ปีพ.ศ. 2559 ที่เพิ่งผ่านไป นับว่าเป็นปีที่ชีวิตและอำนาจ ทักษิณ ตกเป็นฝ่ายแพ้อย่างเห็นได้ชัด คิดการณ์ใดก็ล้มเหลว ก็โดนน็อคไปแทบทุกเรื่อง
ปี 59 ถือว่าเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อทางการเมืองไทย เนื่องจากเป็นห้วงเวลาที่มีการสร้างกติกาปกครองประเทศ หรือร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
ทักษิณ อดีตนายกรัฐมนตรี และปัจจุบันคือนักโทษหนีคดีอาญา ได้เริ่มเปิดศึกกับรัฐบาลประยุทธ์ โดยหยิบเรื่องร่างรัฐธรรมนูญ มาเป็นประเด็นโจมตีรัฐบาล และคสช. ตั้งแต่ต้นปี 59 ซึ่งอยู่ในระหว่างจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ ทักษิณออกสื่อนอกวิพากวิจารณ์การจัดทำรัฐธรรมนูญ และโจมตีรัฐบาลและคสช. อย่างหนัก หวังสร้างแรงกดดันแก่รัฐบาลประยุทธ์ และคสช. เพื่อปูทางไปสู่วาระที่ตนต้องการ คือการสร้างอำนาจต่อรองผลประโยชน์บางเรื่อง
สิ่งที่มองเห็นว่า ทักษิณต้องการเอาเรื่องการร่างรัฐธรรมนูญมาต่อรองกับคสช. เพราะในการให้สัมภาษณ์ของเขาได้ยื่นข้อเสนอมายังเมืองไทยว่า จะเขียนรัฐธรรมนูญ ต้องมาคุยกับเขา ซึ่งไม่ได้บอกว่าจะให้ใครไปคุย เรื่องอะไร
แต่คงหมายถึง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ทางพลเอกประยุทธ์ ไม่ได้หวาดหวั่นและหลงกล ไม่ได้ให้ความสำคัญกับคำเสนอของทักษิณ การเดินหน้าเขียนรัฐธรรมนูญเป็นไปตามแผน และกรอบเวลา
ทักษิณเมื่อเห็นว่ายื่นข้อเสนอต่อรองไม่สำเร็จ ก็ลดบทบาทตัวเองลง เปิดแนวรบใหม่ โดยส่งลิ่วล้อออกมาถล่มคสช. ต่อเนื่อง นักการเมืองปากกล้าจากเพื่อไทยทุกตัว ดาหน้าออกมาถล่มพลเอกประยุทธ์ อย่างไม่เกรงใจ ก็ถูกพลเอก ประยุทธ์โต้กลับจนหลายคนโดนเรียกไปปรับทัศนคติ บางคนที่ปากกล้าพาจน ก็ถูกกล่าวโทษแจ้งข้อหาความผิดอาญา
โดนทุบหนักๆ เข้า นักการเมืองเพื่อไทย ก็หลบลี้หนีหน้าไม่กล้าขันอาสาออกรบ เพราะคงไม่อยากจะเอาตัวเองมาเสี่ยงคุก จนทักษิณหาคนมาคอยเป็นอาวุธที่จะใช้ก่อกวนรัฐบาลประยุทธ์ไม่ได้ หันไปใช้บริการแกนนำ นปช.แทน เช่น เปิดศูนย์ปราบโกงก่อนกำหนดวันลงประชามติ หวังจะก่อกวน ก็ยิ่งแล้วใหญ่ พูดไปคนไม่ฟัง ประชาชนไม่เอาด้วย คนเสื้อแดงที่เคยหลงใหลก็ยังเมิน
การจุดประเด็นถล่มร่างรัฐธรรมนูญ เป็นยุทธศาสตร์สำคัญ เป็นไม้เด็ดเพื่อหวังใช้ออกไปถล่มให้คสช.ให้เละ และเมื่อถึงการลงออกเสียงลงประชามติรับหรือไม่รับ ร่างรัฐธรรมนูญ ทักษิณก็เดินแผนหนักข้อขึ้นอีก เพื่อไม่ให้ร่างรัฐธรรมนูญผ่านประชามติ ที่จะส่งผลให้ คสช. กับรัฐบาล ขาดความชอบธรรมในการเป็นรัฏฐาธิปัตย์ต่อไป
เมื่อถึงวันออกเสียงประชามติ ที่ก่อนวันออกเสียง 7 สิงหาคมไม่กี่วัน ก็เกิดขบวนการบิดเบือนเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญ ที่ภาคเหนือ หวังจะหลอกลวงให้ประชาชนหลงเชื่อ แต่โดนทหารเช็คบิลเสียก่อน ทำให้นายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ กับลูกน้องนับสิบต้องรับเคราะห์แทน เจอคดีอาญาโทษสถานหนัก
ทักษิณ วางแผนทำศึกล้มรัฐบาลประยุทธ์ และทุบคสช. ผ่านการไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ แต่ผลออกมาคนไทยเห็นชอบรัฐธรรมนูญ ฉบับคสช. ทักษิณเลยไปไม่เป็น เป็นความพ่ายแพ้ที่บอบช้ำไม่น้อย เพราะเสียคนไปเยอะ เสียเงินไปมาก และที่สำคัญ ความคิดที่จะเดินเกมการเมืองต่อไปก็ถึงทางตัน หมดหมากเกมจะเล่นต่อไป
มาถึงเหตุการณ์ทึ่ทักษิณแทบกระอักเลือด ก็คือการที่ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ โปรดเกล้าฯ ให้เป็นประธานองคมนตรีอีกครั้ง เนื่องจากทักษิณ คงคิดว่า พลเอกเปรม จะไม่สามารถกลับมาได้แล้ว แต่ก็ผิดคาด เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ช็อกความรู้สึกของทักษิณ และเป็นความพ่ายแพ้ครั้งสำคัญ ที่เกิดกับเขาในช่วงท้ายปี 59
น่าสังเกตุว่า ทักษิณ ไม่ถูกโฉลกกับเลข 9 ทักษิณมักจะมีเภทภัยมาถึงตัว ในปีที่ลงท้ายด้วยเลข 9 ปี 59 ก็สรุปได้ว่าทักษิณ แพ้ทุกศึกอย่างยับเยิน และเมื่อย้อนไปในปี 2549 ในวันที่ 9 เดือน 9 เขาก็โดนยึดอำนาจจากทหาร จนกลายเป็นคนไร้แผ่นดินอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
ปี 59 ถือว่าเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อทางการเมืองไทย เนื่องจากเป็นห้วงเวลาที่มีการสร้างกติกาปกครองประเทศ หรือร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
ทักษิณ อดีตนายกรัฐมนตรี และปัจจุบันคือนักโทษหนีคดีอาญา ได้เริ่มเปิดศึกกับรัฐบาลประยุทธ์ โดยหยิบเรื่องร่างรัฐธรรมนูญ มาเป็นประเด็นโจมตีรัฐบาล และคสช. ตั้งแต่ต้นปี 59 ซึ่งอยู่ในระหว่างจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ ทักษิณออกสื่อนอกวิพากวิจารณ์การจัดทำรัฐธรรมนูญ และโจมตีรัฐบาลและคสช. อย่างหนัก หวังสร้างแรงกดดันแก่รัฐบาลประยุทธ์ และคสช. เพื่อปูทางไปสู่วาระที่ตนต้องการ คือการสร้างอำนาจต่อรองผลประโยชน์บางเรื่อง
สิ่งที่มองเห็นว่า ทักษิณต้องการเอาเรื่องการร่างรัฐธรรมนูญมาต่อรองกับคสช. เพราะในการให้สัมภาษณ์ของเขาได้ยื่นข้อเสนอมายังเมืองไทยว่า จะเขียนรัฐธรรมนูญ ต้องมาคุยกับเขา ซึ่งไม่ได้บอกว่าจะให้ใครไปคุย เรื่องอะไร
แต่คงหมายถึง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ทางพลเอกประยุทธ์ ไม่ได้หวาดหวั่นและหลงกล ไม่ได้ให้ความสำคัญกับคำเสนอของทักษิณ การเดินหน้าเขียนรัฐธรรมนูญเป็นไปตามแผน และกรอบเวลา
ทักษิณเมื่อเห็นว่ายื่นข้อเสนอต่อรองไม่สำเร็จ ก็ลดบทบาทตัวเองลง เปิดแนวรบใหม่ โดยส่งลิ่วล้อออกมาถล่มคสช. ต่อเนื่อง นักการเมืองปากกล้าจากเพื่อไทยทุกตัว ดาหน้าออกมาถล่มพลเอกประยุทธ์ อย่างไม่เกรงใจ ก็ถูกพลเอก ประยุทธ์โต้กลับจนหลายคนโดนเรียกไปปรับทัศนคติ บางคนที่ปากกล้าพาจน ก็ถูกกล่าวโทษแจ้งข้อหาความผิดอาญา
โดนทุบหนักๆ เข้า นักการเมืองเพื่อไทย ก็หลบลี้หนีหน้าไม่กล้าขันอาสาออกรบ เพราะคงไม่อยากจะเอาตัวเองมาเสี่ยงคุก จนทักษิณหาคนมาคอยเป็นอาวุธที่จะใช้ก่อกวนรัฐบาลประยุทธ์ไม่ได้ หันไปใช้บริการแกนนำ นปช.แทน เช่น เปิดศูนย์ปราบโกงก่อนกำหนดวันลงประชามติ หวังจะก่อกวน ก็ยิ่งแล้วใหญ่ พูดไปคนไม่ฟัง ประชาชนไม่เอาด้วย คนเสื้อแดงที่เคยหลงใหลก็ยังเมิน
การจุดประเด็นถล่มร่างรัฐธรรมนูญ เป็นยุทธศาสตร์สำคัญ เป็นไม้เด็ดเพื่อหวังใช้ออกไปถล่มให้คสช.ให้เละ และเมื่อถึงการลงออกเสียงลงประชามติรับหรือไม่รับ ร่างรัฐธรรมนูญ ทักษิณก็เดินแผนหนักข้อขึ้นอีก เพื่อไม่ให้ร่างรัฐธรรมนูญผ่านประชามติ ที่จะส่งผลให้ คสช. กับรัฐบาล ขาดความชอบธรรมในการเป็นรัฏฐาธิปัตย์ต่อไป
เมื่อถึงวันออกเสียงประชามติ ที่ก่อนวันออกเสียง 7 สิงหาคมไม่กี่วัน ก็เกิดขบวนการบิดเบือนเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญ ที่ภาคเหนือ หวังจะหลอกลวงให้ประชาชนหลงเชื่อ แต่โดนทหารเช็คบิลเสียก่อน ทำให้นายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ กับลูกน้องนับสิบต้องรับเคราะห์แทน เจอคดีอาญาโทษสถานหนัก
ทักษิณ วางแผนทำศึกล้มรัฐบาลประยุทธ์ และทุบคสช. ผ่านการไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ แต่ผลออกมาคนไทยเห็นชอบรัฐธรรมนูญ ฉบับคสช. ทักษิณเลยไปไม่เป็น เป็นความพ่ายแพ้ที่บอบช้ำไม่น้อย เพราะเสียคนไปเยอะ เสียเงินไปมาก และที่สำคัญ ความคิดที่จะเดินเกมการเมืองต่อไปก็ถึงทางตัน หมดหมากเกมจะเล่นต่อไป
มาถึงเหตุการณ์ทึ่ทักษิณแทบกระอักเลือด ก็คือการที่ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ โปรดเกล้าฯ ให้เป็นประธานองคมนตรีอีกครั้ง เนื่องจากทักษิณ คงคิดว่า พลเอกเปรม จะไม่สามารถกลับมาได้แล้ว แต่ก็ผิดคาด เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ช็อกความรู้สึกของทักษิณ และเป็นความพ่ายแพ้ครั้งสำคัญ ที่เกิดกับเขาในช่วงท้ายปี 59
น่าสังเกตุว่า ทักษิณ ไม่ถูกโฉลกกับเลข 9 ทักษิณมักจะมีเภทภัยมาถึงตัว ในปีที่ลงท้ายด้วยเลข 9 ปี 59 ก็สรุปได้ว่าทักษิณ แพ้ทุกศึกอย่างยับเยิน และเมื่อย้อนไปในปี 2549 ในวันที่ 9 เดือน 9 เขาก็โดนยึดอำนาจจากทหาร จนกลายเป็นคนไร้แผ่นดินอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้