัทลุง กับ จ.ตรัง ล่าสุดน้ำป่าได้ไหลเข้าท่วมพื้นที่ ต.ช่อง ต.ละมอ ต.นาโยงเหนือ รวมถึงในหลายพื้นที่ของอำเภอนาโยง มีน้ำท่วมขังผิวถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 เพชรเกษม จากสะพานคลองนางน้อย ไปจนถึงสถานีตำรวจภูธรนาโยง ระยะทางประมาณ 1 กม.สูง 50-60 ซม.ช่วงที่ 2 จากหน้าวัดจอมไตรถึงสามแยกเข้าบ้านหนองยวน น้ำท่วมระยะทางประมาณ 2 กม. ระดับน้ำสูง 50-60 ซม.รถยนต์เล็กไม่สามารถผ่านไปมาได้ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นาโยง ต้องเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกด้านการจราจร
**ทหาร-ตชด.ระดมกำลังเข้าช่วยเหลือ
ที่ จ.พัทลุง เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 434 พัทลุง ทหารจากกองพันทหารช่างที่ 401-402 ค่ายอภัยบริรักษ์พัทลุง ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำป่าไหลหลาก ในพื้นที่หมู่ 6 ต.พนมวังค์ อ.ควนขนุน จ.พัทลุง หลังจากหมู่บ้านดังกล่าวบ้านเรือนได้ถูกน้ำป่าไหลหลากเมื่อช่วงกลางคืนที่ผ่านมา และระดับน้ำยังคงทรงตัว
โดยบ้านเรือนประชาชนกว่า 50 ครัวเรือน ต้องอพยพไปอาศัยบ้านญาติเป็นการชั่วคราว เนื่องจากเป็นบ้านชั้นเดียว ระดับน้ำหลากท่วมในบ้านจนไม่สามารถพักอาศัยได้ ขณะที่ชาวบ้านบางครอบครัวที่มีบ้านยกพื้นสูง และได้พักอาศัยอยู่ชั้นบนก็ไม่สามารถออกไปข้างนอกได้ เนื่องจากกระแสน้ำไหลเชี่ยว โดยเจ้าหน้าที่ต้องลุยน้ำระดับอกเพื่อนำอาหารกล่องไปให้ถึงที่
*** สธ.เผยรพ.รับผลกระทบ 65 แห่ง
นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีน้ำป่าไหลหลากและน้ำท่วมฉับพลันในพื้นที่ภาคใต้ ว่า ได้รับรายงานจากศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาสาธารณภัย ด้านการแพทย์และการสาธารณสุข ปัจจุบันยังพื้นที่น้ำท่วม 6 จังหวัด ได้แก่ นครศรีธรรมราช สุราษฏร์ธานี พัทลุง นราธิวาส ยะลา และสงขลา สถานการณ์คลี่คลายแล้ว 6 จังหวัด ได้แก่ กระบี่ ชุมพร ระนอง ปัตตานี ประจวบคีรีขันธ์และตรัง มีสถานบริการได้รับผลกระทบ 65 แห่งสถานการณ์เริ่มคลี่คลายเริ่มเปิดให้บริการตามปกติแล้ว และมีบุคลากรสาธารณสุขได้รับผลกระทบ 1,296 ครัวเรือน อยู่ระหว่างประเมินความเสียหาย
วานนี้ (4 ม.ค.) หลายจังหวัดภาคใต้ยังคงได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมอย่างหนัก ขณะที่บางจังหวัดอยู่ในขั้นวิกฤตโดยเฉพาะที่ จ.นครศรีธรรมราช ได้ส่งผลกระทบกับการเดินรถไฟสายใต้แล้ว 4 ขบวนเนื่องจากน้ำท่วมสันรางจนไม่สามารถเดินรถได้ คือขบวน กทม.-กันตัง 2 ขบวน และ กทม.-นครศรีธรรมราช 2 ขบวน โดยรถไฟทั้ง 4 ขบวนหยุดเดินรถที่สถานีชุมทางทุ่งสง โดยการรถไฟได้จัดรถบัสคอยอำนวยความสะดวกตอนขนถ่ายผู้โดยไปยังสถานีปลายทาง
ขณะที่ย่าน ต.ที่วัง อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ระดับน้ำได้ท่วมสูงโดยเฉพาะละแวกสถานีรถไฟที่วัง เจ้าหน้าที่ต้องใช้เชือกผูกโยงเพื่อให้ประชาชนใช้เป็นแนวยึดป้องกันน้ำซัด ขณะเดินออกมาเพื่อหาซื้ออาหาร ส่วนทางรถไฟนั้นได้รับความเสียหายเป็นระยะทางหลายร้อยเมตร
ขณะเดียวกันน้ำป่ายังไหลหลากเข้าท่วมหลายพื้นที่ของ จ.นครศรีธรรมราช อีก โดยเฉพาะในพื้นที่ ต.ไชยมนตรี อ.เมืองฯ และ ต.นาสาร, ท้ายสำเภา, นาพรุ อ.พระพรหม หากมองจากภาพมุมสูงจะพบมวลน้ำจำนวนมากกำลังไหลหลากเข้าสู่พื้นที่ย่านชุมชน และย่านมหาวิทยาลัยรามคำแหง สาขาวิทยบริการนครศรีธรรมราช โดยเฉพาะถนนสาย 401 นครศรีธรรมราช-ร่อนพิบูลย์ การจราจรเป็นไปอย่างยากลำบากเนื่องจากถูกน้ำท่วมในระดับสูง เจ้าหน้าที่ต้องปิดการจราจรเป็นระยะเนื่องจากรถยนต์ทุกชนิดไม่สามารถใช้การได้ ขณะที่ฝนยังคงตกหนักและระดับน้ำสูงมากขึ้นเรื่อยๆ
**ยะลาอ่วมหลังฝนตกติดต่อหลายวัน
ส่วนในพื้นที่ จ.ยะลา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลาเขต 1 แจ้งว่าว่า มีโรงเรียนในสังกัดได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมจำนวน 12 แห่งในพื้นที่ อ.รามัน จ.ยะลา และโรงเรียนบ้านทุ่งเหรียง อ.เมือง จ.ยะลา ซึ่งโรงเรียนทั้ง 12 แห่งนี้จะต้องปิดการเรียนการสอนอย่างไม่มีกำหนดจนกว่าสถานการณ์น้ำจะคลี่คลาย
ขณะที่ในพื้นที่ ต.ท่าธง อ.รามัน มีพื้นที่ที่ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วมประกอบด้วยพื้นที่บ้านโต๊ะพราน ม.1 บ้านจะรังตาดง ม.2 บ.พรุ ม.3 บ้านป่าบอน ม.4 ต.ท่าธง อ.รามัน จ.ยะลา ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวมีประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วมที่รอรับการช่วยเหลือเป็นจำนวนมาก นอกจากนั้น ที่บริเวณ สภ.ท่าธงหลังเก่า ซึ่งปัจจุบันใช้เป็นหน่วยบริการประชาชนของตำรวจตระเวนชายแดน ก็ถูกน้ำท่วมขังโดยรอบด้วย
ขณะที่ปริมาณน้ำในแม่น้ำสายบุรี ซึ่งไหลผ่าน อ.รามัน จ.ยะลา ทำให้พื้นที่ริมแม่น้ำ ต.ตะโละหะลอ ต.อาซ่อง ต.กายูบอเกาะ ต.ท่าธง ถูกน้ำเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่ และบ้านเรือนของประชาชนริมแม่น้ำสายบุรี ซึ่งขณะนี้ยังมีมวลน้ำก้อนใหญ่ที่ไหลจาก อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส กำลังไหลลงสู่แม่น้ำสายบุรี ซึ่งจะทำให้ปริมาณน้ำเพิ่มสูงอีกใน 1-2 วันนี้
**น้ำป่าเขาบรรทัดหลากท่วมนาโยง
ด้านสถานการณ์น้ำป่าจากเขาบรรทัด ซึ่งกั้นระหว่าง จ.พัทลุง กับ จ.ตรัง ล่าสุดน้ำป่าได้ไหลเข้าท่วมพื้นที่ ต.ช่อง ต.ละมอ ต.นาโยงเหนือ รวมถึงในหลายพื้นที่ของอำเภอนาโยง มีน้ำท่วมขังผิวถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 เพชรเกษม จากสะพานคลองนางน้อย ไปจนถึงสถานีตำรวจภูธรนาโยง ระยะทางประมาณ 1 กม.สูง 50-60 ซม.ช่วงที่ 2 จากหน้าวัดจอมไตรถึงสามแยกเข้าบ้านหนองยวน น้ำท่วมระยะทางประมาณ 2 กม. ระดับน้ำสูง 50-60 ซม.รถยนต์เล็กไม่สามารถผ่านไปมาได้ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นาโยง ต้องเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกด้านการจราจร
**ทหาร-ตชด.ระดมกำลังเข้าช่วยเหลือ
ที่ จ.พัทลุง เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 434 พัทลุง ทหารจากกองพันทหารช่างที่ 401-402 ค่ายอภัยบริรักษ์พัทลุง ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำป่าไหลหลาก ในพื้นที่หมู่ 6 ต.พนมวังค์ อ.ควนขนุน จ.พัทลุง หลังจากหมู่บ้านดังกล่าวบ้านเรือนได้ถูกน้ำป่าไหลหลากเมื่อช่วงกลางคืนที่ผ่านมา และระดับน้ำยังคงทรงตัว
โดยบ้านเรือนประชาชนกว่า 50 ครัวเรือน ต้องอพยพไปอาศัยบ้านญาติเป็นการชั่วคราว เนื่องจากเป็นบ้านชั้นเดียว ระดับน้ำหลากท่วมในบ้านจนไม่สามารถพักอาศัยได้ ขณะที่ชาวบ้านบางครอบครัวที่มีบ้านยกพื้นสูง และได้พักอาศัยอยู่ชั้นบนก็ไม่สามารถออกไปข้างนอกได้ เนื่องจากกระแสน้ำไหลเชี่ยว โดยเจ้าหน้าที่ต้องลุยน้ำระดับอกเพื่อนำอาหารกล่องไปให้ถึงที่
*** สธ.เผยรพ.รับผลกระทบ 65 แห่ง
นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีน้ำป่าไหลหลากและน้ำท่วมฉับพลันในพื้นที่ภาคใต้ ว่า ได้รับรายงานจากศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาสาธารณภัย ด้านการแพทย์และการสาธารณสุข ปัจจุบันยังพื้นที่น้ำท่วม 6 จังหวัด ได้แก่ นครศรีธรรมราช สุราษฏร์ธานี พัทลุง นราธิวาส ยะลา และสงขลา สถานการณ์คลี่คลายแล้ว 6 จังหวัด ได้แก่ กระบี่ ชุมพร ระนอง ปัตตานี ประจวบคีรีขันธ์และตรัง มีสถานบริการได้รับผลกระทบ 65 แห่งสถานการณ์เริ่มคลี่คลายเริ่มเปิดให้บริการตามปกติแล้ว และมีบุคลากรสาธารณสุขได้รับผลกระทบ 1,296 ครัวเรือน อยู่ระหว่างประเมินความเสียหาย