ผู้จัดการรายวัน 360 - ตร.หลายกองร้อยบุกล้อมวัดธรรมกาย สาวกจานบินตื่นตูมแห่สวดมนต์ปิดประตูหวั่นบุกรวบ “ธัมมชโย” ก่อน ตร.เจรจาขอเคลียร์สิ่งกีดขวางเส้นทางสาธารณะ “ศรีวราห์” พอใจไม่มีเหตุวุ่น แย้มขอศาลเข้ารื้ออาคารสร้างผิด กม. นายกฯเตือน จนท.อย่าตกหลุมวัดจานบิน ขอฉลองปีใหม่ก่อนค่อยว่ากัน ประชดบุกวันไหนจะไปอยู่แนวหน้า อีกด้าน 84 สนช.เข้าชื่อเสนอแก้มาตรา 7 พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ตัดอำนาจ มส.ชงชื่อสังฆราช ถวายเป็นพระราชอำนาจตามโบราณราชประเพณี “หมอเจตน์” เชื่อผ่านทางตันปม “สมเด็จช่วง”
วานนี้ (27 ธ.ค.) เมื่อเวลา 04.30 น. ที่สถานีตำรวจภูธร (สภ.) คลองหลวง จ.ปทุมธานี เจ้าหน้าที่ตำรวจ เตรียมกำลังชุดปราบจลาจล ชุดควบคุมฝูงชน สังกัดกองบังคับการตำรวจภูธร ภาค 1 จาก จ.ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา นนทบุรี สระบุรี และสมุทรปราการ จำนวนกว่า 7 กองร้อย พร้อมเจ้าหน้าที่ทหาร ฝ่ายปกครอง กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เจ้าหน้าที่เก็บกู้วัตถุระเบิด รถควบคุมผู้ต้องหา และรถเครื่องขยายเสียง เพื่อเตรียมเข้าดำเนินภารกิจที่วัดพระธรรมกาย โดยมี พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา รักษาราชการแทน (รรท.) รองผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 1 (รอง ผบช.ภ.1) เป็นปล่อยแถวเจ้าหน้าที่ไปยังบริเวณโดยรอบวัพระธรรมกาย โดยมีการเปิดเผยว่าภารกิจครั้งนี้ได้ใช้หมายค้นของตำรวจ และดีเอสไอ ร่วมกัน
** แค่ย้ายสิ่งกีดขวางทางสาธารณะ
และเมื่อเวลา 08.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 4 กองร้อย ได้เข้าตรึงกำลังทุกประตูเข้าออกของวัดพระธรรมกาย เพื่อเตรียมรับคำสั่งเข้าปฏิบัติหน้าที่ โดยเฉพาะประตู 5 กับประตู 6 ฝั่งถนนเลียบคลองแอนด์ 2-3 ยังมีประชาชน โดยมีพระภิกษุสงฆ์มานั่งสวดมนต์ และมีผู้สื่อข่าวมาเฝ้าทำข่าวกันอย่างเนืองแน่น นอกจากนี้ยังมีลูกศิษย์และเจ้าหน้าที่ของวัดพระธรรมกายมาเฝ้าสังเกตการณ์การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้สื่อข่าวโดยตลอด ท่ามกลางกระแสข่าวเจ้าหน้าที่ดีเอสไอและตำรวจเตรียมจะเข้าดำเนินการเข้าไปตรวจค้นและจับกุม พระเทพญาณมหามุนีหรือพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับใน 3 คดี ได้แก่ 1.คดีก่อสร้างสำนักสงฆ์ รุกป่าภูเรือ จ.เลย 2.คดีก่อสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรม เวิลด์พีซวัลเล่ย์ รุกป่าเขาใหญ่ จ.นครราชสีมา และ 3. คดีรับของโจรฟอกเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น เพื่อนำตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมาย
ต่อมา พ.ต.อ.เขมพัทธ์ โพธิพิทักษ์ ผู้กำกับ สภ.คลองหลวง ได้เจรจากับ นายธัชนนท์ พรใบหยก ทนายความของวัดพระธรรมกาย เพื่อให้นำประชาชนที่นั่งสวดมนต์ และรถจักรยานยนต์ออกจากเส้นทางสาธารณะ โดยทางตำรวจได้ใช้รถขยายเสียงประกาศขอความร่วมมือจากประชาชนด้วย
จนเมื่อเวลา 13.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้แก๊สตัดรั้วเหล็กเปิดทางเคลื่อนย้ายสิ่งกีดขวาง บริเวณประตู 5 ซึ่งยังมีพระ-เณรนั่งเรียงแถวหน้ากระดานประจันหน้าอยู่ จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ได้นำรถลาก 6 ล้อเข้ามารื้อสแลน ก่อนนำแก๊สเชื่อมเหล็กมาตัดรั้วเหล็กซึ่งเป็นสิ่งกีดขวางเส้นทางสาธารณะ โดยไม่มีการต่อต้านจากลูกศิษย์วัดพระธรรมกาย เพียงแต่มีลูกศิษย์จำนวนหนึ่งโพกหัว สวมแว่นตาดำ และหน้ากากอนามัย อำพรางใบหน้า คอยจับตาการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยใช้โทรศัพท์บันทึกภาพไว้ตลอดเวลา โดยไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้น
เมื่อเวลา 15.00 น. ที่บริเวณประตู 15 วัดพระธรรมกาย ทางตำรวจจากภูธรภาค 1 พร้อมเจ้าหน้าที่กองร้อยควบคุมฝูงชนอีกจำนวนหนึ่ง ได้เข้าเจรจากับ นายสุธี ช่วยบำรุง ทนายความวัดพระธรรมกาย เพื่อให้ทางวัดดำเนินการกลบหลุมขนาดกว้าง 3x3 เมตร ลึกราว 1.5 เมตร ที่ทางวัดขุดไว้กลางถนนลูกรังเลียบคลอง ริมรั้วกำแพงวัดพระธรรมกาย ใกล้กับทางเข้าวัดตรงประตู 15 แล้วมีการขึงสแลนสีเขียวล้อมเอาไว้ เนื่องจากถนนดังกล่าวเป็นพื้นที่สาธารณะ ซึ่งทางวัดรับปากว่าจะทำการฝังกลบให้เรียบร้อย แต่มีข้อต่อรองขอให้ทางตำรวจถอนกำลังออกจากบริเวณรอบวัดไปอยู่ที่ สภ.คลองหลวง
** “ศรีวราห์” แย้มรอศาลสั่งรื้ออาคารวัด
อีกด้าน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เปิดเผยว่า ภารกิจในวันนี้ไม่ได้ต้องการเข้าตรวจค้นวัดพระธรรมกาย เป็นเพียงการเข้าไปดำเนินการกับสิ่งกีดขวาง เนื่องจากธนารักษ์จังหวัดได้ร้องทุกข์ให้ดำเนินคดี เพราะมีสิ่งกีดขวางของทางวัดปิดทางสาธารณะ เบื้องต้นมี 2 จุด บริเวณโดยรอบวัด และมีการกางเต็นท์ขวางถนน ส่วนจุดอื่นๆ ยังไม่มีการดำเนินการเนื่องจากมีการแจ้งความร้องทุกข์ไว้แค่ 2 จุดเท่านั้น ซึ่งสถานการณ์เป็นปกติไม่มีเหตุการณ์วุ่นวาย
“ได้กำชับกับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในการขอคืนพื้นที่ว่าให้ดูแลประชาชนอย่าให้เกิดเหตุการณ์กระทบกระทั่ง” พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า การขอคืนพื้นที่ในครั้งนี้ถือเป็นการกดดันให้ พระธัมมชโย เข้ามอบตัวด้วยหรือไม่ พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยว ครั้งนี้เป็นการขอคืนพื้นที่สาธารณะเท่านั้น และไม่ได้กำหนดระยะเวลาว่าดำเนินการให้แล้วเสร็จเมื่อใด แต่คิดว่าการขอคืนพื้นที่จะไม่ทำให้เกิดเหตุการณ์บานปลาย ได้กำชับเจ้าหน้าที่ให้ดำเนินการละมุนละม่อม ส่วนการดำเนินการจับกุมพระธัมมชโยและการขอหมายค้นเพิ่ม ต้องสอบถาม พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ตนเป็นเพียงผู้ปฏิบัติงานเท่านั้น อย่างไรก็ตามขณะนี้กำลังมีการพิจารณษในส่วนของอาคาร หรือสิ่งปลูกสร้าง ตามที่มีการร้องทุกข์ว่า เป็นการก่อสร้างอาคารโดยไม่รับอนุญาต รวมทั้งโบสถ์ กำแพง ทุกอย่างเป็นไปตาม พ.ร.บ.อาคาร ปี 2479 และ 2522 ส่วนจะมีโอกาสถึงขั้นรื้อสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดหรือไม่นั้น ต้องรอศาลอนุมัติก่อน เบื้องต้นมีการรวบรวมพยานหลักฐานเอาผิดกับทนายหรือบุคคลที่ออกมาพูดว่าการก่อสร้างต่างๆไม่ผิด ถ้าจากการตรวจสอบแล้วพบว่ามีความผิด จะต้องดำเนินคดีข้อหานำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ
** “บิ๊กตู่” ขอรอจังหวะเหมาะค่อยบุก
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตอบคำถามสื่อมวลชนก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เกี่ยวกับปฏิบัติการปิดล้อมวัดพระธรรมกายของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งมีรายงานมาว่าเจ้าหน้าที่ต้องรอคำสั่งพิเศษเพื่อเข้าดำเนินการในครั้งนี้ โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวสั้นๆ ว่า “คำสั่งอะไรล่ะ กฎหมายว่าอย่างไร ก็ว่าตามกฎหมาย”
ภายหลังการประชุม ครม. พล.อ.ประยุทธ์ ตอบคำถามสื่อมวลชนที่ถามว่า จะดำเนินการกับพระธัมมชโยก่อนหรือหลังเทศกาลปีใหม่ว่า เรื่องนี้ไม่ได้ประโยชน์อะไรกับประเทศชาติ โดยตอนนี้วัดพระธรรมกายมีคดีอยู่ประมาณ 200 กว่าคดี ขอให้ไปดูความคืบหน้าของการดำเนินคดี ส่วนการดำเนินการอื่นๆ ทางดีเอสไอได้เตรียมการไว้อยู่แล้ว ถ้าสถานการณ์พร้อมเมื่อไร หรือเป็นไปตามที่มีการออกหมายจับเมื่อใด เจ้าหน้าที่ก็เข้าไปดำเนินการเมื่อนั้น อย่าไปเร่งรัดอะไร ตอนนี้ขอให้ทุกคนมีความสุขในช่วงปีใหม่ก่อน
“เจ้าหน้าที่จะเสียถ้ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ทุกคนก็ต้องคาดการณ์ออกอยู่แล้วว่าเขาต้องการอะไร เราจะต้องไปเดินไปตามทางที่เขาขุดล่อเอาไว้อย่างนั้นหรือ มันเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องเป็นผู้ควบคุมสถานการณ์นี้ให้ได้ กฎหมายเขียนอยู่แล้วว่า ถ้าเหตุการณ์มันจะไปสู่ความวุ่นวายหรืออันตราย ก็ให้เจ้าหน้าที่ไปดำเนินการในเวลาที่เหมาะสม เขาไม่ได้สั่งว่าต้องเป็นเมื่อไหร่ ทุกคนก็รู้อยู่แล้ว อยากให้เกิดขึ้นเร็วๆไหม ใครอยากจะไปด้วย ถ้าเขาจะไปกันเมื่อไหร่ ผมจะได้ให้ไปอยู่แนวหน้าด้วยกันเลย”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ด้าน นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า ตนปล่อยให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติดำเนินการเรื่องของวัดพระธรรมกายไปตามข้อกฎหมาย ส่วนดีเอสไอทำไปตามหน้าที่และข้อกฎหมายให้เต็มที่ อะไรทำได้ก็ให้ทำไป โดยก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเข้ารื้อโครงสร้างต่างๆ ได้รายงานให้ทราบแล้ว เมื่อถามว่าหลังจากนี้จะมีการเจรจากันอีกครั้งก่อนที่จะเข้าทำการจับกุมตัวหรือไม่ นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า ยังไม่รู้ ทุกอย่างเหมือนกับที่นายกฯระบุคือให้เจ้าหน้าที่ทำอย่างเต็มที่
** ปูด “ธัมมี่” กบดานอยู่ภาคเหนือ
ขณะที่ นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต ส.ส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าววิเคราะห์สาเหตุที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่บุกจับพระธัมมชโยว่า เป็นเพราะพระธัมมชโยไม่อยู่ที่วัดพระธรรมกาย แต่ยังอยู่ในจังหวัดใดจังหวัดหนึ่งทางทิศเหนือ ซึ่งหากที่ตนพูดไม่จริง ก็ขอให้พระธัมมชโยออกมาแถลงข่าวปฏิเสธด้วย และหากพระธัมมชโยคิดว่าไม่ผิด ทำไมไม่ใช้สิทธิทางศาลในการต่อสู้ แต่กลับหนีคดีเสมือนกับเป็นการยอมรับว่าทำผิดจริง เพราะไม่ใช้ความจริงหักล้างในชั้นศาลเพื่อพิสูจน์ความจริง
** เผย 84 สนช.เข้าชื่อแก้ กม.คณะสงฆ์
ที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) นพ.เจตน์ ศิรธรานท์ โฆษกคณะกรรมาธิการกิจการวิสามัญ (วิป) ของ สนช. แถลงภายหลังการประชุมวิป สนช.ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาวาระการเข้าชื่อของสมาชิก สนช. จำนวน 84 คน เพี่อเสนอแก้ไขพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 (แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2535) ในมาตรา 7 เรื่องการสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช โดยให้ยกเลิกข้อบัญญัติเดิมและแก้ไขเป็น “พระมหากษัตริย์ทรงสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชองค์หนึ่ง และให้นายกรัฐมนตรีลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ” ซึ่งเป็นข้อบัญญัติเดิมของมาตรา 7 ใน พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ศาสนา และศิลปวัฒนธรรม ที่มี พล.ต.อ.พิชิต ควรเตชะคุปต์ เป็นประธาน กมธ. ให้เหตุผลการเสนอแก้ไขดังกล่าวได้รับฟังความเห็นจากผู้เกี่ยวข้องมาแล้ว และเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งเรื่องการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชที่ผ่านมา รวมถึงกลับไปใช้ความเดิมตามโบราณราชประเพณี ที่เป็นพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ในการสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช
“ร่าง พ.ร.บ.นี้จะเสนอเข้าที่ประชุม สนช. ในวันที่ 29 ธ.ค.นี้ ซึ่งจากการประสานงานไปยังรัฐบาล ทางครม.จะส่ง นายออมสิน ชีวพฤกษ์ รมต.ประจำสำนักนายกฯ เข้าร่วมประชุม เพื่อพิจารณารับเรื่องไปศึกษา ส่วนจะส่งเรื่องกลับมาให้ทาง สนช.เมื่อใดนั้นขึ้นอยู่กับทาง ครม. แต่คาดว่าจะเข้าสู่ที่ประชุม สนช.ได้หลังเทศกาลปีใหม่” นพ.เจตน์ ระบุ
** ตัดตอน มส.ผ่าทางตันปัญหา
ผู้สื่อข่าวถามว่า การแก้ไขกฎหมายดังกล่าวจะเป็นการตัดขั้นตอนการเสนอชื่อสมเด็จพระสังฆราชของมหาเถรสมาคมออกไปใช่หรือไม่ นพ.เจตน์ กล่าวว่า หากดูตามถ้อยคำจะเป็นลักษณะนั้นคือตัดตอนของมหาเถรสมาคมออกไป ถือเป็นการผ่าทางตันปัญหา แต่ทั้งนี้คงต้องดูการศึกษาของ กมธ.และ ครม.อีกครั้งว่าเป็นอย่างไร
ส่วนกระแสข่าวว่าอาจจะมีการเสนอให้ที่ประชุม สนช.พิจารณา 3 วาระรวดนั้น นพ.เจตน์ กล่าวว่า ที่ประชุมวิป สนช.ยังไม่ได้กำหนดจะพิจารณาอย่างไร แต่จะต้องทำโดยเร็ว ส่วนจะมีแรงต่อต้านจากผู้ที่ไม่เห็นด้วยหรือไม่นั้น ตนคงไม่สามารถให้คำตอบได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากกฎหมายใหม่ยังไม่มีการประกาศใช้แสดงว่าจะยังไม่มีการตั้งสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่ใช่หรือไม่ นพ.เจตน์ ถ้าจะตั้งก่อนกฎหมายบังคับใช้ก็ได้ แต่หากกฎหมายเสร็จแล้วจึงจะมีผลใช้บังคับ
** “ประยุทธ์” ตีมึนไม่รู้แก้ กม.สงฆ์
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงการที่สมาชิก สนช.เสนอแก้ไข พ.ร.บ.สงฆ์ว่า ถือเป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งทุกคนสามารถเสนอยกร่างกฎหมายได้ แต่ตนยังไม่ทราบรายละเอียดเรื่องการแก้ไข พ.ร.บ.สงฆ์ เพราะเป็นหน้าที่ของแต่ละฝ่าย มีขั้นตอนอยู่แล้ว ไม่ต้องไปสั่งใคร หรือใครต้องมาขออนุญาต ถือเป็นกลไกทางกฎหมายที่ฝ่ายนิติบัญญัติเป็นผู้ดำเนินการ.