กว่า 1 ล้านไลค์ในอินสตาแกรมที่ทั่วโลกพร้อมใจกันมอบหัวใจให้จนทะลุหลักล้าน ทันทีที่เห็นภาพควายเล่นน้ำ ถูกนำไปเผยแพร่อยู่ใน “Instagram Features” ทั้งยังมีการถ่ายทอดเรื่องราวสุดประทับใจผ่านเว็บบล็อกของทางอินสตาแกรมให้ออกสู่สายตาคนทั่วโลก จนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ควายไทยนี่อเมซิ่ง” จริงๆ
FEEL GOOD ไม่พลาดที่จะพูดคุยถึงเรื่องราวอันแสนน่ารักชวนอบอุ่นใจจากคุณ “ภูกระดึง อึ้งเจริญสุกานต์” และ “วิชญาวดี อึ้งเจริญสุกานต์” สองสามีภรรยาที่ช่วยชีวิต 2 ควายแม่-ลูกให้รอดตายจากพ่อค้าเนื้อ และเรื่องราวการมาเป็นเจ้าของควายที่เซเลปมากที่สุดในตอนนี้ . .
7 ปี “สถาปนิก” โกทูสกลนคร
ย้อนกลับไปก่อนการเดินทางสู่ชีวิตที่รักสงบจะได้เริ่มต้นขึ้น เขาคือหนุ่มนักออกแบบจากคณะสถาปัตยกรรมฯ มหาวิทยาลัยศิลปากร ชีวิตในช่วงวัยที่เรียนจบคงเหมือนกับบัณฑิตหลายคนที่กำลังส่งใบสมัคร และหวังว่าจะได้เข้าทำงานในที่ไหนสักที่ เขาเองก็คือหนึ่งในนั้นที่นำความสามารถที่เรียนมาผันตัวสู่อาชีพ “สถาปนิก”
เขาทำงานในด้านที่เรียนมาตลอด 7 ปี ชีวิตในเมือง การแข่งขัน และความก้าวหน้า อาจไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการที่สุด ด้วยวันเวลาที่ทำให้อายุของใครบางคนมากขึ้นตามไปด้วย นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาตัดสินใจเดินทางกลับบ้าน เพื่อความตั้งใจเดียวคืออยากดูแล “พ่อแม่”
“จริงๆ แล้วผมเกิดที่จังหวัดสกลนคร มีบ้านอยู่ในตัวเมืองจังหวัดสกลฯ และที่บ้านมีสวนอยู่นอกตัวเมืองไปสักประมาณ 15 กิโลฯ ซึ่งที่สวนไม่มีคนอยู่ พ่อเขาจะมาดูสวนทุกวันอาทิตย์เพราะชอบปลูกต้นไม้ นอกนั้นก็จะฝากเพื่อนบ้านดูแล
ส่วนตัวผมเองหลังจากเรียนจบผมก็ทำงานที่กรุงเทพฯ ได้ 7 ปี พอเราทำงานมาได้สักระยะเริ่มรู้สึกว่าอยากกลับไปอยู่ใกล้ๆ พ่อกับแม่ เพราะเขาก็อายุเยอะแล้ว จึงตัดสินใจกลับไปอยู่บ้าน สวนที่บ้านก็จะปลูกหลายอย่าง มีต้นไผ่ ต้นมะปราง ต้นมะยงชิด ขนุน มะม่วง ลำใย หลายอย่างเลยครับในพื้นที่ 25 ไร่”
การตัดสินใจเปลี่ยนการใช้ชีวิตจากที่เคยอยู่แต่ในเมืองสู่ชีวิตในชนบท อาจเป็นเรื่องยากสำหรับใครหลายคนที่ต้องใช้เวลาในการปรับตัว แต่ไม่ใช่กับเขาเพราะความชอบในธรรมชาติและการปลูกต้นไม้ นี่จึงไม่ใช่อุปสรรคอะไรเท่าไหร่นัก สำหรับคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพฯ มานาน แล้วจะต้องย้ายกลับไปอยู่ที่หมู่บ้านเล็กๆ ในสกลนคร
“กลับมาแรกๆ ผมคิดว่าจะทำสวนเพราะเราชอบอยู่แล้ว แต่พอเอาเข้าจริงๆ กลายเป็นว่าเราต้องทำงานออกแบบต่อ มีเพื่อน มีคนรู้จักฝากงานให้ช่วยออกแบบหน่อย เราก็จะทำงานออกแบบเป็นหลัก ส่วนการทำสวนเราจะปลูกผักเพื่อกินเองช่วงทุกๆ หน้าหนาว ตอนนี้มันก็มีความสุขดี คำว่า “ความสุข” ของผมคือเรารู้สึกสบายๆ รู้สึกสบายใจ รู้สึกสบายกาย คงเหมือนกับทุกๆ คนที่มีความสุขเขาจะต้องเริ่มรู้สึกว่าตัวเองสบายใจที่จะทำสิ่งๆ นั้น ”
ควายไทยดังไกลทั่วโลก
อย่างที่เห็นกันในโลกออนไลน์ว่ามีการแชร์ภาพน่ารักๆ ของเหล่าเจ้าควายในอริยาบถต่างๆ ให้ได้ยิ้มตามในความน่ารักอย่างไม่ขาดสาย ซึ่งก่อนจะกลายมาเป็นควายเซเลปที่ทาง Instagram นำภาพและเรื่องราวออกมาถ่ายทอดให้คนทั่วโลกได้รับรู้ จนยอดไลค์พุ่งทะยานสู่หลักล้านนี่ต้องบอกเลยว่าชีวิตน้องควายไม่ได้โรยด้วยกลีบกุกลาบ
“ผมได้มา 2 ตัว (ตอนหลังตั้งชื่อว่าข้าวเจ้ากับข้าวเหนียว) ตอนต้นปี 54 พออยู่ๆ ไปสักพักข้าวเหนียวมันตาย ข้าวเจ้ามันเลยต้องอยู่ตัวเดียว อยู่ตัวเดียวมาได้ 2 ปี เราก็คิดว่าจะหาเพื่อนให้เขา ผมก็พยายามผสมเทียมอยู่ 2-3 ครั้งก็ไม่ติด จนมีอยู่วันหนึ่ง มีรถกะบะขนควายมา 2 ตัวจอดที่หน้าบ้านผม
เจ้า 2 ตัวนั้นมันเป็นควายที่พ่อค้าควายนำมาแลกกับควายที่บ้านผม เขาบอกว่าจะเอาควาย 2แม่ลูกมาแลกกับข้าวเจ้า ซึ่งตัวแม่ก็ท้องอยู่ด้วย ตอนนั้นผมไม่แลกหรอกแต่ลองถามเล่นๆ ว่าถ้าแลกน่ะราคาเท่าไหร่ เขาบอกต้องวัดตามน้ำหนักต้องเพิ่มเงินให้เข้าด้วย”
ฟังถึงตอนนี้เราแอบคิดในใจว่ามันคงเป็นเรื่องของโชคชะตาอะไรบางอย่างแน่ๆ ที่ทำให้เขาได้เจอกับควาย 2 แม่ลูก และได้ช่วยชีวิตมันไว้ก่อนจะถูกนำไปขายต่อให้พ่อค้าเนื้ออย่างไม่รู้ชะตากรรม พ่อค้าคนดังกล่าวเจรจาที่จะแลกเปลี่ยนต่อไปแต่เขาก็ยังยืนยันที่จะปฏิเสธ
“ผมบอกไม่ได้หรอก เลี้ยงมาอย่างกับหมา(หัวเราะ) ให้มันไปตายไม่ได้หรอก”
“เราเลยถามว่าควาย 2 แม่ลูกนี่เอามาจากไหน เขาบอกมีคนขายให้เพราะเลี้ยงไม่ไหวแล้ว 2 ตัวนี้ซื้อมา 65,000 ถ้าไม่มีใครรับแลกเขาก็จะเอากลับบ้าน เพราะมีพ่อค้าเนื้อมารออยู่ เราก็อ้ำๆ อึ้งๆ ไป พอดีคุณติ๋ม ภรรยาผมถามว่าไม่ช่วยเหรอ ตอนนั้นผมก็ไม่มีเงิน แต่ด้วยความที่อยากช่วยเลยมัดจำเงินเขาไป 16,500 และบอกอีก 5 หมื่นเดี๋ยวค่อยมาเอา”
เขาตัดสินใจซื้อควาย 2 แม่ลูกมาโดยที่ไม่รู้ว่าจะนำเงินมากมายขนาดนั้นมาจากไหน แต่ด้วยใจที่อยากช่วยรักษาชีวิตควายแม่ลูก จึงขอซื้อมาด้วยการมัดจำเงินไปจำนวนหนึ่ง ซึ่งภายหลังได้มีการช่วยเหลือจากเพื่อนๆ รวมถึงจากคนไม่รู้จักก็ได้ช่วยกันต่อลมหายใจให้กับพวกมัน
“หลังจากที่รับควายแม่ลูกมา ผมก็ถ่ายรูปมาอวดในเฟซบุคว่าข้าวเจ้าได้เพื่อนแล้วนะ ซึ่งจริงๆ ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจจะเปิดระดมทุนอะไร ผมแค่เล่าในคอมเมนท์ว่าได้มายังไง ยังไม่ได้จ่ายตังเขานะ(หัวเราะ) พอคนมาเห็นเขาก็อยากช่วย ทีนี่เลยกลายเป็นว่าทุกคนร่วมกันช่วยชีวิตมันมา”
มุมอ้อนของควาย
“ควายมันไม่เหมือนสุนัขกับแมวที่เรียกชื่อแล้วจะหัน แต่ถึงหันมันก็จะหันแบบช้าๆ เนิบๆ ผมว่าไอความช้าๆ ของเขามันน่ารักดี ลองคิดว่าถ้าเขาหันเร็วๆ แบบแมวกับสุนัข เขาของเขาคงจะขวิดไปโดนคนอื่น”
เขาขยายความให้เราฟังเกี่ยวกับความสงสัยว่าควายมันมีนิสัยยังไงกัน ฟังจากน้ำเสียงแล้วเรารับรู้ได้ถึงความรักและความเอ็นดูที่เขามีต่อสมาชิกสี่ขา เขาบอกว่าควายมันมีความน่ารักของมัน พร้อมกับยกตัวอย่างสถานการณ์หนึ่งขึ้นมาให้เราฟังจนอดยิ้มตามไม่ได้
“ตอนข้าวปั้นเกิด ตอนนั้นข้าวเหนียวท้องแก่มากใกล้จะคลอด (ข้าวเหนียว - ควายที่ได้มาจากเพื่อนภายหลังจากที่รับควาย 2 แม่ลูกมา) ผมหันไปเห็นมันทำท่าแปลกๆ คงใกล้จะคลอดแล้วล่ะ ผมก็เรียกติ๋มมาดูเพราะเขาเป็นสัตวบาล ครั้งแรกที่เห็นคือผมเห็นกีบออกมาก่อนและตามด้วยจมูก ตา โผล่ออกมา มันยังไม่ได้คลอดออกมาหมด
หลังจากนั้นช่วยๆ กันดึงออกเพราะข้าวเหนียวมันหมดแรง เราช่วยกันดึงคนละข้าง พอข้าวเหนียวมันลุกขึ้นยืนลูกก็คลอดออกมาได้เลย ผมคิดว่าข้าวปั้นมันต้องคิดว่าผมเป็นแม่แน่ๆ เลย(หัวเราะ) เพราะมันเห็นผมคนแรก พอเวลาเจอทีไรมันจะรีบวิ่งมาหา ผมก็เลยประทับใจตอนนี้ที่สุด”
ดูเหมือนว่าเจ้าข้าวปั้นน่าจะเป็นควายที่ขี้อ้อนที่สุดในสมาชิกทั้งหมด มุมมุ้งมิ้งของมันคือทุกครั้งที่เจ้าของเรียก มันจะเดินมาหาและคลอเคลียใกล้ๆ บ้างก็เลียมือเลียแขน บ้างก็ขอแค่ได้ยืนอยู่ใกล้ๆ
“ควายตัวอื่นจะนิ่งๆ เฉยๆ กันนะครับ จะมีข้าวปั้นที่อ้อนๆ หน่อย เรียกปุ๊บมันจะร้องและวิ่งมาหา บางทีวิ่งมาก็เลียมือ เลียกางเกง บางทีก็เดินๆ มาแค่มาอยู่ใกล้ๆ จริงๆ ผมว่าควายทุกบ้านมันก็ดูน่ารักไปหมดนะ มันมีมุมน่ารักของมัน ยกเว้นแต่ช่วงที่มันไม่น่ารักคือตอนมันไปเล่นโคลน และสะบัดโคลนมาใส่เรานี่ล่ะ(หัวเราะ)”
เรื่อง พิมพรรณ มีชัยศรี
ภาพ @Phukadung
ชมภาพ